หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 106 เกิดเป็นผู้หญิงไม่ควรฉลาดเกินไป
เหลิ่งหมิงอันหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว คิ้วขมวดพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเบา:“คุณจะจัดการกับเหลิ่งเซ่าถิงยังไง?”
“ฉัน……” เจี่ยนอี๋นั่วกำลังจะแสดงความคิดของตัวเองออกมา
เหลิ่งเซ่าถิงก็เอื้อมมือไปปิดปากของเจี่ยนอี๋นั่วที่กำลังจะพูดออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“ที่นี่ไม่สะดวกที่เราจะสนทนากัน พวกเราเปลี่ยนสถานที่แห่งใหม่กันเถอะ ผมมีคอนโดอยู่แถวๆบริเวณนี้ สถานที่ไม่ค่อยวุ่นวาย ผมพาคุณไปดีกว่า”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากอย่างแรง คิ้วขมวดจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน เธอลังเลชั่วขณะ เหลิ่งหมิงอันถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง:“เพราะเรื่องของเหลิ่งเซ่าถิง ทำให้คุณไม่กล้าเชื่อใจผมแล้วอย่างนั้นเหรอ? คุณวางใจเถอะ ผมไม่ใช่เหลิ่งเซ่าถิงถึงแม้ผมจะรักคุณมาก แต่ผมไม่ได้ต้องการครอบครองอะไรขนาดนั้น ผมจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นการทำร้ายคุณ คุณสามารถเชื่อใจผมได้อย่างแน่นอน คุณอยากอยู่ข้างถนนเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเหลิ่งเซ่าถิงแบบนี้ต่อไปเหรอ ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด ขึ้นนั่งบนรถของเหลิ่งหมิงอัน เหลิ่งหมิงอันยิ้มแล้วก็เดินขึ้นนั่งในรถ หลังจากที่ขึ้นรถแล้ว เหลิ่งหมิงอันก็ยื่นมือออกไปเตรียมที่จะดึงสายคาดเบลท์ให้กับเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วทำท่าหลบนิดๆ แต่ก็ฝืนทนและให้เหลิ่งหมิงคาดเบลท์ให้
เหลิ่งหมิงอันสตาร์ทร ถ พูดกับเจี่ยนอี๋นั่วด้วยน้ำเสียงเข้ม:“คุณวางแผนจะแก้แค้นยังไง? เหลิ่งเซ่าถิงเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ”
เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด พยักหน้าตอบรับ:“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันคิดว่า……ตอนนี้ฉันเป็นคนใกล้ชิดเขามากที่สุด ฉันอาจะใช้วิธีวางยาเขาได้ หรืออาจจะเอามีดแทงเขาด้วยตัวเอง”
“คุณจะสามารถจะเอาชนะเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างไร นั่นเป็นวิธีที่โง่เอามากๆ วินาทีที่คุณเอามีดออกมา ก็ถูกเหลิ่งเซ่าถิงจัดการได้ง่ายๆ ในความเป็นจริงแล้วคนที่ทำตัวอยู่สูงอย่างเหลิ่งเซ่าถิง และเป็นผู้ชายล้อเล่นกับชีวิตของคนอื่น และไม่คิดว่าชีวิตของคนอื่นนั้นจะมีค่า ถ้าจะหาวิธีที่จะจัดการเขาแล้วล่ะก็ คือการปล่อยให้เขาสูญเสียชื่อเสียงและอำนาจไปตลอดกาล ถ้าทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะเหยียบเขาให้จมดิน” เหลิ่งหมิงอันหัวเราะพร้อมพูดออกมา
เจี่ยนอี๋นั่วตกใจมาก หรี่ตาแล้วหันหน้าจ้องมองเหลิ่งหมิงอัน พูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า:“ ดูเหมือนว่า คุณคงหาวิธีได้แล้ว?”
