หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 110 พวกเราก็ไม่ต่างกันมาก
กระสุนเสียดเข้าที่แก้มของเจี่ยนอี๋นั่ว ทิ้งรอยไหม้ไว้ที่แก้มของเจี่ยนอี๋นั่ว ผ่านเตียงที่เธอนอนอยู่แล้วตกลงบนพื้น
เหลิ่งอวิ๋นเซียวเอียงศีรษะเล็กน้อยถอนหายใจเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเสียใจ :“ผมยิงพลาดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ"
หลังจากที่เหลิ่งอวิ๋นเซียวพูดจบ เขาก็หันหน้าจ้องมองไปทางเหลิ่งหมิงอัน เมื่อเห็นว่ากระสุนไม่โดนเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งหมิงอันก็ก้าวถอยหลังทันที ปล่อยลมหายใจออกมาและนั่งล้มลงกับพื้น
เหลิ่งอวิ๋นเซียวมองลงไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ: "ดูเหมือนว่าแม้ว่าผมจะพลาดการศึกษามากว่าสิบปี แต่ความแตกต่างมันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่เลยนะเนี่ย เจี่ยนอี๋นั่วคนนี้ยังมีประโยชน์จริงๆนะเนี่ย…… "
“ คุณยังต้องการใช้เจี่ยนอี๋นั่วเพื่อไปข่มขู่เหลิ่งเซ่าถิง และแลกหัวใจกับคุณ?” เหลิ่งหมิงอันขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่ เหลิ่งอวิ๋นเซียว
เหลิ่งอวิ๋นเซียวส่ายหัวไปมา และจ้องมองเหลิ่งหมิงอันค่อยๆแสดงรอยยิ้มออกมา เหลิ่งอวิ๋นเซียวดูไม่ค่อยดีนักเมื่อเขาหัวเราะออกมา สีหน้าแสดงออกมาอย่างแปลกประหลาดบนใบหน้าของเขา
เหลิ่งอวิ๋นเซียวหัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ: "หัวใจของผม ช่วยชีวิตผมไว้ไม่ทันแล้ว ผู้หญิงคนนี้สามารถมองเห็นทะลุแผนการของเราก่อนหน้านี้ได้ และเธอจะไม่ทำตามคำสั่งของผม และก่อนที่ผมจะใช้เธอเป็นตัวประกันในการข่มขู่เหลิ่งเซ่าถิง เธอต้องหาทุกวิถีทางเพื่อฆ่าตัวตาย ถ้าหากไม่ใช่เพราะพ่อทำเรื่องมากมายเพื่อผมจนท่านลำบาก ผมคงไม่อยากผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจอีกครั้ง และผมไม่อยากผ่าหัวใจของแม่ผมออกไป และไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่งอีก”
เหลิ่งอวิ๋นเซียวพูดถึงนี่ มือถือปืนไว้ อีกมือกุมที่หัวใจของเขาเอง เขาก้มศีรษะลงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ตอนนี้ผมต้องการแค่เงินเท่านั้น และผมไม่สามารถรอส่งพ่อขึ้นสวรรค์ได้ ผมควรจะเก็บเงินเหลือไว่ให้เขาใช้บ้าง”
ท่าทางของเหลิ่งอวิ๋นเซียวอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่เขาพูดจบ ท่าทางที่แสดงออกมาของเขาก็เย็นชาขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมองที่เหลิ่งหมิงอันและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ:“อย่าคิดกลอุบายอีกต่อไป ถ้ายังไม่หยุดคิดกลอุบาย ผมก็ให้ผู้หญิงที่ชื่อเจี่ยนอี๋นั่วตายไปพร้อมกันกับผม และจะฆ่าเธอเหมือนกับที่ฆ่าพ่อของเธอ!”
