หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 107 ผมรักคุณจริงๆ
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากอย่างแรง หันหน้าเหลือบมองที่ประตูรถ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ที่คุณพูดมันหมายความว่าอย่างไร? ฉันฟังไม่เข้าใจค่ะ? ระหว่างเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
“มีสิ เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเราก็คือ ผมประมาทคุณมากเกินไปในความฉลาดของคุณ คุณประเมินไอคิวของผมต่ำเกินไป แต่ว่าคุณฉลาดขนาดนั้น ทำไมคุณถึงไม่คิดล่ะ ว่าเมื่อคุณตัดสินใจช่วยเหอหลวนเล่อ จะทำให้ผมสงสัยคุณ? คุณไม่เคยญาติดีกับเหอหลวนเล่อเลย และจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะโทรหาเธอโดยไม่มีเหตุผล ยังเชิญชวนและนัดเธอไปทานอาหารด้วยกัน? แล้วยังเตือนเธอไม่หยุดว่าให้ระมัดระวังตัวด้วย?” เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพร้อมพูดไปด้วย
เหลิ่งหมิงอันพูดถึงนี่ ก็ส่ายหัวไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“อี๋นั่ว ถ้าหากคุณต้องการล่อให้ผมออกมา คุณควรปล่อยให้เหอหลวนเล่อตายสิ หลังจากที่เธอตายแล้ว คุณค่อยรับรู้ความจริงกับการตายของเธอ จากนั้นผมจะสั่งให้คนไปขโมยรูปทั้งหมดที่อยู่ในมือของคุณ ค่อยแกล้งทำผิดพลาด คุณถึงจะสังเกตเห็นความจริงในรูปถ่ายนั้น แบบนี้มันจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าไหม?”
ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะรู้ความจริงทั้งหมดของเหลิ่งหมิงอันแล้ว แต่ว่าเธอไม่อาจยอมรับความจริงได้ ถ้าหากเธอยอมรับออกมาเมื่อไหร่ ในเวลาที่เธอต้องเผชิญหน้าเหลิ่งหมิงอันแบบนี้ ก็ไม่สามารถจะแก้ตัวอะไรได้อีกแล้ว
เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“เหลิ่งหมิงอันคุณต้องการล้อเล่นอะไรอีกล่ะเนี่ย?คุณกำลังทดสอบฉันอยู่เหรอ? ในสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้นี้คุณพูดโกหกหรอกเหรอ? คุณไม่ได้อยากช่วยเหลือฉันและเหลิ่งเซ่าถิงจริงๆใช่ไหม?”
“ไม่ เมื่อกี้คนที่โกหกตลอดคือคุณถึงจะถูก”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพร้อมพูดว่า:“คำพูดของผมเป็นความจริงทั้งหมด และรวมไปถึงเรื่องที่ผมบอกว่ารักคุณ ผมรักคุณจริงๆ และที่สำคัญก็คือตอนที่คุณรู้ความจริงทุกอย่างในแผนการของผม ผมตั้งใจวางแผนอย่างดี แต่คุณกลับจับได้หมด แสดงว่าคุณเป็นคนที่ฉลาดมาก และในเวลาเดียวกันคุณก็เชื่อใจเหลิ่งเซ่าถิงมากเช่นกัน มิฉะนั้นเมื่อหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เหลิ่งหมิงอันเป็นฆาตกร คุณจะพยายามค้นหาความจริง ตัวตนของคุณแบบนี้ ผมก็ต้องการ ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนแปลงแผนการใหม่ทั้งหมด”
เหลิ่งหมิงอันหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆหัวเราะออกมา:“ในเมื่อไม่สามารถเล่นงานเหลิ่งเซ่าถิงได้ แต่ว่า ผมสามารถได้ตัวคุณมาเป็นของผม”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ?” เจี่ยนอี๋นั่วพูดไปด้วย และถอยหลังไปด้วย มือไปเปิดตรงประตู แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเปิดประตู พึ่งรู้ตัวว่าประตูถูกปิดล็อคอัตโนมัติแล้ว
“ประตูถูกล็อคหมดแล้ว” เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพูดขึ้นว่า:“ที่นี่ดูเหมือนรกร้างมากด้วย และดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเราแล้วล่ะ ผมคิดจะทำอะไรก็ได้……”
เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ ถอยหลังหลบนิดนึง กัดริมฝีปากแน่นแล้วพูดว่า:“ถ้าคุณกล้าแตะเนื้อต้องตัวฉัน ฉันจะทำให้คุณลิ้มรสชาติของความทุกข์ทรมาน ”
“คุณดูถูกผมมากเกินไปแล้ว คุณหนูเจี่ยนอี๋นั่ว”
เหลิ่งหมิงอันส่ายหัวไปมา หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ฉู่หมิงเซวียนยังกล้าวางยาคุณ รอคุณเป็นฝ่ายเริ่มก่อน หรือคนอย่างผมจะไม่รู้เรื่องเลยเหรอ? ทำไมผมยังเทียบไม่ได้กับฉู่หมิงเซวียนเลยเหรอ?ผมยังรอให้คุณเป็นฝ่ายเข้ามากอดผมด้วยความเต็มใจอยู่นะ ก็เหมือนกับคืนนั้นไง”
เจี่ยนอี๋นั่วเห็นเหลิ่งหมิงรู้ความจริงหมดแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป เธอคิ้วขมวดพูดขึ้น:“คุณวางแผนฆ่าพ่อของฉัน คุณฝันไปหรือเปล่าที่คิดว่าฉันจะเต็มใจเข้าไปกอดคุณอีก?เหลิ่งหมิงอันคุณกล้าจะไม่ปล่อยฉันไปเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะแก้แค้นให้พ่อของฉันที่นี่เลย พวกเราก็ตายไปพร้อมกันเลย!”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็พุ่งเข้าไปที่ตัวเหลิ่งหมิงอัน ใช้แรงบีบคอเหลิ่งหมิงอันอย่างแรง เหลิ่งหมิงอันหัวเราะออกมา คอของเขาถูกเจี่ยนอี๋นั่วบีบไว้อย่างนั้น ใบหน้าของเขาค่อยๆแดงขึ้น แต่เขาไม่คิดจะขัดขืนแต่ยังใด เขาหัวเราะพูดขึ้นว่า:“แรงแค่เนี่ยคิดว่าจะฆ่าผมได้อย่างนั้นเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตา และหาโอกาสปลดล็อคประตู จากนั้นก็รีบหันหลังเปิดประตูรถออก เตรียมจะวิ่งออกจากรถ ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วอยากจะฆ่าเหลิ่งหมิงอันมากๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เวลานี้เธอจำเป็นต้องหนีออกจากเหลิ่งเซ่าถิงให้ไกลที่สุด ไปหาเหลิ่งเซ่าถิง และเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้กับเหลิ่งเซ่าถิง ถ้าหากเธอยังอยู่ใกล้ๆเหลิ่งหมิงอันต่อไป และเหลิ่งหมิงอันอาจใช้เธอเป็นเครื่องมือในการข่มขู่เหลิ่งเซ่าถิงอีก
แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วยังไม่ทันจะหนี ทันใดนั้นมือของเธอก็โดนเหลิ่งหมิงอันคว้าเอาไว้ เหลิ่งหมิงอันจับมือของเจี่ยนอี๋นั่วไว้แน่น พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ผมรักคุณจริงๆนะ ผมชอบแผนการเหล่านี้ของคุณ ผมชอบความฉลาดของคุณ ชอบความอ่อนโยนของคุณ ชอบที่บางครั้งคุณทำผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบมาก อยู่ด้วยกันกับคุณ น่าจะมีความสุขและมีแต่เรื่องให้เซอร์ไพรส์ตลอดเวลา?”
เจี่ยนอี๋นั่วตกใจจนตาแดงก่ำ และลองสะบัดมือของเหลิ่งหมิงอันออก แล้วยังลองเตะเหลิ่งหมิงอัน แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนในระหว่างเหลิ่งหมิงอันเดินเข้ามาใกล้ๆเธอทีละนิด
“ช่วยด้วยค่ะ!” เจี่ยนอี๋ร้องตะโกนเสียงดัง
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะเดินเข้าไปใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเบา: “ จุ๊ ๆ……อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวจะไปรบกวนคนอื่นเขาได้”
เหลิ่งหมิงอันพูดไปด้วย เอามือปิดปากเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย เจี่ยนอี๋นั่วได้กลิ่นอะไรแปลกๆ จากนั้นก็รู้สึกสะลึมสะลือ และเธอรู้สึกกำลังจะหมดแรง ในขณะนั้นเหลิ่งหมิงอันก็กอดเธอไว้ แม้แต่แรงผลักเหลิ่งหมิงอันออกเจี่ยนอี๋นั่วยังไม่มีแรงพอเลย
เหลิ่งหมิงอันกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้กลางอก จ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วเหมือนกับแมวเล็กๆตัวหนึ่งที่กำลังซบอยู่ที่ตรงอกของเขา