“ใช่ครับ พวกเราสามารถทำให้เหลิ่งเซ่าถิงทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อทุกคนในตระกูลเหลิ่งรวมทั้งคุณนายเหลิ่งไม่สามารถให้อภัยความผิดพลาดของเขาในครั้งนี้ได้” เหลิ่งเซ่าถิงหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
เจี่ยนอี๋นั่วถามด้วยน้ำเสียงเข้ม:“ความผิดพลาดอะไรคะ?”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะสักครู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ เมื่อเร็ว ๆ นี้ตระกูลเหลิ่งกำลังหารือเกี่ยวกับการควบรวมกิจการครั้งใหญ่และการซื้อกิจการ ถ้าหากเธอสามารถเอาข้อมูลจากเหลิ่งเซ่าถิงได้ และทำให้ข่าวมันเผยแพร่ออกไป ขัดขวางธุรกิจนี้ ถ้าอย่างนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็ถือว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่ และนี่เป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่มากนะ”
“เพียงแค่การละทิ้งหน้าที่เองเหรอ” เจี่ยนอี๋นั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ เก็บซ่อนความตื่นเต้นของตัวเองไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
เหลิ่งหมิงอันพยักหน้า:“และแน่นอนว่านี่ยังไม่เพียงพอ และหลังจากนี้เธออาจจะต้องเสี่ยง เพราะว่าฉันจะชื้เป้าหมายไปที่คุณ และบอกว่าเป็นเพราะคุณที่เป็นคนปล่อยข่าวนั้นออกไป เหลิ่งเซ่าถิงอาจจะออกมาปกป้องคุณ และขัดแย้งกับคนอื่นในตระกูลเหลิ่ง รอให้ทุกคนในตระกูลเหลิ่งเป็นศัตรูกับเหลิ่งเซ่าถิง เวลานั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็จะตกอยู่ในวิกฤต เขาจะไม่ยอมเสียตำแหน่งการเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเหลิ่งอย่างแน่นอน เขาต้องเลือกที่จะเสียสละคุณไปเท่านั้น และผมจะหาโอกาสนี้ให้คุณแกล้งตาย และออกมาปกป้องคุณจากนั้น……”
เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวด:“แล้วหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป?”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะออกมา:“ จากนั้นก็จะมีคนออกมายืนยัน ว่าคุณไม่ใช่ที่เป็นคนปล่อยข่าว ข่าวนี้เหลิ่งเซ่าถิงเป็นคนปล่อยออกมา เหลิ่งเซ่าถิงวางแผนที่จะร่วมมือกับคนในครอบครัวบางคนเป็นการส่วนตัว และใช้โอกาสเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเองอย่างลับๆ และหาโอกาสขายหุ้นของตระกูลเหลิ่ง แลกกับอำนาจของตัวเอง แต่กลับตั้งข้อกล่าวหาและใส่ร้ายป้ายสีให้กับคุณ และสำหรับคุณที่ถูกคุ้มครองจนปลอดภัยแล้ว คุณก็สามารถเดินออกมา เปิดเผยความจริงที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาและใส่ร้ายป้ายสีได้”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก พูดด้วยน้ำเสียงเบา: ตระกูลเหลิ่งยินยอมให้เหลิ่งเซ่าถิงละทิ้งหน้าที่ แต่เขาจะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้ทรยศต่อผลประโยชน์ของตระกูลเหลิ่งแน่นอน แต่ว่าคุณนายเหลิ่งล่ะ……”
“คุณนายเหลิ่งก็จะหาทายาทผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลเหลิ่งอย่างอัตโนมัติ หรืออาจจะหาคนที่ถูกใจมากกว่าเหลิ่งเซ่าถิงเสียอีก ยิ่งเพอร์เฟค “ เหลิ่งหมิงอันพูดถึงนี่ ยิ้มมุมปากใบหน้าแสดงออกมาด้วยท่าทางรอยยิ้มอย่างประชดประชัน
เดิมทีก็วางแผนแบบนี้เหรอ? เพียงเพื่อดำเนินการตามแผนติดตามแผนการเหล่านี้เท่านั้นเองเหรอ แล้วยังลงมือฆ่าพ่อของเธออีก และใช้เธออยู่ข้างๆเหลิ่งเซ่าถิงเพื่อเป็นเครื่องมือหลอกใช้อย่างนั้นเหรอ
เจี่ยนอี๋นั่วทนไม่ไหวแสดงรอยยิ้มที่ประชดออกมา:“ดูเหมือน บทบาทของฉันมันดูยอดเยี่ยมมากนะคะ”
“คุณสำคัญมากนะ อี๋นั่ว คุณมีสำคัญมากกว่าที่คุณคิดซะอีกนะ” เหลิ่งหมิงอันหันหน้าเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วแวบหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา
จากนั้นเหลิ่งหมิงอันก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมากๆ:“ถึงแม้เรื่องทั้งหมดนี้จะทำให้คุณลำบากใจ แต่นี่มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะสามารถลงโทษเหลิ่งเซ่าถิงได้ดีที่สุด เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงสูญเสียทุกอย่าง พวกเราสามารถลงโทษเขาอย่างช้าๆ ลงโทษเขาที่ดูหมิ่นและหยาบคายต่อคุณ และลงโทษเขาที่ฆ่าพ่อของคุณ เธอคงไม่ได้ใจอ่อนจนไม่กล้าลงมือหรอกนะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉันจะไม่กล้าลงมือได้อย่างไรกัน? ในเมื่อเขาเป็นคนที่ฆ่าพ่อของฉัน ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่อยากฆ่าเขามากกว่าฉันอีกแล้ว เวลานี้ฉันทนรอไม่ไหวอยากจะเห็นความน่าเวทนาของเขามากๆแล้ว!”
เวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วอยากจะลงมือฆ่าคนจริงๆ แต่ว่าคนที่จะฆ่าไม่ใช่เหลิ่งเซ่าถิง แต่กลับเป็นคนที่นั่งใกล้ๆเธออย่างเหลิ่งหมิงอัน และในตอนนี้ เจี่ยนอี๋นั่วเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่างๆได้แล้ว และอาจเป็นไปได้ว่าวันแรกที่เธอย่างก้าวเข้ามาในตระกูลนี้ เธอก็ถูกเหลิ่งหมิงอันจงใจหลอกใช้เป็นเครื่องมือแล้ว แต่ว่าคนที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับเหลิ่งเซ่าถิงนั้น ฆาตกรตัวจริงคนที่ฆ่าพ่อของเธอนั้นเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงมีคนที่หน้าตาคล้ายคลึงกันขนาดนี้ ไม่เพียงแต่มีหน้าตาที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น และสไตล์ก็คล้ายคลึงกันมาก เหมือนราวกับเป็นฝาแฝดกัน……
นึกถึง“ฝาแฝด”คำนี้ ทันใดนั้นเจี่ยนอี๋นั่วอึ้งทันที เธอนึกขึ้นได้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงเคยเล่าให้เธอฟังว่าเขามีพี่ชายฝาแฝดที่เก่งมาก แต่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก หรืออาจจะยังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ? หรือพี่ชายของเหลิ่งเซ่าถิงกลับมาแล้ว? และถ้าหากกลับมาแล้ว แล้วทำไมต้องร่วมมือกับเหลิ่งหมิงอันและวางแผนแผนการพวกนี้ด้วยล่ะ และจงใจจะเล่นงานเหลิ่งเซ่าถิงเอาให้ตายไปข้างนึง?
เขาเก่งมากไม่ใช่เหรอ? ขอเพียงแค่เขากลับมา ก็สามารถเป็นทายาทสืบทอดของตระกูลเหลิ่งได้ทันที และสามารถทำให้เหลิ่งเซ่าถิงกระเด็นออกจากตระกูลเหลิ่ง ทำไมเขาต้องร่วมมือกับเหลิ่งหมิงอันด้วย? นอกเสียจากว่าเขาไม่ได้ดีเพียบพร้อมแล้ว หรือเป็นเพราะว่าหัวใจมีปัญหา หรืออาจเป็นเพราะว่าสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เขาไม่สามารถทำให้คุณนายเหลิ่งเลือกได้ระหว่างเขาและเหลิ่งเซ่าถิง ก็เลยเลือกเขาโดยตรง
ใช่แล้วโรคหัวใจ เขายังมีโรคหัวใจ ถ้าหากเขาไม่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจอย่างเร่งด่วน ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็คงอ่อนแอมากแล้ว ดังนั้นเจี่ยนอี๋นั่วสามารถมองออกว่าคนที่อยู่ในรูปนั้นผอมกว่าเหลิ่งเซ่าถิงจากนั้นเขาควรต้องได้รับการปลูกถ่ายหัวใจจริงๆ และเหลิ่งเซ่าถิงกลับมีหัวใจที่แข็งแรงและตรงกับเขาที่สุด
เจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงแค่นี่ ค่อยๆหันหน้าไปมองทางเหลิ่งหมิงอัน เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ เธอไม่เคยคิดว่าการต่อสู้แย่งชิงของตระกูลเหลิ่งจะเอาเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ความน่ากลัวเหล่านั้น ทำให้เธอรู้สึกกลัวมาก
เหลิ่งหมิงอันและเหลิ่งเซ่าถิง พี่ชายฝาแฝดที่ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็น เหลิ่งเซ่าถิงไม่เพียงแต่จะสูญเสียตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเท่านั้น พวกเขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วที่จะให้เหลิ่งเซ่าถิงตาย ถ้าเหลิ่งเซ่าถิงแพ้ เขาไม่เพียงจะสูญเสียแค่การเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเหลิ่งเท่านั้น แต่เขายังต้องตาย และหัวใจของเขาจะถูกปลูกถ่ายให้กับพี่ชายฝาแฝดของเขาอีกด้วย
เหลิ่งเซ่าถิงเคยเห็นรูปถ่ายนี้แล้ว เมื่อเขาเห็นรูปถ่ายใบนั้น เขาต้องรู้แน่นอนว่าเป็นพี่ชายฝาแฝดของเขากลับมาแล้วและเขาคงรู้ว่ากำลังจะเกิดอันตรายขึ้น เขาแค่ก้าวพลาดแค่ก้าวเดียว หรืออาจจะก้าวไม่ผิดพลาด เพียงแค่ต่อต้านคุณนายเหลิ่ง คุณนายเหลิ่งก็จะเข้าข้างพี่ชายฝาแฝดของเขา และให้พี่ชายของเขามาแทนที่เขา
เดิมสถานการณ์ของตระกูลเหลิ่งยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ก็จะกลายเป็นว่าเขาจะถูกคุณนายเหลิ่งและเหลิ่งหมิงอันวางแผนเพื่อหวังผลประโยชน์ จากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงต้องพ่ายแพ้ และเขาก็ต้องตายไปในที่สุด
เมื่อครั้งยังเยาว์วัยเขาเคยหลบซ่อนตัว เขาหวาดกลัวเรื่องราวที่เกิดขึ้น กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง และถึงแม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงก็คงเป็นอวัยวะที่จะต้องปลูกถ่ายให้กับพี่ชายของเขาเท่านั้น นี่มันเป็นเรื่องที่หดหู่ขนาดไหน?
