เจี่ยนอี๋นั่วพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาอารมณ์ของตนเองให้คงที่ เธอใช้เวลาสามเดือนในการอยู่โรงพยาบาล ในเวลานี้แม้ว่าท้องของเจี่ยนอี๋นั่วจะตั้งครรภ์ได้ไม่ถึงเจ็ดเดือน แต่ดูเหมือนกับหญิงสาวที่กำลังจะคลอดลูก จริงๆแล้วมันเป็นปัญหาของตำแหน่งของทารกในครรภ์จริงหรือ?
เจี่ยนอี๋นั่วมีข้อสงสัยเกี่ยวกับท้องของเธอ ไม่ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เธอก็สงสัยว่าเธอกำลังท้องลูกแฝด ไม่ใช่เพียงแค่เพราะท้องของเธอใหญ่มาก แต่ยังเป็นเพราะสัญชาตญาณของการเป็นแม่ บางครั้งเจี่ยนอี๋นั่วก็สามารถรับรู้ได้จังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่ชัดเจนของทารกทั้งสอง
"ไม่ใช่ท้องแฝดจริงๆเหรอ?" อี๋นั่วถามแพทย์ที่มาตรวจเธอและอดไม่ได้ที่จะยิ้มเบาๆให้กับเธอคนนั้น
"ไม่ใช่" แพทย์เหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว "ไม่ใช่ว่าคุณได้ดูผลตรวจแล้วหรือไง? ไม่เพียงแค่ตรวจโดยโรงพยาบาลของเราเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ผู้คุมของคุณยังได้ติดต่อโรงพยาบาลและพบสูตินรีแพทย์จากโรงพยาบาลอื่นๆอีก2แห่งเพื่อตรวจให้คุณ? ทำไมคุณถึงยังตั้งข้อสงสัยอีก? หญิงตั้งครรภ์บางครั้งจะมีลางสังหรณ์ที่ผิดพลาด หน้าท้องของคุณนั้นเป็นเพราะน้ำคร่ำที่เพิ่มมากขึ้น อย่าไปคิดมากเลย"
หลังจากแพทย์กล่าวจบ ก็พูดคุยกับเจี่ยนอี๋นั่วนิดหน่อยและเดินจากไป กุญแจมือตรงข้อมือของเจี่ยนอี๋นั่วถูกถอดออกแล้ว ตอนนี้ร่างของเจี่ยนอี๋นั่วบวมและอ้วน เธอไม่สามารถวิ่งหนีไปได้เธอจึงไม่ต้องใส่กุญแจมือ
หลังจากที่แพทย์ออกไป เจี่ยนอี๋นั่วก็ยิ้มและหยักหน้าเบาๆให้กับท้องของเธอพร้อมกับกล่าวว่า "อาจเป็นหม่าหม้าเองที่คิดมากจนเกินไป"
เจี่ยนอี๋นั่วกล่าวจบ เธอยิ้มและลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมหนาๆ เดินไปข้างเตียงอย่างระมัดระวัง เธอเปิดหน้าต่างและสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด เธอแตกต่างจากหญิงตั้งครรภ์คนอื่น เนื่องจากเสรีภาพที่จำกัดของเธอ เธอจึงไม่สามารถออกไปออกกำลังกายด้านนอกได้บ่อยนัก เจี่ยนอี๋นั่วพยายามเดินอยู่ภายในห้องพักของเธออีกสองสามรอบและพยายามสูดลมหายใจเพื่อเอาอากาศบริสุทธิ์อีกหลายครา
เทศกาลปีใหม่ใกล้จะสิ้นสุดลง ในขณะนี้กลิ่นอายของเทศกาลปีใหม่บนท้องถนนก็ยังไม่ลดลงและยังคงมีโคมไฟสีแดงแขวนอยู่ที่ประตูร้านค้าเกือบทุกแห่ง หอผู้ป่วยที่เจี่ยนอี๋นั่วได้อาศัยนั้นอยู่ตรงข้ามกับถนนแห่งการค้า ในทุกๆวันเจี่ยนอี๋นั่วได้เปิดหน้าต่างในเวลาเดิมเสมอ เธอมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาจากบานหน้าต่างรั้วเหล็กนั้น เจี่ยนอี๋นั่วชอบมองดูผู้คนเดินผ่านไปและผ่านมา เธอพบว่ามันน่าสนใจกว่าการดูทีวี คนเหล่านี้มีชีวิตมากกว่าตัวละครในทีวี พวกเขากำลังวิ่งใช้ชีวิตเพื่อชีวิตของตัวเอง ทุกคนล้วนแต่มีเรื่องราวของตัวเองกันทั้งนั้น
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถึงความหนาวเหน็บ เธอก็เตรียมที่จะปิดหน้าต่าง ทันใดนั้นเธอก็เห็นใครบางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขานั่งอยู่ในรถและเปิดกระจกทำให้เจี่ยนอี๋นั่วมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน ใบหน้านั้นนั่นคือเหลิ่งเซ่าถิง!
