หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 5 คฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลเหลิ่ง
สุดท้ายเจี่ยนอี๋นั่วก็ออกมาจากโรงพยาบาล มาที่โรงรับจำนำ นำนาฬิกาของเธอมาจำนำ เพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของพ่อ เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วชำระค่าใช้จ่ายหมดแล้ว หลังจากกลับไปที่ห้องคนไข้ ก็พบว่าเฮ่อเยี่ยนหงไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจ จู่ๆ ก็ไม่มีแรงไปสืบว่าเฮ่อเยี่ยนหงไปไหนกันแน่ เธอนั่งอยู่ข้างเตียงเจี่ยนฉางรุ่น ยกมือของเจี่ยนฉางรุ่นขึ้นมา แล้ววางบนหน้าเธอ
มืออุ่นของเจี่ยนฉางรุ่น สุดท้ายก็ให้ความอบอุ่นแก่เจี่ยนอี๋นั่วเล็กน้อย
เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้อง พูดเสียงทุ้ม “พ่อ ฉันเหนื่อยมากเลย พ่อรีบฟื้นขึ้นมาได้ไหม มาคุยกับฉัน ให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้สู้อยู่คนเดียว ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองทำถูกหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้ว่าพ่อฟื้นขึ้นมาแล้วจะเห็นด้วยกับวิธีของฉันไหม แต่ฉันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ ……”
เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้า ลูบท้องน้อยตัวเองเบาๆ แล้วพูดสะอึกสะอื้นกับเจี่ยนฉางรุ่น “ฉันมีแค่วิธีนี้ หวังว่าพ่อจะไม่โกรธฉันนะ อย่าดูถูกฉันเหมือนคนอื่นๆ ฉันเป็นลูกสาวพ่อ พ่อดุฉันได้ ตีฉันได้ แต่พ่ออย่าดูถูกฉันนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ ก็เงยหน้ากลั้นน้ำตา แล้วก้มหน้ายิ้มกับเจี่ยนฉางรุ่น “ดูฉันสิ พูดเรื่องที่ไม่มีความสุข……ฉันควรมีความสุขสิ พรุ่งนี้ฉันจะได้เจอคุณนายเหลิ่งแล้ว เธอจะทำตามสัญญาที่ว่าจะช่วยตระกูลเจี่ยนของเรา ทุกอย่างต้องดีขึ้น รอพ่อฟื้นขึ้นมา ฉันจะให้พ่อเห็นตระกูลเจี่ยนที่ยิ่งใหญ่……”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็เอนตัวนอนข้างเตียงเจี่ยนฉางรุ่น ถอนหายใจออกมายาวเหยียด หลับตาลง ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อตระกูลเหลิ่งส่งรถเตรียมมารับเจี่ยนอี๋นั่ว ไปคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลเหลิ่ง เมื่อรถขับเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลเหลิ่ง ถึงเจี่ยนอี๋นั่วจะถือว่าเป็นคนที่เห็นโลกมาแล้ว แต่ระดับความหรูหราของตระกูลเหลิ่งก็ยังทำให้เจี่ยนอี๋นั่วประหลาดใจมาก
เข้าไปในตระกูลเหลิ่ง สิ่งแรกที่เห็นพื้นที่คฤหาสน์ที่ใหญ่โตมาก พื้นที่คฤหาสน์หลังนี้ตกแต่งแปลกตาผสมผสานระหว่างสไตล์จีนและตะวันตก ดูเหมือนในสวนจะมีบรรยากาศงดงามสไตล์ตะวันตก และเสน่ห์อันหรูหราสไตล์จีน เมื่อผ่านพื้นที่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งไป ก็เห็นคฤหาสน์หลักของตระกูลเหลิ่ง เมื่อเทียบกับพื้นที่คฤหาสน์ที่ผสมผสานระหว่างสไตล์จีนและตะวันตก คฤหาสน์หลักของตระกูลเหลิ่งเป็นสไตล์จีนมากกว่า ดูแปลกตาและเรียบง่าย และดูค่อนข้างเก่าแก่ คฤหาสน์หลักเก่าแก่แบบนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงการสะสมความมั่งคั่งของครอบครัวมาหลายชั่วคนอายุ
พื้นที่คฤหาสน์ที่น่าเกรงขามแบบนี้ ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ต้องหายใจเข้าลึกๆ ถึงจะคลายความประหม่าได้เล็กน้อย ก่อนจงจากรถ
“คุณเจี่ยน คุณนายรออยู่ด้านใด รบกวนเดินมาครับ” คนที่เหมือนเป็นพ่อบ้านเดินมาข้างๆ เจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดเสียงทุ้ม
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า ตอบกลับเสียงทุ้ม “งั้นรบกวนคุณด้วยค่ะ”
