หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 146 อดีตคนรัก
วันนี้เป็นวันเกิดของกู้เค่อหยิง และเหลิ่งเซ่าถิงได้จัดห้องในโรงแรมเป็นพิเศษ เพื่อจัดงานวันเกิดของกู้เค่อหยิงเมื่อ กู้เค่อหยิงดื่มไวน์แดงที่ผสมกับยาและหมดสติไป เหลิ่งเซ่าถิงก็เดินออกจากห้องพักในโรงแรม และเดินออกเข้าอีกห้องในโรงแรมเพียงลำพัง เหลิ่งเซ่าถิงได้จัดให้ชายอีกคนค้างคืนกับกู้เค่อหยิงแทนเขา
ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นหนุ่มบาร์โฮสที่ฮอตมากๆ หลังจากที่กู้เค่อหยิงได้ทำความรู้จักกับอาเหวิน ทั้งสองก็เริ่มออกเดทกัน เหลิ่งเซ่าถิงก็เลยให้อาเหวินเป็นตัวแทนของเขา และทำแบบนี้เป็นเวลามานานสามปีกว่าแล้ว
เมื่อเวลาใกล้จะหมด อาเหวินก็ออกจากห้องของกู้เค่อหยิง และเหลิ่งเซ่าถิงก็เดินออกจากโรงแรม หลังจากที่เดินออกจากโรงแรมก็ขึ้นรถเลย เลขาฯ รีบส่งข้อมูลในกระเป๋าและกล่าวด้วยความเคารพว่า: "คุณประธานเหลิ่งคะ นี่เป็นหลักฐานที่เหลิ่งเฉิงอวี่ยักยอกทรัพย์สินของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา"
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชา“ อยู่นี่ทั้งหมดแล้วใช่ไหมครับ?”
เลขาฯ รีบใส่เอาเอกสารทั้งหมดวางไว้ทันที จากนั้นยิ้มและมองไปทางเหลิ่งเซ่าถิง: "คุณประธานเหลิ่งคะ คุณไม่อยู่กับภรรยาของคุณต่อหรือคะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองไปที่เลขาฯ ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ผมก็อยากอยู่กับเธอ แต่ผมไม่มีทางเลือก เพราะผมมีงานเยอะมากและผมไม่มีเวลา ดีที่คุณเตือนผมนะ คุณโทรไปสั่งดอกกุหลาบช่อหนึ่ง ส่งไปให้เธอที่ห้องด้วยนะครับ เพื่อแสดงความขอโทษจากผม”
เลขาฯ หรี่ตาและพูดด้วยรอยยิ้ม: "คุณประธานเหลิ่งเป็นคนอ่อนโยนและเอาใจใส่จริงๆค่ะ ฉันจะทำสิ่งนี้ได้ดีแน่นอนค่ะ"
เหลิ่งเซ่าถิงมองไปที่เลขาฯ และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะรวบรวมอำนาจของตัวเองไว้แล้ว แต่ถ้าหากตีกรอบมากเกินไป มันจะทำให้คนบางคนประหม่าเกินไป เหลิ่งเซ่าถิงจะเว้นช่องว่างไว้เล็กๆน้อยๆ และปล่อยข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อเขา ดั่งเช่นเลขาฯ คนนี้ เหลิ่งเซ่าถิงรู้ว่าเขาคือของเหลิ่งหมิงอัน แต่เขายังจำเป็นต้องใช้เลขาฯ คนนี้ต่อไป เพราะเลขาฯ คนนี้จะส่งข่าวที่เขาต้องการส่งให้กับเหลิ่งหมิงอัน ดั่งเช่น:เขาและกู้เค่อหยิงมีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ……
"ไปบริษัทกันเถอะ " เหลิ่งเซ่าถิงสั่งอย่างเย็นชา
