หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 108 ฆ่าพ่อและแม่
เจี่ยนอี๋นั่วสัมผัสโดนขอบเตียง เหมือนเสี่ยงที่จะตกจากเตียง ในเวลานี้เธอจำได้อย่างลางๆ และไม่สามรถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ในสมองเธอตอนนี้คิดเพียงสิ่งเดียว คือไปให้พ้นจากที่นี่ให้เร็วที่สุด กลับไปอยู่ข้างกายของเหลิ่งเซ่าถิง
ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วเกือบตกจากเตียงนั้น เหลิ่งหมิงอันรีบไปจับเจี่ยนอี๋นั่วไว้ ฤทธิ์ยายิ่งอยู่ยิ่งมีผลกระทบต่อเจี่ยนอี๋นั่วมากขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วมองไปทางไหนก็มืดสนิท แล้วก็สลบไปทันที
“คนจะมีแรงสู้ขนาดไหน ก็สู้ฤทธิ์ยาไม่ได้หรอก”เหลิ่งหมิงอันเอื้อมมือไปลูบที่หัวของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วดันเจี่ยนอี๋นั่วกลับไปนอนที่บนเตียง แล้วห่มผ้าให้กับเธอ จัดทรงผมของเธออย่างระมัดระวัง
เหลิ่งหมิงอันหรี่ตาหัวเราะออกมาเบาๆพูดขึ้นว่า:“นอนหลับให้สบายเถอะ เธอทำได้ดีมากแล้ว มีผู้ชายมากมายยังเข้มแข็งสู้เธอไม่ได้เลย”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดจบ แต่กลับไม่อยากลุกขึ้น เขาค่อยๆลูบผมของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ หรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยสายตาที่อ่อนโยนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ลงมือทำแล้วตั้งหลายเรื่อง? สุดท้ายก็เป็นได้แค่ของเล่น?” เหลิ่งอวิ๋นเซียวจ้องมองไปทางเหลิ่งหมิงอันและเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
น้ำเสียงของเหลิ่งอวิ๋นเซียวเยือกเย็นมาก เหมือนไร้อารมณ์สิ้นดี น้ำเสียงที่เยือกเย็นทำให้คนไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขาเลย หลิ่งหมิงอันไม่ได้หันหลังกลับไปมอง เขาลูบผมเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย และหัวเราะพูดไปด้วยว่า:“แล้วถ้าอย่างนั้นควรจะทำอย่างไรต่อล่ะ? ใครให้เธอฉลาดขนาดนี้ รู้ความจริงทั้งหมด? ผมก็ไม่มีทางแล้ว และนี่ก็อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าการที่ได้เธอมาครอบครองมันน่าจะเป็นเรื่องที่สนุกเอามากๆ”
“แผนการล้มเหลวแล้ว คุณยังคงเป็นคุณชายรองของตระกูลเหลิ่ง แล้วผมล่ะ? คุณอาจจะคิดว่าไม่เป็นไร!“ในที่สุดน้ำเสียงของเหลิ่งอวิ๋นเซียวก็มีการเปลี่ยนแปลงนิดนึง แสดงอาการโมโหออกมา
เหลิ่งหมิงอันหันหน้ามองไปทางเหลิ่งอวิ๋นเซียว แววตาของเขาค่อยๆมองใบหน้าของเหลิ่งอวิ๋นเซียวที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเหลิ่งเซ่าถิง ค่อยๆเปลี่ยนไปมองที่แขนมือของเหลิ่งอวิ๋นเซียว เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดขึ้นว่า:“คุณก็สามารถกลับไปตระกูลเหลิ่งได้ใหม่อีกครั้ง ผมจะพาคุณไปพบคุณนายเหลิ่ง ให้คุณกลับไปเป็นพี่ชายใหญ่ของตระกูลเหลิ่ง ดีไหมครับ? พี่ชายใหญ่?”
เหลิ่งอวิ๋นเซียวใบหน้าซีดเซียวคิ้วขมวด เขาขยับริมฝีปากนิดนึง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:ดูเหมือนว่าผมเลือกคนมาเป็นคู่ผิด คุณเป็นเพียงผู้ชายที่ไม่เอาไหนและหลงรักผู้หญิงอย่างหัวปักหัวปำ”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะออกมาเสียงดัง:“เลือกผิด? คุณมีตัวเลือกแค่ผมคนเดียวหรือเปล่า? พี่ชายใหญ่ของผม ผมอยากรู้จริงๆ อุบัติเหตุเครื่องบินระเบิดในครั้งนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำให้คุณไม่กล้ากลับตระกูลเหลิ่ง และไม่กล้าพบเจอคุณนายเหลิ่งอีก คุณนายเหลิ่งนั้นเป็นคุณย่าแท้ๆของคุณนะ เพื่อคุณแล้วสามารถควักหัวใจของเหลิ่งเซ่าถิงไปแลกให้กับคุณย่าของคุณได้ คุณยังไม่กล้าพบเธอ ใช่หรือไม่ คุณทำอะไรที่ทำให้คุณย่าไม่สามารถทนได้? ต้องการที่จะกำจัดเหลิ่งเซ่าถิงทิ้งใช่ไหม ทำให้เธอไม่มีทางเลือก คุณถึงจะยอมออกมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ?”