เหลิ่งหมิงอันยืนขึ้นก้าวถอยหลังอย่างๆช้าๆและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“คุณห้ามแตะเนื้อต้องตัวเธอเด็ดขาด ผมจะให้เงินกับคุณแน่นอน จากนั้นจะให้คุณจากไปอย่างปลอดภัย”
เหลิ่งอวิ๋นเซียวขมวดคิ้ว ราวกับว่าเขาหมดเรี่ยวแรงเล็กน้อย เขานั่งลงข้างๆเตียง ชี้ปืนไปที่หัวเจี่ยนอี๋นั่ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“ ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่เหลิ่งเซ่าถิงรัก?"
เหลิ่งอวิ๋นเซียวพูดไปด้วย พร้อมสำรวจเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวอีกครั้งและดูเหมือนคนตาย เขาจ้องมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว ราวกับว่ากำลังดูของเล่นชิ้นนึงที่น่าสนใจมาก และเสียงของเขาก็สับสนเล็กน้อย:“เหลิ่งหมิงอันคุณก็รักเธอเหมือนกัน? เธอทำได้อย่างไรกัน?"
เหลิ่งหมิงอันลดเสียงลง: "อย่ามองเธอด้วยสายตาแบบนั้น"
เหลิ่งอวิ๋นเซียวหันหน้าจ้องมองไปที่เหลิ่งหมิงอัน และพูดอย่างเย็นชา: "เมื่อผมกำลังจ้องมองไปที่เธอ ทำให้คุณนึกถึงเหลิ่งเซ่าถิง ? ผมทำให้คุณนึกถึงเหลิ่งเซ่าถิง หรือไม่ มันทำให้คุณนึกถึงฉากที่เหลิ่งเซ่าถิงอยู่ด้วยกันกับเธอ คุณอิจฉาใช่ไหม?"
“มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ!”เหลิ่งหมิงอันตอบด้วยน้ำเสียงเบา
เหลิ่งอวิ๋นเซียวพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ใช่สินะ มันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผม”
เหลิ่งอวิ๋นเซียวยกมือขึ้น และกดตรงหน้าอกที่เจ็บปวด จ้องมองไปที่ข้อมือเนียนของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งอวิ๋นเซียวไม่เข้าใจผู้หญิงเลยสักนิด แม้ว่าเขาจะเติบโตมาในความชื่นชมของผู้หญิงตั้งแต่สมัยที่เขายังเด็ก เขาไปจากตระกูลเหลิ่งจนถึงหมู่บ้านบนภูเขาที่น่าสงสารแห่งนั้น เขาสามารถได้รับความชื่นชมจากผู้หญิงจำนวนมากเพียงแค่อาศัยใบหน้าของเขา แต่เหลิ่งอวิ๋นเซียวรู้สึกเสมอว่าคนเหล่านั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลยสักนิด ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเหลิ่ง และจากนั้นเขาก็มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อคุณพ่อและคุณแม่บุญธรรมของเขา
แต่หลังจากสานสัมพันธ์กับตระกูลเหลิ่งอีกครั้ง เขากลับพบน้องชายฝาแฝดของเขา กลับมีคนรักแล้ว และยังเป็นผู้หญิงที่เขารักมากอีกด้วย เหลิ่งเซ่าถิงมีความแตกต่างจากเหลิ่งอวิ๋นเซียวมาก พวกเขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน สายเลือดเดียวกัน และเป็นคนใกล้ชิดซึ่งกันและกันมากที่สุดในโลก
เป็นเพราะมีความใกล้ชิดและมีความคล้ายคลึงกันมากเกินไป ทำให้เกิดเรื่องโต้แย้งขึ้นมากมาย เหลิ่งอวิ๋นเซียวคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงคงจะเป็นเหมือนกับเขา เหลิ่งอวิ๋นเซียวเคยดูรูปและวิดิโอของเหลิ่งเซ่าถิง ทุกอย่างของเหลิ่งเซ่าถิงที่แสดงออกมา มันยิ่งทำให้เหลิ่งอวิ๋นเซียวดูเป็นคนที่เย็นชาไร้อารมณ์และเป็นคนที่ไม่แยแสมากขึ้นไปอีก มันไม่เหมือนกับคนที่วิ่งผ่านหน้าต่างอย่างรวดเร็ว หัวเราะและตะโกนเรียก:“พี่ชายครับ ทำไมพี่ไม่ออกมาวิ่งเล่นกับผม”อย่างเด็กที่ไร้เดียงสาอีก