เลขาฯ รีบพูดว่า :“ ไม่ต้องกลับคฤหาสน์เหลิ่งเหรอคะ?จะเอาหลักฐานทั้งหมดมอบให้กับคุณนายเหลิ่งใช่ไหมคะ แล้วให้คุณนายเหลิ่งจัดการใช่ไหมคะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและส่ายหัว: "ไม่ต้องแล้วล่ะ ตอนนี้ผมเป็นคนดูแลตระกูลเหลิ่ง ผมจะมอบหลักฐานทั้งหมดให้กับคณะกรรมการบริษัทเองโดยตรง เพื่อดูว่าคนอื่นจะทนรับได้กับพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปแล้วอีกหรือไม่ ผมคิดว่าคนอื่นคงไม่ได้ใจกว้างเช่นนี้ ทำให้ลุงรองยักยอกทรัพย์สินดังกล่าวมากมายขนาดนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมปล่อยให้เขาดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัท เพียงเพื่อให้เขามีโอกาสยักยอกเงิน ผมคาดไม่ถึงว่าเขาจะติดกับจริงๆ”
เลขาฯ กระตุกยิ้มมุมปากและรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม: "คุณประธานเหลิ่งเป็นคนที่มองการณ์ไกลจริงๆนะคะ และคุณวางแผนไว้อย่างครอบคลุมด้วย วิธีนี้เหลิ่งเฉิงอวี่จะไม่สามารถต่อสู้กับคุณได้อย่างแน่นอน ถ้าหากไม่มีเหลิ่งเฉิงอวี่แล้ว และคุณนายเหลิ่งก็ไม่สามารถควบคุมคุณได้อีกต่อไปแล้ว”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มและพูดว่า :“พูดอะไรแบบนั้นล่ะ?คนที่คุณกำลังพูดถึงอยู่นั่นคือคุณย่าของผมนะครับ คุณย่าจะทำให้ผมลำบากใจได้อย่างไรกัน? ผมไม่สนใจหรอกว่าเหลิ่งเฉิงอวี่จะเป็นอย่างไร ผมแค่ต้องการใช้เหลิ่งเฉิงอวี่ลากเหลิ่งหมิงอันลงน้ำ เมื่อเหลิ่งหมิงอันล้มลง อยู่ในตระกูลเหลิ่งผมก็จะไม่มีศัตรูอีกแล้ว ”
เลขายิ้มแล้วพูดว่า:“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ!”
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเลขาฯ ที่ยังคงเห็นด้วยกับเขา เขาค่อยๆหันหน้าและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ริมถนนนอกหน้าต่างมีร้านค้ามากมาย เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองไปที่ร้านขนมร้านหนึ่ง หลังจากมองดูอยู่นาน เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เขาจำได้ว่าร้านขนมที่เปิดโดยเจี่ยนอี๋นั่วนั้นอยู่สุดถนนสายนี้ ถ้าเขาสามารถไปดูได้คงจะดีไม่น้อย
เหลิ่งเซ่าถิงนึกถึงตอนนี้ก็หลับตาลง เอนนอนอยู่บนเบาะหลัง เขาเคยเห็นรูปถ่ายของเจี่ยนซวงลูกสาวของพวกเขา ตัวเตี้ยๆ ตัวเล็กๆ แถมขี้อายเล็กน้อยและมีพุงอ้วน ๆ เกือบทุกรูปเธอพยายามยัดอาหารหลากหลายชนิดเข้าปาก
เขาอยากกอดเธอ และลูกชายของเขาด้วย ……
"คุณประธานเหลิ่งคะ คุณตื่นได้แล้วค่ะ ถึงบริษัทแล้วค่ะ " เลขาฯ ลงจากรถก่อน รีบเปิดประตูและพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าเบา ๆ และค่อยๆลืมตาขึ้นดวงตาของเขาเย็นชา หลังจากลงจากรถ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่อาคารตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชา นี่คือสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทตระกูลเหลิ่ง สูงและเย็นชา ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำลายได้ แต่ในที่สุดมันก็จะพังทลายลง