เหลิ่งเซ่าถิงนั่งอยู่ภายในรถยนต์ ดูเหมือนว่ารถจะรอสัญญาณไฟจราจร เขาค่อยๆหันศีรษะและมองมาทางอี๋นั่ว เมื่อทั้งสองได้สบสายตา เจี่ยนอี๋นั่วก็ยกมือขึ้นมาและปิดปากตัวเองไว้เพื่อที่จะไม่ให้ตนเองนั้นตะโกนอะไรออกมา แม้ว่าระยะทางจะไกลออกไป แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็สามารถรับรู้ได้ว่าการจ้องมองของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นพุ่งตรงมาที่เธออย่างชัดเจน
แต่ระยะทางไกลเกินไป ในขณะนั้นเจี่ยนอี๋นั่วมองเห็นเพียงโครงร่างของเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างคลุมเครือ ใบหน้าของเขาดูซีดลงกว่าเดิมมากและเขาก็ดูผอมลงทำให้โครงร่างของแก้มของเขาดูคมชัดขึ้นแต่คิ้วของเขาก็ยังคงเข้มชัดเจนเช่นเดิม เมื่อมองใครก็ยังคงเจาะจงอยู่เช่นเคย
คุณหมั้นแล้วจริงหรือ? คุณรู้ไหมว่าลูกน้อยของเรากำลังจะเกิด? รู้ไหมว่าฉันอยากอยู่กับคุณมาก? คุณอยากให้ลูกมีชื่อว่าอะไร?
เจี่ยนอี๋นั่วมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง แต่รถที่เหลิ่งเซ่าถิงนั่งมานั้นจอดรอสัญญาณในระยะเวลาที่สั้นมาก อี๋นั่วยังคงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอเห็นเซ่าถิง ก่อนที่เธอจะได้สติ รถที่เหลิ่งเซ่าถิงนั่งมานั้นก็ได้ออกตัวไปแล้ว อี๋นั่วรีบโผล่หัวของเธอออกมา แต่รั้วเหล็กด้านนอกหน้าต่างปิดกั้นเธอ เธอจึงหมดความพยายามและมองเห็นเพียงด้านหลังของรถเท่านั้น
เจี่ยนอี๋นั่วขยี้ตาอย่างสุดแรง เธอพยายามจะมองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เธอยังสามารถมองไปที่ด้านหลังของเหลิ่งเซ่าถิงผ่านกระจกรถด้านหลัง แต่ด้วยไฟรถที่กะพริบสองสามครั้ง รถคันดังกล่าวก็ได้หายไปจากสายตาของอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เธอทำได้เพียงมองไปยังทิศทางที่รถหายและหวังว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้ง
เหลิ่งเซ่าถิงดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นของลมหนาวเลย ในขณะที่รถขับในความเร็ว เขาก็ยังคงเปิดหน้าต่างอยู่
จนคนขับอดไม่ได้ที่จะเตือน “ประธานเหลิ่ง ปิดหน้าต่างเถอะ ระวังเป็นหวัด”
เหลิ่งเซ่าถิงปิดหน้าต่าง เขาหลับตาและออกคำสั่งอย่างเย็นชา "กลับคฤหาสน์เหลิ่ง งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว"
คนขับพยักหน้าแล้วเหยียบคันเร่งอย่างเต็มแรง เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆลืมตาขึ้น เขาหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง มือซ้ายที่วางไว้บนเข่าของเขาเขียนคำว่า นั่ว ในชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิงเขาไม่เคยรักใคร และไม่เคยรู้สึกละอายใจแก่ใจเลยจนกระทั่งเขาได้พบกับเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วทำให้เหลิ่งเซ่าถิงได้รู้ว่าการตกหลุมรักใครสักคนและการได้รับความรักจากใครสักคนนั้นสวยงามและบริสุทธิ์มากเพียงใด แต่ก็ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกได้ถึงความละอายใจต่อใครสักคนนั้นช่างเจ็บปวดมากเพียงใด
เหลิ่งเซ่าถิงรู้สึกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะมาอธิบายอะไรให้เจี่ยนอี๋นั่วได้รับฟัง ถ้าวันหนึ่งเขาได้พบกับเจี่ยนอี๋นั่วบางทีเขาอาจจะพูดกับเธอว่า "ขอโทษที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับคนไร้ความสามารถแบบฉัน"