เหลิ่งอวิ๋นเซียวไม่สนใจเกี่ยวกับการเตรียมการระหว่างเขาและเหลิ่งเซ่าถิงของคุณย่าและคุณพ่อและคุณแม่ของพวกเขา การกระทำของพวกเขาขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของพวกเขาเอง เมื่อเขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมของเขา บางครั้งเขาก็นึกถึงเหลิ่งเซ่าถิงที่มีดีเอ็นเอที่เหมือนกับเขา และจากนั้นก็มีความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนว่าเหนืออยู่กว่า ในสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่บุญธรรมทำเพื่อเขา เหลิ่งเซ่าถิงทำไม่ได้ เมื่อเขาถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดเพื่อรับหัวใจของแม่บุญธรรม สิ่งสุดท้ายที่เขานึกถึงคือความคิดนี้
แต่เมื่อเขาพบว่าเหลิ่งเซ่าถิงมีเจี่ยนอี๋นั่วอยู่เคียงข้างเขา ความรู้สึกเหนือกว่าในใจของเหลิ่งอวิ๋นเซียวก็หายไป และเหลิ่งเซ่าถิงได้รับในสิ่งที่เขาไม่คิดจะสนใจมาโดยตลอด และไม่เคยมีสิ่งนี้ในชีวิตมาก่อน สิ่งที่น่าตลกก็คือ หลังจากที่เหลิ่งอวิ๋นเซียวรู้เรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดที่จะตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนเลย และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เขารู้สึกอิจฉาเหลิ่งเซ่าถิง เขาอิจฉาเหลิ่งเซ่าถิงในบางเรื่องที่เขาไม่เคยต้องการมีมันในชีวิต และอิจฉาเหลิ่งเซ่าถิงมาก
การที่ฆ่าพ่อของเจี่ยนอี๋นั่วไม่เพียงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่ยังเป็นเพราะความอิจฉาในใจของเหลิ่งอวิ๋นเซียว เหลิ่งอวิ๋นเซียวอยากเห็นเจี่ยนอี๋นั่วสงสัยในตัวของเหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นหักหลังเหลิ่งเซ่าถิง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า แผนการทั้งหมดจะถูกเจี่ยนอี๋นั่วจับได้ ถึงแม้แผนการจะล้มเหลว แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน มีสิ่งหนึ่งที่เหลิ่งเซ่าถิงไม่สามารถแย่งชิงมันไปได้ สิ่งที่แย่งชิงมันไปไม่ได้
น่าอิจฉาจริงๆเลย
เหลิ่งอวิ๋นเซียวคิดถึงนี่ก็เอื้อมมือไปจับมืออันขาวเนียนของเจี่ยนอี๋นั่ว แต่ไม่ได้จับด้วยความรักแบบชายหญิง แต่จับเหมือนกับคุณหมอที่กำลังพูดปลอบใจกระต่ายก่อนที่จะทำการทดลองต่างหาก
“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม คุณห้ามแตะเนื้อต้องตัวเธอ!”เหลิ่งหมิงอันจ้องมองเหลิ่งอวิ๋นเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเบา
เหลิ่งอวิ๋นเซียวเหลือบมองไปที่ เหลิ่งหมิงอันและหรี่ตา ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้ โง่จริงๆ! เขาคิดว่าจะสามารถแย่งผู้หญิงคนนี้ไปจากเหลิ่งเซ่าถิงได้จริงหรือ? ในตอนสุดท้ายเขาจะไม่หลงเหลืออะไรอีกเลย และไม่ได้รับอะไรเลย เหลิ่งหมิงอันเทียบกับเขาไม่ได้เลยสักนิด เขายังมีคุณพ่อและคุณแม่บุญธรรมของเขา เหลิ่งอวิ๋นเซียวยังสามารถมองเห็นจุดจบที่น่าสังเวชของเหลิ่งหมิงอัน ชายที่ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรเลยเมื่อปืนจ่ออยู่ที่หน้าอกของเขา แต่ผู้หญิงคนนี้กลับทำให้เขาตื่นตระหนกอย่างไม่คาดคิด