เมื่อกู้เค่อหยิงลุกขึ้น ฟ้าก็สว่างแล้ว เธอเอามือแตะไปด้านข้างของเธอ แต่เธอก็แตะไม่โดนเหลิ่งเซ่าถิ่งเช่นเคย แต่กู้เค่อหยิงคุ้นชินกับมันแล้ว ทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาเธอไม่เห็นเหลิ่งเซ่าถิง เธอสวมชุดนอนผ้าไหมแล้วเธอลุกขึ้นลุกจากเตียง และทานอาหารเช้าได้สองคำ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเคาะประตู บอกว่ามาส่งดอกกุหลาบ กู้เค่อหยิงเดาว่าต้องเป็นดอกไม้ที่เหลิ่งเซ่าถิงมอบให้เธอ เธอรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง และเธอเห็นการ์ดบนดอกกุหลาบนั้นมีชื่อของเหลิ่งเซ่าถิงเขียนอยู่
กู้เค่อหยิงยิ้มและวางดอกกุหลาบไว้ข้างๆ เยียดตัวอย่างขี้เกียจ หาวแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินออกจากโรงแรม หลังจากออกจากโรงแรมมีคนขับรถรอเธออยู่แล้ว กู้เค่อหยิงเข้าไปในรถและโทรออก เธอถามแบรนด์เสื้อผ้าหลาย ๆ แบรนด์ที่เธอเคยใส่เพื่อส่งเสื้อผ้าในฤดูกาลนี้ให้เธอเลือกหน่อย ต้องเลือกชุดที่ใส่แล้วเข้ากับสร้อยคอของเธอ
กู้เค่อหยิงนึกถึงสิ่งนี้และสัมผัสสร้อยคอที่คอของเธอด้วยความพึงพอใจ มันเป็นสร้อยคอที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เพชรทุกเม็ดบนนั้นถูกเจียระไนอย่างสมบูรณ์แบบ สร้อยเส้นนี้สำหรับเธอแล้วสามารถซื้อคฤหาสน์ได้หลายหลัง ในมุมมองของกู้เค่อหยิง เหลิ่งเซ่าถิงเป็นสามีที่เกือบสมบูรณ์แบบจริงๆ ถ้าหากเหลิ่งเซ่าถิงสามารถเร่าร้อนในเรื่องบนเตียงได้อีกสักหน่อยก็จะดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ยังโชคดีที่เธอยังสามารถหาผู้ชายอีกคนเพื่อคลายความเหงาของเธอได้
เมื่อกู้เค่อหยิงกลับไปถึงคฤหาสน์เหลิ่ง ก็มีคนรับใช้รีบเข้ามาช่วยเธอถือเสื้อผ้า กู้เค่อหยิงยิ้มและพูดว่า "เมื่อวานเด็กร้องไห้งอแงหรือเปล่า?"
แม้ว่ากู้เค่อหยิงจะไม่เต็มใจที่จะส่งมอบเด็กให้คนอื่น ๆ ดูแล แต่เมื่อเวลาที่เธอจะต้องออกไปค้างคืนกับเหลิ่งเซ่าถิง แต่ก็ไม่มีทางที่จะพาเด็กคนนี้ไปได้ และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะปล่อยให้เด็กอยู่ในความดูแลของคนรับใช้
สาวใช้กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า:“ไม่งอแงค่ะ”
กู้เค่อหยิงยิ้มและหรี่ตา: "เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ฉันจะไปพบคุณย่า คุณย่าคงไม่โกรธฉันแค่เรื่องใบชาหรอกนะ ถ้าหากคุณย่ายังโกรธฉันอีก ฉันคงต้องเอาสร้อยคอที่เหลิ่งเซ่าถิงมอบให้ฉัน เอาให้กับคุณย่าแล้วล่ะ มันเป็นสร้อยคอที่เหลิ่งเซ่าถิงมอบให้แก่ฉัน สามารถซื้อชาได้เต็มบ้านเลยล่ะ”
"โอ้……นี่คือการอวดสร้อยที่เซ่าถิงซื้อให้หรอกเหรอ เป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่ได้ยินวิธีการโอ้อวดแบบนี้ ……”สุยเฉิงจิ้งยิ้มและพูดขึ้นขณะที่เธอเดินลงจากบันได:“ทำไมเหรอคะ? มีปัญญาซื้อสร้อยคอได้ แต่ไม่มีปัญญาซื้อใบชา เธอต้องการบอกคุณนายเหลิ่งว่า ครอบครัวตระกูลเหลิ่งของเรายากจนมากแล้วอย่างนั้นหรือ หรือเธอต้องการอวดให้เห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงดีกับเธอมากกว่าคุณนายเหลิ่งใช่ไหม ?”