หัวใจของเจี่ยนอี๋นั่วเจ็บปวด เธอไม่รู้ว่าช่วงวันสองวันนี้เหลิ่งเซ่าถิงใช้ชีวิตอย่างไ ร เขาอยู่ด้วยสภาพจิตใจแบบไหนกัน และต้องทนเห็นเธอสงสัยในตัวของเขา และทำตัวเหินห่างเขา ทำไมเขาต้องทนเห็นเธอเข้าใจผิดว่าเขาคือฆาตกร?
หรือเขาจะไม่เชื่อใจเธออีกแล้ว? รู้สึกว่ายังไงเธอก็คงทอดทิ้งเขาอยู่แล้ว และรู้สึกว่าเธอไปร่วมมือกับคนอื่น? และอาจจะกำลังป้องกันและระวังตัวเองโดยคิดว่าเธอเป็นศัตรูแล้ว?
เจี่ยนอี๋นั่วพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดกับเหลิ่งหมิงอันด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“ฉันรู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป? ฉันคิดว่าฉันควรลงจากรถได้แล้ว? ถ้าหากยังอยู่ด้วยกันกับคุณ ฉันกลัวว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะสงสัยในตัวของฉัน”
เวลานี้เจี่ยนอี๋นั่วอยากวิ่งไปอยู่ข้างๆเหลิ่งเซ่าถิงมาก อยากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาฟัง เธออยากเอ่ยคำขอโทษที่เธอเคยลังเลและสงสัยในตัวของเขา แต่ว่าเธอรู้ความจริงแล้ว เธอจะไม่ลังเลและใจโลเลอีกแล้ว ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นยังไง เธอจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป! และไม่ว่าจะพ่ายแพ้หรือไม่ เธอก็จะตายไปพร้อมกับเหลิ่งเซ่าถิง ถ้าอย่างนั้นก็ระเบิดให้เป็นชิ้นๆ ให้คนที่คิดจะเอาอะไรจากพวกเขาทั้งสองคน แต่กลับไม่ได้อะไรจากพวกเขาเลยสักนิดเดียว
“ทำไมต้องรีบลงจากรถล่ะ? แผนการของผมทำให้คุณตกใจใช่ไหม? เหลิ่งเซ่าถิงพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวไปมา ทำตัวเองให้ปกติที่สุดพูดว่า:“ไม่มีค่ะ เวลานี้ไม่มีเรื่องไหนที่จะทำให้ฉันตกใจได้อีกแล้ว ขอเพียงแค่เหลิ่งเซ่าถิงได้รับกรรมในสิ่งที่มันทำอย่างสาสม ฉันก็ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น”
“จริงๆเหรอครับ? ผมอยากบอกคุณว่าไม่ต้องกังวลแล้วนะครับ เมื่อกี้นี้ผมแค่พูดให้คุณตกใจเล่นๆเท่านั้นเอง แผนการอันโหดร้ายแบบนี้ ถูกยกเลิกทั้งหมดแล้วครับ” เหลิ่งหมิงอันรีบจอดรถ หันหน้าไปมองทางเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยรอยยิ้ม
เจี่ยนอี๋นั่วหน้าคิ้วขมวด:“แผนการนี้ฟังดูแล้วมันเพอร์เฟคมากๆค่ะ ทำไมต้องยกเลิกด้วยคะ?”
เหลิ่งหมิงอันจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว หรี่ตาแล้วหัวเราะออกมา เขาเอื้อมมือไปลูบที่ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“เป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากเกินไป และรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังถูกหลอกใช้ อี๋นั่ว ฝีมือการแสดงของคุณนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมดีใจกับคุณด้วยจริงๆนะ แต่ว่าเกิดเป็นผู้หญิงไม่ควรจะฉลาดเกินไป และไม่ควรจะใจอ่อน ทำไมคุณต้องไปช่วยเหอหลวนเล่อด้วย?”