เข้ามาในตระกูลเหลิ่ง เห็นการตกแต่งห้องที่เรียบง่ายและเป็นกันเอง ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วผ่อนคลายลงเล็กน้อย ถึงแม้การตกแต่งคฤหาสน์หลักของตระกูลเหลิ่งไม่ได้ดูหรูหราแบบในบ้านเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้เรื่องของเก่าบ้างนิดหน่อย รู้แม้กระทั่งแจกันดอกไม้ที่วางไว้ตามอำเภอใจล้วนเป็นของเก่าแก่ เพียงพอที่จะซื้อคฤหาสน์บ้านเธอได้สิบหลัง ถึงแม้การตกแต่งทั้งหมดจะดูตามอำเภอใจ แต่เห็นได้ชัดว่ามีการใส่ใจอยู่เบื้องหลัง
ระหว่างทาง เจี่ยนอี๋นั่วต้องหลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์และของเก่าราคาแพงเหล่านั้น เดินมาถึงห้องโถงใหญ่ เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นหญิงชราผมขาวนั่งโซฟาอยู่ ข้างกายหญิงชรามีหญิงวัยกลางคนสวมชุดกี่เพ้าธรรมดานั่งอยู่
เจี่ยนอี๋นั่งไม่เคยเห็นหญิงชราผมขาวมาก่อน แต่เธอเคยเห็นหญิงวัยกลางคนคนนั้นหนึ่งครั้ง ผู้หญิงคนนี้ชื่อสุยเฉิงจิ้ง คือคุณนายรองตระกูลเหลิ่ง
ตระกูลเหลิ่งมีลูกชายสองคน คนที่ใหญ่สุดคือเหลิ่งเซ่าถิง แต่เพราะพ่อแม่ของเหลิ่งเซ่าถิงเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อน เสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือแค่เหลิ่งเซ่าถิงคนเดียว คนรองคือเหลิ่งเฉิงอวี่ เหลิ่งเฉิงอวี่เป็นอารองของเหลิ่งเซ่าถิง ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณนายเหลิ่ง เป็นแค่ลูกนอกสมรสที่คุณท่านเหลิ่งทิ้งไว้ข้างนอก
หลังจากคุณท่านเหลิ่งเสียชีวิต เหลิ่งเฉิงอวี่ก็ถูกคุณนายเหลิ่งพากลับมา ถึงแม้จะได้สถานะสืบสกุลตระกูลเหลิ่ง แต่เหลิ่งเฉิงอวี่ก็ไม่สนใจตระกูลเหลิ่ง ภรรยาของเหลิ่งเฉิงอวี่คือสุยเฉิงจิ้ง ได้ยินว่าพวกเขามีลูกชายคนหนึ่ง เป็นลูกพี่ลูกน้องของเหลิ่งเซ่าถิง แต่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ถึงแม้เจี่ยนอี๋นั่งจะไม่เคยเห็นหญิงชราคนนี้มาก่อน แต่เห็นคุณนายรองตระกูลเหลิ่งสุยเฉิงจิ้งนั่งข้างเธอด้วยใบหน้าเคารพและระมัดระวัง ก็เดาได้ว่าหญิงชราคนนี้ก็คือคุณนายตระกูลเหลิ่งในตำนาน
คุณนายตระกูลเหลิ่งคนนี้ เจี่ยนอี๋นั่วแค่เคยได้ยินว่าเธอนามสกุลอู๋ เธอเป็นม่ายตั้งแต่อายุยังน้อย อาศัยความแข็งแกร่งของตัวเอง สนับสนุนทั้งตระกูลเหลิ่งขึ้นมา และจากนั้นก็สูญเสียลูกชายตอนวัยกลางคน แต่เธอก็รอด ไม่ทำให้ทรัพย์สินตระกูลเหลิ่งตกอยู่ในมือคนอื่น คุณนายเหลิ่งทำอะไรนุ่มนวลและเข้มงวด ทำให้ผู้ชายหลายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งธุรกิจอยู่ในกำมือเธอ เป็นคนในตำนาน
จนกระทั่งเหลิ่งเซ่าถิงเป็นผู้ใหญ่ คุณนายเหลิ่งถึงได้กระจายอำนาจ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอี๋นั่วเจอคุณนายเหลิ่ง
เจี่ยนอี๋นั่วก้มตัวเล็กน้อยให้กับคุณนายตระกูลเหลิ่ง แล้วพูดเสียงทุ้ม “สวัสดีค่ะคุณนาย”
จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็หันไปพูดเสียงทุ้มกับสุยเฉิงจิ้ง “สวัสดีค่ะคุณนายรอง”
คุณนายเหลิ่งยิ้มพร้อมพูดขึ้นทันที “เห็นไหม เคยบอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดมีไหวพริบ ดูสิ ไม่ต้องแนะนำเลย เธอก็รู้ว่าฉันคือใคร”
สุยเฉิงจิ้งยิ้มและพยักหน้า ยิ้มอ่อนโยนและพูดขึ้น “คุณนายดูคนแม่นมาตลอดเลยนะคะ”
พูดจบ สุยเฉิงจิ้งก็หันไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว หรี่ตามองสังเกตเจี่ยนอี๋นั่ว ถึงแม้สุยเฉิงจิ้งผิวเผินจะดูอ่อนโยนสง่างาม แต่เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกได้ว่าสุยเฉิงจิ้งคนนี้เต็มไปด้วยปฏิปักษ์ต่อเธอ