กู้เค่อหยิงถูกเหลิ่งเซ่าถิงตามใจและเอาใจมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นคนในตระกูลเหลิ่งอยู่ในสายตาของเธอแล้ว เธอเหลือบมองไปที่สุยเฉิงจิ้ง และหัวเราะเยาะออกมาพูดว่า :“ฉันคิดว่าใครเสียอีก?คุณอาสะใภ้รองเหรอเนี่ย สิ่งที่คุณพูดมันผิด ทำไมต้องไม่ลงรอยกันด้วย คุณเป็นเพียงแค่คนนอกที่เรียกว่า‘คุณท่าน’ แต่สำหรับคนในครอบครัวอย่างฉันเรียก‘คุณย่า’ คุณสามารถเปลี่ยนจาก 'คุณท่าน' เป็น 'คุณแม่' ได้เมื่อไหร่ค่อยมาสอนฉันเถอะ คุณในสมัยโบราณ เป็นแค่ลูกของนางสนมที่สืบทอดมา……”
เดิมทีกู้เค่อหยิงต้องการที่จะพูดว่า "แม้แต่คุณสมบัติที่จะสืบทอดธุรกิจของครอบครัวยังไม่มีเลย" แต่เมื่อเธอพูดถึงนี่ ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเหลิ่งเฉิงเยี่ยเป็นลูกของเหลิ่งหมิงอัน นั่นก็หมายความว่าลูกชายของเธอก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกของตระกูลเช่นกัน?
สุยเฉิงจิ้งโกรธจนตัวสั่นได้ ชี้ไปที่กู้เค่อหยิงและตะโกนออกมาเสียงดัง:“ เธอกำลังพูดถึงอะไร?เธอพูดให้ชัดเจนนะ อะไรคือลูกของนางสนม?”
กู้เค่อหยิงมองสุยเฉิงจิ้งตาขวาง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ คุณพูดอะไร คุณก็รู้อยู่แก่ใจ”
สุยเฉิงจิ้งพูดอย่างเย็นชา: "กู้เค่อหยิง ฉันจะเตือนเธอเอาไว้นะ อย่าหยิ่งยโส โอหังมากเกินไป เดิมเจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้หยิ่งยโสแบบเธอ แต่ตอนนี้มันยังมาถึงจุดนี้ได้ แล้วเธอคิดว่าตัวเองจะหยิ่งยโส โอหังได้ถึงเมื่อไหร่? เป็นไปไม่ได้ที่เหลิ่งเซ่าถิงจะปกป้องเธอตลอดไปหรอก! "
"เซ่าถิงเขารักฉันมาก ทำไมเหรอ?คุณอิจฉาเหรอคะ ?คุณอาสะใภ้รอง ถ้าหากคุณหมดประจำเดือนแล้ว และไม่มีผู้ชายอยู่เคียงข้างคุณ คุณรู้สึกอึดอัดมากใช่ไหมคะ ?อารองเขาแอบเลี้ยงดูดาราเด็กอีกแล้วใช่ไหมคะ?”กู้เค่อหยิงพูดพร้อมหัวเราะ
"เธอหุบปากเดี๋ยวนี้!" สุยเฉิงจิ้งหน้าแดงด้วยความโกรธ แม้ว่าครอบครัวของตระกูลเหลิ่งเคยทะเลาะกันมาก่อน แต่พวกเขาก็เป็นมิตรต่อกัน และน้อยมากที่จะเหมือนกู้เค่อหยิงแบบนี้ ทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติด
สุยเฉิงจิ้งสูดลมหายใจเข้าด้วยความโกรธ จากนั้นก็หัวเราะออกมา: "กู้เค่อหยิง เธออย่าหยิ่งผยองให้มันมากนัก?เจี่ยนอี๋นั่วได้รับการปล่อยตัวจากคุกเมื่อไหร่ อีกทั้งเธอยังมีลูกสาวให้กับเหลิ่งเซ่าถิงอีกด้วย"
กู้เค่อหยิงหน้าคิ้วขมวด:“อะไรนะ?เธอออกจากคุกแล้วเหรอ?”