ในเวลานี้มีคนคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาจากข้างนอก ถือกล่องเงินและยื่นให้เหลิ่งหมิงอัน: "เงินเตรียมพร้อมแล้วครับ"
เหลิ่งหมิงอันรีบหยิบกล่องเงินสดขึ้นมาทันที ยกกล่องขึ้นและตะโกนใส่เหลิ่งอวิ๋นเซียว: "ผมจะให้เงินคุณ คุณสามารถปล่อยอี๋นั่วได้แล้ว"
เหลิ่งอวิ๋นเซียวหยิบกล่องเงินสดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ เขาถือปืนและค่อยๆเดินถอยห่างออกไปเล็กน้อยจนกระทั่งเขาออกจากห้องใต้ดิน เหลิ่งหมิงอันรีบไปที่ข้าง ๆตัวของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วค่อยๆลูบแผลบนใบหน้าของ เจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ จากนั้นเขาก็หันหลังไปเหลือบมองเหลิ่งอวิ๋นเซียวเดินออกจากห้องไป
ดวงตาของเหลิ่งหมิงอันหรี่ลงเล็กน้อย และเดินออกจากห้องใต้ดินไปสองสามก้าว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย เหลิ่งหมิงอันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา :“ สวัสดีครับ ผมคือเหลิ่งหมิงอันครับ ผมได้ติดตั้งตัวติดตามบนกระเป๋าเดินทางของเขาแล้ว และตอนนี้ทางเลือกก็เป็นของคุณ คุณต้องการเลือกให้เหลิ่งเซ่าถิงเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลหรือไม่ หรือจะพาเหลิ่งอวิ๋นเซียวกลับไปที่ตระกูลเหลิ่ง? เป็นของขวัญวันเกิดในปีถัดไป ถือซะว่าเป็นการมอบของขวัญให้คุณล่วงหน้าละกันนะ "
คุณนายเหลิ่งยิ้มเยาะทางโทรศัพท์ หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "พวกคุณเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาเอง ยังจะลากฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย? นี่ยังจะให้ฉันมาจัดการเก็บกวาดให้กับพวกคุณอีก?”
“ ในสิ่งที่ผมลงมือทำ คุณก็ต้องการคิดจะลงมือทำเช่นกันไม่ใช่เหรอครับ ผมก็พึ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าคุณส่งคนมาสะกดรอยตามผม ตั้งแต่วินาทีนั้น ผมก็รู้เลยว่า แผนการครั้งนี้มันได้ล้มเหลวไปแล้ว ฮึ ไม่น่าเลย ช่างเป็นแผนการล้มเหลวที่น่าสมเพชมากจริงๆ ไม่เพียงแต่เจี่ยนอี๋นั่วจะรู้ทัน แม้แต่คุณก็รู้เรื่องอีกด้วย”
เมื่อเหลิ่งหมิงอันพูดถึงนี่ ก็ส่ายหัวไปมาพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“คุณรู้เสมอว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่ แต่คุณไม่คิดจะหยุดมัน? หรือไม่ในความคิดของฉัน ถ้าคุณไม่หยุด ก็ถือว่าคุณเห็นด้วยแล้ว ตอนนี้ผู้รับผลประโยชน์ที่สูงที่ที่สุดก็คือคุณ ไม่เพียงพบหลานชายคนโปรดของคุณโดยบังเอิญแล้ว แต่ยังกำจัดเจี่ยนอี๋นั่วซึ่งเป็นคนมีผลกระทบมากที่สุดต่อเหลิ่งเซ่าถิง รอทุกอย่างเสร็จ ไม่ว่าคุณจะเลือกคนไหน คุณก็จะมีทายาทอีกคนที่พอใจและเชื่อฟังคุณขึ้น "
คุณนายเหลิ่งหัวเราะ: "ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอบคุณหรือ? ขอบคุณที่เกือบจะวางแผนจัดการเหลิ่งเซ่าถิงได้แล้ว หลานชายของฉัน?"