เหลิ่งหมิงอันค่อยค่อยหัวเราะออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ทำไมเธอถึงอยากหนีผมไปขนาดนี้ คุณคิดว่าผมจะใช้คุณเป็นเครื่องมือในการข่มขู่เหลิ่งเซ่าถิงอย่างนั้นเหรอ คุณอยากหนีอย่างสุดชีวิตเพื่อไปอยู่ข้างกายเหลิ่งเซ่าถิงใช่ไหม? คุณคิดแบบนี้ได้อย่างไร? ถ้าอย่างนั้นสำหรับผมก็ไร้ประโยชน์ กลับทำให้เปิดเผยตัวจริงของผม ทำให้ผมตกอยู่ในอันตราย ตระกูลเหลิ่งของพวกเรานั้นวิชาแรกที่เริ่มเรียนคือ ทำยังไงไม่ให้ถูกคุณอื่นข่มขู่หรือคุกคามง่ายๆ ได้ เหลิ่งเซ่าถิงจะไม่ถูกคุกคามจากใครทั้งนั้น ถึงเขาจะรู้ว่าผมคุกคามคุณ อันดับแรกที่เขาคิดก็คือปลอบใจผม จากนั้นค่อยช่วยเหลือคุณออกไป ทำให้ผมตายอย่างหาร่างไม่เจอ ใช้คนมาข่มขู่เพื่อให้ได้ซึ่งเป้าหมาย เป็นวิธีของคนถ่อย การที่ต้องการเปลี่ยนแปลงใครสักคนหนึ่ง และต้องการหลอกใช้ใครสักคนหนึ่ง นั่นคือวิธีที่เพอร์เฟคที่สุด”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตา สะลึมสะลือจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน ถึงแม้เธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถหยุดพลังงานที่กำลังจะหมดไปของเธอ แม้แต่คำพูดของเหลิ่งหมิงอันก็ฟังไม่ชัดเจนแล้ว
เหลิ่งหมิงอันเอื้อมมือไปลูบที่ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพิงไปที่ข้างหูเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ผมเคยพูดแล้วว่าผมจะเปลี่ยนแปลงแผนการทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ผมต้องการคุณ ทำยังไงถึงจะได้คุณมาครอบครองล่ะ? ก็ต้องทำให้เหลิ่งเซ่าถิงยอมทิ้งคุณไปจริงๆ คุณถึงจะสามารถเป็นของผมจริงๆ คุณเชื่อใจเหลิ่งเซ่าถิงขนาดนี้ คุณคิดว่าเขาก็เชื่อใจคุณเช่นกันอย่างนั้นเหรอ? ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ว่าความจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่?”
เพราะในขณะที่เหลิ่งหมิงอันกำลังพูดอยู่นั้น อยู่ใกล้กับเจี่ยนอี๋นั่วมาก ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วสามารถได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเหลิ่งหมิงอันได้อย่างชัดเจน ในที่สุดก็ฟังชัดเจนแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วขยับปากเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉัน……ฉันไม่ใช่……ฉันไม่ใช่สิ่งของ ไม่ต้องการให้คนอื่นมาซื้อต่อ……”
แต่สิ่งที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดนั้นฟังจับใจความไม่ได้เลย เหลิ่งหมิงอันไม่รู้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วพูดอะไรกันแน่ ทำเพียงแค่หัวเราะและกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ ตอนนี้ผมกำลังดำเนินการแผนการนี้อยู่ และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าแผนการนี้มันยิ่งน่าสนใจมากขึ้น ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้เป็นทายาทสืบทอดตระกูลเหลิ่งมันจะมีประโยชน์อะไร? แล้วถ้าทำให้เหลิ่งเซ่าถิงตายแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? กำจัดแสงสว่างที่สว่างที่สุดในชีวิตของเหลิ่งเซ่าถิงออกไปโดยสิ้นเชิง และทำให้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ให้เหลิ่งเซ่าถิงทำได้เพียงแค่มองแต่ไม่สามารถครอบครองได้ และทำให้เกิดบาดแผลซ้ำๆ แบบนี้สิมันถึงจะสนุก และวิธีนี้จะเป็นการเอาชนะเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เหรอ?”