กู้เค่อหยิงยังคงรู้เรื่องราวในอดีตระหว่างเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงบ้าง แต่เป็นคำบอกเล่าทั้งหมด รู้เพียงว่าเจี่ยนอี๋นั่วเป็นคนที่ทรยศต่อเหลิ่งเซ่าถิง และถูกตัดสินให้จำคุกแล้ว
สุยเฉิงจิ้งพยักหน้า ยกมือขึ้นปิดปากแสร้งทำเป็นแปลกใจ และพูดด้วยรอยยิ้ม: "เป็นอะไรเหรอ? นี่เธอไม่รู้เหรอ?เค่อหยิงจ๊ะ ในสมองของเธอนอกจากเครื่องประดับและกระเป๋าแล้วยังมีเรื่องอื่นหน่อยได้ไหมจ๊ะ? นี่ไม่มีใครเล่าอะไรให้เธอฟังเลยเหรอ?”
สุยเฉิงจิ้งเดินก้าวไปข้างหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้ม: "ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวที่เธอให้กำเนิดมานั้นน่ารักมาก และยังคล้ายกับเซ่าถิงมากๆ อย่างน้อยที่สุดเธอก็เหมือนเซ่าถิงมากกว่าเหลิ่งเฉิงเยี่ยที่เธอให้กำเนิดเสียอีก หรือเป็นเพราะลูกสาวจะมีหน้าตาเหมือนคุณพ่อ และลูกชายเหมือนแม่หรือเปล่านะ ? ฉันหวังว่า IQ ของเหลิ่งเฉิงเยี่ยจะไม่เหมือนของเธอ นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”
สุยเฉิงจิ้งเพิ่งพูดอะไรบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ สุยเฉิงจิ้งไม่เคยสงสัยในตัวของเหลิ่งเฉิงเยี่ยเลย เพราะเธอรู้สึกว่า เหลิ่งเซ่าถิงต้องแอบตรวจ DNA แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำดีต่อกู้เค่อหยิงและเหลิ่งเฉิงเยี่ย ถ้าหากไม่ใช่ลูกของเหลิ่งหมิงอัน นี่เป็นประเด็นเกี่ยวกับสิทธิในการรับมรดกของตระกูลเหลิ่ง เหลิ่งเซ่าถิงจะยอมรับอย่างมั่วๆได้อย่างไร?
แต่กู้เค่อหยิงตกใจกับเหตุการณ์นี้มาก เรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่สุดของกู้เค่อหยิง เธอกระพริบตาและปกปิดด้วยความตื่นตระหนกเอาไว้: "คุณ……คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไรกัน ?เฉิงเยี่ยและเหลิ่งเซ่าถิงเหมือนกันทุกอย่าง! ฉันไม่คุยกับคนปากร้ายและไม่มีเหตุผลอย่างคุณแล้ว ฉันจะไปพบคุณย่าของฉัน "
กู้เค่อหยิงพูดจบ เธอรีบเดินไปสองสามก้าว และเดินออกจากสุยเฉิงจิ้งไป แล้วเดินไปที่ประตูห้องของคุณนายเหลิ่ง กู้เค่อหยิงยังไม่ทันที่จะเคาะประตู เธอก็ถูกคนรับใช้ยกมือขึ้นขวางเอาไว้: "คุณหญิงคะ ทางที่ดีคุณอย่ารบกวนคุณนายเหลิ่งจะดีกว่านะคะ”