เมื่อรถขับไปถึงคฤหาสน์เหลิ่ง เหลิ่งเซ่าถิงก็ลุกขึ้นและลงจากรถ กางเกงสูทห้อยลงทันทีและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีริ้วรอยใดๆ ความคิดที่แสดงออกระหว่างทางก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
เจี่ยนอี๋นั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอมองดูทิศทางที่รถหายไป จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตู เจี่ยนอี๋นั่วจึงจะปิดหน้าต่างลงและรีบหมุนตัวกลับไป
ผู้คุมเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันสองกล่อง เธอยิ้มและพูดกับอี๋นั่วว่า "มา กินเกี๊ยวกัน ฉันรู้ว่าเธอเจริญอาหาร ฉันได้เตรียมมาให้เธอเป็นแบบสองกล่องพิเศษ เธอจะต้องอิ่มอย่างแน่นอน"
ผู้คุมกล่าว จ้องมองอี๋นั่วที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เธอยิ้มและพูดอีกครา "ยังจะยืนอยู๋ทำไม? รีบมานั่งบนเตียงเร็ว"
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพยักหน้าในทันที เธอกลับมานั่งลงบนเตียง เปิดฝากล่องอาหารและสูดดมกลิ่นอาหารจากนั้นเธอยิ้มและกล่าว "หอมมากเลย…"
"รู้สึกว่าหอมก็ต้องกินได้มากขึ้นอีกแน่" ผู้คุมกล่าวพร้อมรอยยิ้ม "ที่นี่มีจิ๊กโช่วด้วย เธอจิ้มกินได้เลย"
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าอย่างรีบร้อน เธอไม่มีเวลาที่จะรับตะเกียบ เธอตรงไปหยิบเกี๊ยวและพุ่งตรงเข้าปากไปสองสามชิ้น อาหารเต็มปากของเธอและพึมพำว่า "อร่อยจัง"
"อร่อยมากก็จริงแต่อย่าหยิบไปแบบนั้น เอาตะเกียบไป อยู่ในห้องพักตลอดเชื้อโรคเยอะแยะ เธอจะกินเกี๊ยวหรือจะกินเชื้อโรค?" หลังจากผู้คุมคุ้นเคยกับเจี่ยนอี๋นั่วแล้วเธอก็จู้จี้มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนป้าเพื่อนบ้านที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นมากกว่า ไม่เหมือนกับผู้คุมเลย
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและหลังจากรับตะเกียบแล้วเธอก็กินเกี๊ยวต่อไป อี๋นั่วเอาแต่จับเกี๊ยวยัดเข้าปากแก้มทั้งสองข้างปูดจนผู้คุมที่อยู่ข้างกายก็กล่าวว่า "ช้าๆ กินช้าลงหน่อย…"
เจี่ยนอี๋นั่วยังคงไม่หยุดกินกระทั่งเธอกินเกี๊ยวทั้งสองกล่องจนหมด เจี่ยนอี๋นั่วขยี้ตาที่แดงก่ำของเธอ เธอส่งยิ้มให้ผู้คุมและพูดว่า "เกี๊ยวนี้อร่อยมาก"
ผู้คุมมองเธอและถอนหายใจ "ต่อให้อร่อยก็ต้องค่อยๆกิน มาเถอะดื่มน้ำหน่อย"
เจี่ยนอี๋นั่วรับน้ำที่ผู้คุมส่งมาให้เธอ เธอจิบน้ำอุ่นและส่งยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า "ขอบคุณ"
ขอบคุณ เหลิ่งเซ่าถิง ขอบคุณที่มาหาฉัน
เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะเธอนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาก อี๋นั่วดูเหมือนจะกินได้มากขึ้น บางครั้งเมื่อมองไปที่ผู้หญิงตัวอ้วนในกระจก อี๋นั่วอดคิดไม่ได้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงในวันนั้นมองเธอในรูปร่างแบบนี้ เขาจะมองเธอออกจริงๆหรือ หลังจากเธอท้อง รูปร่างของเธอก็เปลี่ยนไปมากและเธอก็ไม่ได้ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของเธอเลย
หากว่ามีโอกาสอีกครั้ง เจี่ยนอี๋นั่วต้องการใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและดูดีขึ้นเพื่อให้เหลิ่งเซ่าถิงเห็นว่าไม่ใช่ชุดคนป่วยหรือชุดแรงงาน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะดูอ้วนขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เธอก็ยังผอมเมื่อเทียบกับหญิงตั้งครรภ์คนอื่น เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าสารอาหารที่เธอกินเข้าไปมากมายนั้นอาจถูกเด็กในท้องดูดซึมไปแล้ว เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงเรื่องนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัวชี้ไปที่ท้องของเธอและกล่าวเบาๆ "นี่เป็นความอยากอาหารของเด็กน้อยจริงๆ"
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งเดือน เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าร่างกายของเธอเริ่มไม่สามารถทนได้แล้ว แพทย์ได้เตือนอี๋นั่วว่าสภาพร่างกายของเธอมีแนวโน้มที่จะคลอดก่อนกำหนดและเธอต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ตอนนี้สำหรับเจี่ยนอี๋นั่ว การให้กำเนิดลูกก่อนกำหนดนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ
แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอดทน เธอรู้สึกว่าถ้าเธอตั้งครรภ์เด็กคนนี้ต่อไปอีกสองสามวันอันตรายที่เด็กจะต้องเผชิญก็จะน้อยลงเมื่อคลอดเด็กออกมา ความอดทนแบบนี้ในฐานะแม่ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วนั้นหลับยากในทุกคืน ท้องของเธอถูกกดทับจนแทบหายใจไม่ออก
เจี่ยนอี๋นั่วหลับตาลง หลังจากนอนได้สักพัก จู่ๆก็มีพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือและพูดกับอี๋นั่ว "มีสายเรียกเข้ามาหาคุณ"
อี๋นั่วขมวดคิ้วและรับโทรศัพท์มือถืออย่างสะลึมสะลือ จากนั้นพยาบาลก็ได้เดินออกไปจากห้องพักในทันที เสียงหัวเราะของชายคนหนึ่งดังมาจากไมโครโฟน "อี๋นั่ว คิดถึงผมไหม?"
เจี่ยนอี๋นั่วตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงของชายคนนั้น "เหลิ่งหมิงอัน?"
"ใช่ล้ว" เหลิ่งหมิงอันหัวเราะ "ขอโทษด้วยที่ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังจะโทรรบกวนคนท้อง แต่ผมมีของขวัญให้คุณ คุณอยากเห็นไหม?"
“คุณจะกำลังเล่นบ้าอะไร?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะ "คุณหันหน้ามาสิ มองออกไปนอกหน้าต่าง …"
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว หันศีรษะช้าๆและมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้ว่าจะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่สามารถมองเห็นแสงที่สว่างไสวอยู่ด้านนอก เจี่ยนอี๋นั่วประคองตัวเองกับกำแพงไว้แล้วเดินออกจากเตียงอย่างช้าๆ เธอเดินไปยังหน้าต่าง เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและทันทีที่เห็น ท้องฟ้าในยามค่ำคืนเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟที่งดงาม ดอกไม้ไฟทำให้เมืองในเวลากลางคืนมีสีสันสดใสราวกับว่ามีการจัดงานเฉลิมฉลองที่สำคัญ
"นี่คือของขวัญที่ผมให้คุณ" เหลิ่งหมิงอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เป็นเพราะว่าดอกไม้ไฟแห่งการเฉลิมฉลองการหมั้นหมายของเหลิ่งเซ่าถิง สามารถทำให้ผู้คนได้เห็นกันทั่วทั้งเมือง!"
MANGA DISCUSSION