“คนบ้า……” เจี่ยนอี๋นั่วพูดประโยคสุดท้ายอย่างสะลึมสะลือ สุดท้ายก็หลับตาลงและสลบไปในทันที
เหลิ่งหมิงอันเอื้อมมือไปกอดเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ เขาหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว นั่งมองดวงตาของเธออย่างละเอียด มองจมูกของเธอ และริมฝีปากของเธอ ผิวที่ผ่องและเนียนของเธอ เขาทนไม่ไหวจนเอื้อมมือไปลูบที่ริมฝีปากของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบ:“น่ารักจริงๆเลย”
ถึงแม้ร่างกายของเจี่ยนอี๋นั่วจะถูกควบคุมด้วยยา และอยู่ในอาการสะลืมสะลือ แต่สติสัมปชัญญะของเธอนั้นแข็งแกร่งมาก และเธอพยายามดึงสติของตัวเองกลับมา และในขณะที่เหลิ่งหมิงอันข้บรถอยู่และพาเจี่ยนอี๋นั่วไปนั้น เจี่ยนอี๋นั่วก็พยายามใช้แรงลืมตาขึ้นอยู่หลายครั้ง สะลึมสะลือมองดูถนนเส้นทาง เธอพยายามจำภาพระหว่างทาง จดจำข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดเอาไว้
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถูกเหลิ่งหมิงอันอุ้มลงจากลง จากนั้นเดินเข้าไปที่มืดๆแห่งหนึ่ง และหลังจากนั้นแสงค่อยๆสว่างขึ้น สมองที่สับสนวุ่นวายของเธอ ใช้เวลานานมากในการวิเคราะห์ เธอถูกอุ้มลงไปชั้นใต้ดิน
“เธอก็คือเจี่ยนอี๋นั่ว?” น้ำเสียงที่เยือกเย็นและน่ากลัว
เจี่ยนอี๋นั่วทนไม่ไหวเงยหน้าลืมตามองไปทางคนที่พูดคนนั้น อย่างภาพเบลอๆ เธอมองเห็นดวงตาคู่หนึ่ง ล ะหม้ายคล้ายคลึงกับเหลิ่งเซ่าถิงมาก แต่สายตาที่เยือกเย็น ถึงแม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะดูเย็นชา แต่นั่นมันคือการแสดงออกมาเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ความเย็นชาแบบไม่แยแส ถ้าคนที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหลิ่งเซ่าถิอาจจะกลัว แต่ก็ไม่ถึงกับน่ากลัวหรือหวาดกลัวขนาดนั้น
แต่แววตาคู่นี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกหวาดกลัวมาก เขาจ้องมองเธอ จ้องมองเธอราวกับว่าเหมือนเธอไม่ใช่คน และดูเหมือนกำลังจ้องมองสิ่งของชิ้นนึงอยู่ หรือเนื้อเน่าเสียกองนึง เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าตัวเองน่าจะตายไป และถูกมองโดยยมทูต
“ฤทธิ์ยามันแรงขนาดนั้น เธอยังไม่สลบ ดูเหมือนอาการของเธอจะพยายามมาก เธอไม่ใช่คนที่จะถูกควบคุมได้ง่ายๆ ถ้าหากผมเจอเธอเร็วกว่านี้ และจะไม่เห็นด้วยกับแผนของคุณอย่างแน่นอน ผมเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์” ชายที่มีดวงตาคล้ายกับเหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และหันหลังมองไปทางเหลิ่งหมิงอัน
ในขณะที่ชายคนนั้นหันหลัง เจี่ยนอี๋นั่วเห็นแขนของเขาด้วนไปข้างนึง เห็นความว่างเปล่าที่ข้อมือ เจี่ยนอี๋นั้วตื่นตกใจ รีบเบิ่งตาโต และเริ่มสางจากการถูกวางยา ทำให้เธอมองใบหน้าชายคนนั้นได้ชัดเจนขึ้น
เขามีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับเหลิ่งเซ่าถิงมาก แต่ว่าตัวซีดและผอมกว่าหน่อย เขาหน้าคิ้วขมวดแน่นและมีรอยย่นระหว่างคิ้วอยู่แล้ว เขาพูดไปด้วย และหันหลังไปด้วย เหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นคุยกับเหลิ่งหมิงอันต่อ:“ตอนนี้แผนการล้มเหลวแล้ว คุณพาผู้หญิงคนนี้มาทำไมกัน? พาเธอมาแก้แค้นให้คุณพ่อของเธอเหรอ?
เจี่ยนอี๋นั่วขยับร่างกาย คิดอยากจะลุกขึ้นนั่ง เป็นเขา เขาก็คือชายคนนั้น คนที่ฆ่าพ่อของเธอ! เขาเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าคุณพ่อ! และเขาก็คือพี่ชายฝาแฝดของเหลิ่งเซ่าถิง ชายคนนั้นคนที่เขาเล่าต่อๆกันมาว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก! เจี่ยนอี๋นั่วคิดอยากจะลุกขึ้น เขาอยู่ใกล้เธอขนาดนั้น เพียงแค่เธอได้สติคืนมามากกว่านี้ เธอก็สามารถแตะโดนตัวเขาได้แล้ว จากนั้นก็ฆ่าเขาเลย!
“เป็นไปได้อย่างไร? ผมยังมีแผนการอย่างอื่น” เหลิ่งหมิงอันหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วที่พยายามจะลุกขึ้น หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ทั้งหมดมันพึ่งจะเริ่มเอง”