เหลิ่งอวิ๋นเซียวเม้มริมฝีปาก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เรื่องทั้งหมดนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”
“คุณรู้อะไรไหมว่าเมื่อเคยมองคุณชื่นชมคุณขนาดไหน? คุณเกิดมาก็เป็นคนเฉลียวฉลาด ผู้ใหญ่ต่างก็พากันชื่นชมว่าคุณเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ เพราะว่าคุณไม่เพียงแต่เฉลียวฉลาดแถมยังใจเย็น และเด็กๆอย่างพวกเราก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ แต่ว่าดูคุณในตอนนี้สิ ทำไมคุณถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะและเอามือชี้ไปที่แขนของเหลิ่งอวิ๋นเซียว จากนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนข้างชี้ไปทางแขนอีกข้างที่สมบูรณ์ของเหลิ่งอวิ๋นเซียว เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ไม่เพียงแค่ไม่มีแขนหนึ่งข้าง แต่มืออีกข้างมีผิวหนังที่หยาบกร้านบนฝ่ามือ นั่นเป็นเพราะการผ่าตัดระยะยาวจึงทำเกิดเป็นผิวหนังที่หยาบกร้านบนฝ่ามือ ในขณะที่ผมหาคุณจนเจอ ก็สืบข้อมูลไว้แล้ว คุณเป็นเกษตรมาแล้วตั้งสิบกว่าปี คุณนี่มีความอดทนได้มากจริงๆ ถ้าหากหัวใจของคุณไม่เกิดมีปัญหาขึ้นมา คุณคงจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าในเขาแห่งนี้ตลอดไป เป็นเกษตรจากนั้นก็แต่งงานอยู่ในชนบทตลอดชีวิต?”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกผม”เหลิ่งอวิ๋นเซียวหรี่ตาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ผมไม่ได้ดูถูกคุณ ผมแค่รู้สึกดีใจมาก เด็กๆอย่างพวกเรา ใช้ชีวิตอยู่บนความมืดมน ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือหรือพันธมิตรของคุณ ล้วนเอาคุณเป็นต้นแบบ คาดหวังให้เด็กๆอย่างพวกเราเป็นเหมือนกับคุณ ผมคิดว่าสมัยวัยเด็กของเหลิ่งเซ่าถิงเขาต้องเคยฟังเรื่องเล่าพวกนี้มาก่อนแน่นอน และถ้าหากเหลิ่งอวิ๋นเซียวยังมีชีวิตอยู่ เขาจะยิ่งทำให้ดีมากยิ่งขึ้น ถ้าหากเหลิ่งอวิ๋นเซียวยังมีชีวิตอยู่ และเขาจะไม่มีวันทำผิดพลาดเช่นนี้ ถ้าหากคุณเป็นเหลิ่งอวิ๋นเซียว ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ต้องสอนเรื่องพวกนี้……แต่ว่าใครจะไปคิด เด็กคนที่ฉลาดที่สุดในตระกูลเหลิ่ง กลับกลายเป็นคนโมโหง่ายขนาดนี้ และเริ่มได้รับอิทธิพลจากคนอื่น ในเมื่อกล้าจะร่วมมือกับผมแล้ว? และในสายตาของทุกคน และเฉลียวฉลาดอย่างเหลิ่งอวิ๋นเซียว กลับทำเรื่องผิดอย่างมหันต์ฆ่าพ่อฆ่าแม่ของตัวเองได้ลงคอ!”