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ คุณนายเหลิ่งก็ไม่ลังเลเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ? ก่อนหน้านี้คุณก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าเหลิ่งเซ่าถิงเหมาะที่จะเป็นทายาทคนโปรดของคุณต่อไปหรือไม่ ผมได้ทำการทดลองให้คุณแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้เหลิ่งอวิ๋นเซียวจะสมบูรณ์แบบมาก่อน แต่เขาออกจากตระกูลเหลิ่งมานานเกินไป แล้วเขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับตระกูลเหลิ่งเลยสักนิด นอกจากนี้เขายังมือด้วนไปข้างหนึ่งอีก และมีคดีติดตัวฆ่าคุณพ่อและคุณแม่ของตัวเอง คุณอาจจะไม่สนใจความผิดที่เขาเคยก่อขึ้น จะถูกศัตรูของเขามองเห็น จะกลายเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงของเหลิ่งอวิ๋นเซียว ข้อบกพร่องนี้ร้ายแรงกว่าเจี่ยนอี๋นั่วปรากฏตัวต่อหน้าเหลิ่งเซ่าถิงเสียอีก พี่ชายใหญ่เหลิ่งอวิ๋นเซียวของผม และเป็นเพราะสาเหตุนี้ ก่อนที่เหลิ่งเซ่าถิงจะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง เขาจะใช่คนที่คุณจะเลือกให้เป็นทายาทคนต่อไปแน่นอน? แต่เหลิ่งเซ่าถิง เขาไม่เคยเป็นทายาทที่สมบูรณ์แบบในหัวใจของคุณ หลังจากที่เขามีเจี่ยนอี๋นั่วอยู่เคียงข้างกายแล้ว เขาก็ยิ่งทำให้คุณไม่พอใจมากขึ้น แต่เหลิ่งเซ่าถิงสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ แต่สำหรับเหลิ่งอวิ๋นเซียวไม่โอกาสนั้นแล้ว ตอนนี้ทางเลือกของคุณควรจะรักษาเหลิ่งเซ่าถิงเอาไว้ใช่ไหม? หรือจะเป็นเหลิ่งอวิ๋นเซียว…… "
เมื่อเหลิ่งหมิงอันพูดถึงนี่ เขาก็ลดเสียงลง พร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาอย่างน่าสงสารบนใบหน้าของเขา: "มือสังหารที่คุณส่งไปสังหารเหลิ่งอวิ๋นเซียวนั้น กำลังรอที่อยู่จากผมอยู่ใช่หรือไม่ครับ ? เนื่องจากเหลิ่งอวิ๋นเซียวไม่สามารถเป็นทายาทสืบทอดของตระกูลเหลิ่งได้ ฉะนั้นเขาก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป ท้ายที่สุดแล้วตระกูลเหลิ่งจะต้องมีเพียงเด็กที่มีพรสวรรค์และเพียบพร้อมในตระกูลเท่านั้น ไม่มีอาชญากรที่ลงมือสังหารคุณพ่อและคุณแม่ของตัวเอง "
“ คุณคิดมากเกินไปแล้ว คุณไม่คิดเลยเหรอว่าฉันจะจัดการคุณอย่างไร?” คุณนายเหลิ่งหัวเราะและถามด้วยเสียงเยาะเย้ย
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะออกมา: "คุณจะจัดการผมได้อย่างไรกันล่ะ ? ผมก็เหมือนกันกับพ่อของผมนั่นแหละ
ถ้าหากไม่มีพวกเราอยู่แล้ว เหลิ่งเซ่าถิงจะยังต้องการอำนาจอยู่อีกเหรอ?เมื่อเขาถูกคุมคามจากคนภายนอก อันดับแรกคือต้องกำจัดคุณก่อน พวกเราเป็นกาวใจระหว่างคุณและเหลิ่งเซ่าถิง ทำให้คุณสามารอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงและมีอำนาจมากขึ้น คุณจะจัดการพวกเราทิ้งได้ลงคอจริงเหรอครับ?”