เหลิ่งหมิงอันจ้องมองเหลิ่งอวิ๋นเซียวเดินถอยหลังหนึ่งก้าว รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลิ่งหมิงอันแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขาหัวเราะพูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ดูเหมือนว่า ไม่ว่าพรสวรรค์จะสูงแค่ไหน ถ้าหากไม่ได้รับการศึกษาและการอบรมที่ดี และคงไม่มีประโยชน์อะไร อดีตผู้ที่เคยสูงส่งอย่างเหลิ่งอวิ๋นเซียว ตอนนี้กลับหายออกไปจากชีวิต อีกทั้งยังกล้าลงมือฆ่าคุณพ่อและคุณแม่ของตัวเอง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ……”
“คุณทายถูกแล้ว!”เหลิ่งอวิ๋นเซียวแววตาเปลี่ยนไปเป็นแหลมคมทันที
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะออกมา:“เห็นท่าทางของคุณ ดูเหมือนผมจะทายไม่ผิด ในเมื่อผมทายถูกต้องแล้ว ถ้าอย่างนั้นคนที่รู้เรื่องนี้คงไม่ได้มีเพียงแค่ผมคนเดียวแน่นอน ให้เวลาผมคิดนิดนึงนะ ให้ผมลองคิดดูว่าผมทายถูกไหม ผมสืบหาอุบัติเหตุเครื่องบินขัดข้องในครั้งนั้นแล้ว ก่อนที่เครื่องบินจะขัดข้องคุณพ่อของคุณได้รับสายหนึ่งสาย รายละเอียดเรื่องราวในโทรศัพท์นั้นคุณนายเหลิ่งน่าจะรู้ดี และผมก็ไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ว่าผมสืบหาเบอร์โทรเข้าเบอร์นั้น เป็นเบอร์ของโรงพยาบาลที่จะทำการปลูกถ่ายหัวใจให้กับคุณแห่งนั้น ผมตรวจสอบแล้ว คนที่จะปลูกถ่ายหัวใจให้คนคนนั้น ก่อนหน้าที่จะโทรศัพท์มาหาคุณพ่อของคุณเขาก็ฆ่าตัวตายแล้ว และโทรศัพท์สายนั้น น่าจะรายงานให้คุณพ่อของคุณรับทราบ การปลูกถ่ายอวัยวะได้ยกเลิกแล้ว เพราะว่าเวลานั้นพวกคุณกำลังนั่งเครื่องไป และเวลาไปไม่ทันที่จะปลูกถ่ายอวัยวะได้ แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณทำไมยังต้องพาคุณไปด้วยล่ะ?”
“เป็นเพราะว่าสามารถช่วยชีวิตลูกชายอีกคนไว้ไงล่ะ”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ถ้าหากพวกเขาไม่นั่งอยู่บนเครื่อง และไม่เดินทางไป และถ้าตามความคิดของคุณนายเหลิ่งแล้ว คงเอาหัวใจของเหลิ่งเซ่าถิงปลูกถ่ายให้แน่นอน พวกเขาทนไม่ได้ ทนไม่ได้ที่จะให้เด็กที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและร่าเริงคนนึง ไปเปลี่ยนให้กับเด็กที่ร่างกายอ่อนแอและเย็นชาผิดปกติ และพวกเขาไม้สามารถรับประกันได้ว่าการผ่าตัดในครั้งนั้นจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีไหม แล้วถ้าไม่สำเร็จพวกเขาจะต้องทำยังไงต่อไป? คุณนายเหลิ่งดูเหมือนคนใจดี แต่ว่าเธอชอบให้เด็กเชื่อฟังเธอและทำตามคำสั่งของเธอ เขาจะเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุดในตระกูล และเขาจะไม่ยอมให้ลูกๆขัดต่อเจตจำนงของเธอ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของคุณก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดวิธีที่ดีนี้ขึ้นมา ทั้งยังสามารถปกป้องเหลิ่งเซ่าถิง อีกทั้งยังสามารถขัดคำสั่งของคุณนายเหลิ่ง นั่นก็คือ……”
“ฆ่าผมทิ้ง” เหลิ่งอวิ๋นเซียวจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ฆ่าเด็กที่ร่างกายอ่อนแอ เย็นชา อย่างผมอย่างนั้นเหรอ และต้องการปกป้องเหลิ่งเซ่าถิง คุณแม่ของผมมีอารมณ์ตื่นเต้นมากไปหน่อย เธอมองผมเหมือนไม่ใช่เด็กคนนึงและมองผมไม่ใช่มนุษย์ เหลิ่งเซ่าถิงดูแล้วเหมือนมนุษย์มากกว่า เธอร้องไห้แล้วพูดกับคุณพ่อว่า เธอไม่อยากเจอหน้าผมทุกวัน ลูกของเธอมีแค่เหลิ่งเซ่าถิงคนเดียว ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่อยากให้ผมตาย เป็นผู้หญิงที่แปลกมากจริงๆ ทั้งที่บอกว่าเหลิ่งเซ่าถิงเป็นลูกเพียงคนเดียวของเธอ แต่กลับไม่อยากให้ผมตาย นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
เหลิ่งอวิ๋นเซียวพูดถึงนี่ค่อยๆหรี่ตา พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“เวลานั้นเครื่องบินได้บินขึ้นแล้ว พวกเขาทะเลาะกันเสียงดังมาก จนทำให้ผมตื่น ผมเดินไปจนถึงมุมๆหนึ่ง ได้ยินแผนการทั้งหมดของพวกเขา คุณพ่อคิดหาวิธีตอนที่เครื่องลงแล้ว คิดหาวิธีฆ่าผมทิ้งซะ เพราะว่าผมมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว ถ้าหากกลับไป มีแนวโน้มที่จะเอาชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิง ร่างกายของเขาไม่สามารถมีลูกได้อีก แม่แต่คุณย่าก็ไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ลูกๆมาเสี่ยงแบบนี้ แค่ช่วยชีวิตฉันคนเดียว ความคิดนั้นเขาคิดถูก และมีสติปัญญา”
ในขณะที่เหลิ่งอวิ๋นเซียวพูดอยู่นั้นกระพริบตาส่ายหัวไปมา:“แต่คุณแม่ของฉันท่านอ่อนแอเกินไป เธออยากให้ผมมีชีวิตรอดต่อไป เธอต้องการหาสถานที่แห่งหนึ่งเอาผมไปซ่อนไว้ และแพร่ข่าวออกไปว่าผมตายแล้ว จากนั้นค่อยหาคนที่สามารถปลูกถ่ายหัวใจให้กับผมได้ นี่มันเป็นทางเลือกที่โง่เขลามาก แผนการแบบนี้คุณย่าทำไมจึงดูไม่ออกล่ะ? ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่ผมจะถูกค้นหาจนเจอ และข่าวที่คุณพ่อไม่สามารถมีลูกได้อีกก็จะแพร่ออกไป คุณย่าคงจะเปลี่ยนแปลงความคิดของคุณพ่อ กลับหาเสียแรงในการหาอวัยวะปลูกถ่ายมาก มันยากมากที่คุณพ่อจะเจอวิธีการสมบูรณ์แบบนี้ เขาไม่สามารถทนให้ตัวเองยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นลูกในไส้ก็ตาม ยังจะวางอุบายเพื่อสิทธิของตัวเอง”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะจ้องมองเหลิ่งอวิ๋นเซียว ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะมีรอยยิ้ม เหลิ่งอวิ๋นเซียวเงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมต้องการความอยู่รอด ผมต้องฆ่าพวกเขาทิ้ง คุณแม่ของผมทั้งอ่อนแออีกทั้งโง่เขลามาก เธอคงถูกคุณพ่อเกลี่ยกล่อมจนใจอ่อนแน่ ดังนั้นผมจึงหาโอกาสลงมือก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัว เธอเดินมาอยู่ข้างๆผม เธอร้องไห้ไปด้วยและจ้องมองผมไปด้วย เธอพูดว่าถึงแม้เธอจะไม่ชอบผม แต่เธอจะปกป้องผมอย่างสุดความสามารถ ในขณะนั้นผมเอามีดเชือดคอเธอ แม้แต่เสียงกรี๊ดยังไม่ทันจะร้องออกมาเลย”
เหลิ่งอวิ๋นเซียวหรี่ตา ทั้งนึกถึงอดีตไปด้วยและพูดด้วยน้ำเสียงเบาไปด้วย:“จากนั้นก็ถึงคิวคุณพ่อของผม เขามีอาการที่เหนื่อยล้า เขาระมัดระวังตัวอย่างมาก ถึงแม้จะเสียแรงมากไปหน่อย แต่สุดท้ายผมก็ฆ่าเขาสำเร็จ การที่เป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอ ก็มีข้อดีนะ คนทุกคนจะไม่ป้องกันหรือระวังตัว พวกเขาคงไม่คาดคิดว่าผมจะลงมือเร็วขนาดนั้น และผมลงมือเชือดคอพวกเขาโดยไม่ลังลังเลสักนิดเดียว จากนั้นคนต่อไปก็คือคนขับเครื่องบิน เขาคือคนที่ลงมือได้ยากที่สุด และในตอนนี้ผมยังจำได้ว่าผมปาดเขาไปสามแผล เขายังดิ้นสู้ไม่หยุด ทำให้บนตัวของผมเต็มไปด้วยเลือด และทำเสื้อผ้าผมเปื้อนไปหมดและที่น่าเสียดาย ผมชอบปลายแขนเสื้อตัวนั้นเอามากๆ แต่เป็นเพราะว่าเปื้อนเลือดแล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกที่จะสวมใส่มันอีกแล้ว และตอนที่เขาดิ้นไม่หยุด แล้วเอามีดฟันที่แขนของผม เขาเป็นคนที่ลงมือได้ยากจริงๆ”
“แต่ว่า สิ่งนี้ก็เป็นการเตือนตัวเอง” เหลิ่งอวิ๋นเซียวยกแขนข้างนั้นขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น:”ผมควรเก็บสิ่งของไว้บางอย่าง ทำให้พวกเขารู้ว่าผมได้ตายไปพร้อมกับอุบัติเหตุเครื่องบินระเบิดในครั้งนั้นแล้ว”