หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 45 คุณจะทำอะไร?
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง ก็รีบหยุด แม้แต่จะขยับสักนิดก็ไม่กล้า บรรยากาศก็เริ่มอึดอัดอีกครั้ง เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินแค่เสียงหายใจแรงของเหลิ่งเซ่าถิงในบรรยากาศที่มืดมิดนี้ เจี่ยนอี๋นั่วพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่เธอได้สัมผัสกับอะไรไป สีหน้าของเธอค่อยๆแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ
“ผู้หญิงอย่างคุณนี่นะ จริงๆเลย……” เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงตรงนี้ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า จู่ๆก็ยื่นมือมาโอบเอวของเจี่ยนอี๋นั่ว ออกแรงเพื่อให้เจี่ยนอี๋นั่วไปยังอีกฝั่งของเตียง
เหลิ่งเซ่าถิงจับเจี่ยนอี๋นั่วใส่เข้าไปในผ้าห่มอย่างบุ่มบ่าม แล้วพูดว่า:“คุณก็นอนตรงนี้แหละ ห้ามขยับ”
ก่อนหน้านี้เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิง จนกระทั่งวันนี้เจี่ยนอี๋นั่วสังเกตเห็นตอนที่เธอสัมผัส เหลิ่งเซ่าถิงก็มีปฏิกิริยาอยู่เหมือนกัน เจี่ยนอี๋นั่วรับรู้ได้ถึงความแตกต่างของชายหญิงระหว่างเหลิ่งเซ่าถิงกับเธออย่างแท้จริงก็วันนี้ หลังจากที่รับรู้ได้ถึงจุดนี้ เจี่ยนอี๋นั่วกับเหลิ่งเซ่าถิงนอนบนเตียงเดียวกัน ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่
พวกเขาไม่ใช่เด็กสามสี่ขวบสักหน่อย ทั้งสองโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วนอนบนเตียงเดียวกันแบบนี้ บอกไปว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น คนอื่นเขาคงจะไม่เชื่อล่ะมั้ง?
“คือว่า……ฉันไปนอนด้านล่างดีกว่าไหม ฉันปูที่นอนด้านล่างสักหน่อย……” เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเบา
เหลิ่งเซ่าถิงหลับตาแล้วพูดเสียงขรึม:“นอนซะ หลับตา ห้ามขยับ”
เจี่ยนอี๋นั่วกะพริบตา แล้วหายใจเข้าลึกๆ เธอปิดตาลงและปิดปากให้สนิท เดิมทีเจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าตัวเองคงนอนไม่หลับ คงอึดอัดตลอดทั้งคืน แต่เจี่ยนอี๋นั่วประเมินการระมัดระวังตัวของตัวเองสูงเกินไป ผ่านไปไม่นาน เธอก็กอดหมอนแล้วนอนหลับไป
ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกำลังหลับ เหลิ่งเซ่าถิงก็ค่อยๆยื่นมือไปโอบบนไหล่ของเจี่ยนอี๋นั่ว ถึงแม้ว่าในใจของเจี่ยนอี๋นั่วจะยังมีอารมณ์ต่อต้านกับเหลิ่งเซ่าถิง แต่ร่างกายของเธอราวกับว่าถูกเหลิ่งเซ่าถิงบ่มเพาะจนกลายเป็นเงื่อนไขที่จะต้องถูกเขากอดแล้ว ขณะที่มือของเหลิ่งเซ่าถิงโอบอยู่ที่ไหล่ของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วก็เข้ามาในอ้อมกอดของเหลิ่งเซ่าถิงอัตโนมัติ ศีรษะติดอยู่กับบริเวณหน้าอกของเหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก็สามารถได้กลิ่นหอมจากบนตัวของเจี่ยนอี๋นั่ว มันเป็นกลิ่นเดียวกับเขา เป็นกลิ่นพิเศษของครีมอาบน้ำในห้องอาบน้ำ ตอนที่เจี่ยนอี๋นั่วหลับไม่ได้แข็งกร้าวหรือดื้อรั้นเหมือนตอนตื่นปกติเลยสักนิด อ่อนแออย่างกับแมวตัวหนึ่งที่กำลังหลับสบาย เธอเข้ามาใกล้ส่วนอกของเขา ราวกับว่าทั้งร่างกายและจิตใจเธอนั้นไม่สามารถแยกจากเขาได้
เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด กระตุกมุมปากเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เหลิ่งเซ่าถิงไม่อยากคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้ของเขานั้นเหมาะสมหรือไม่ เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เหลิ่งเซ่าถิงหลอกทุกคน อยากจะไม่สนใจเหตุผลที่เขาทำพฤติกรรมแปลกๆแบบนี้ลับหลัง เพราะว่าเหลิ่งเซ่าถิงกังวลตอนที่เขารับรู้ได้ถึงเหตุผลของการทำพฤติกรรมแบบนี้ลับหลัง เขาจะไม่สามารถกอดเจี่ยนอี๋นั่วได้อย่างสบายใจอีก
ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วตื่นขึ้นมา ฟ้าพึ่งจะสาง แต่เหลิ่งเซ่าถิงได้ตื่นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้บนเตียงมีแค่เธอคนเดียว เจี่ยนอี๋นั่วบิดขี้เกียจแล้วลงจากเตียง วันนี้เธอมีธุระหลายเรื่องที่ต้องทำ จำเป็นต้องตื่นให้เร็วหน่อย หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กำลังเตรียมตัวออกจากห้อง ก็ชนเข้ากับเหลิ่งเซ่าถิงที่เดินเข้ามาจากนอกห้องพอดี
เหลิ่งเซ่าถิงใส่ชุดออกกำลังกาย ดูแล้วพึ่งจะวิ่งเสร็จแล้วกลับมาจากด้านนอก เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูด:“ฉันจะออกไปทำงานแล้ว”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไร แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วรีบเดินออกไปจากห้อง เจี่ยนอี๋นั่วรีบเดินลงมาด้านล่าง ก็รับรู้ได้ถึงคนรับใช้ของตระกูลเหลิ่งที่ถึงแม้จะไม่ได้พูดกับเธอ แต่ทุกคนต่างก็กำลังใช้สายตาแปลกๆมองมาที่เธอ
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแล้วเดินออกมาจากคฤหาสน์ ในใจรู้สึกแปลกๆ:สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมพวกเขาใช้สายตาแปลกๆแบบนั้นมองมาทางฉันล่ะ?
เจี่ยนอี๋นั่วนึกว่าการแต่งตัวของตัวเองมีอะไรที่ไม่เหมาะสม บิดตัวไปมาตรวจสอบอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่พบว่าตัวเองมีปัญหาอะไรตรงไหน
“พี่สะใภ้ ดูอะไรอยู่น่ะ?” เหลิ่งหมิงอันยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาเจี่ยนอี๋นั่ว:“พี่สะใภ้? วันนี้คุณตื่นเช้าจังนะ ผมนึกว่าสายๆคุณถึงจะตื่นซะอีก”
เหลิ่งหมิงอันพูด แล้วเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย ยื่นมือไปแหย่ที่ผมของเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วรีบหลบเลี่ยง ถามเสียงเย็นชา:“คุณจะทำอะไร?”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มแล้วพูด:“ผมกำลังดูว่าพี่สะใภ้ไม่ระวังจนพกรอยอะไรมาด้วยหรือเปล่า พี่ใหญ่ผมไม่ได้เข้าใกล้ผู้หญิงนานมากแล้ว น่าจะไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไหร่ล่ะมั้ง”
ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะรู้ว่าเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอได้ยินเหลิ่งหมิงอันพูดแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดที่คอของตัวเอง ขมวดคิ้วแล้วพูด:“คุณจะพูดอะไรกันแน่?”
เหลิ่งหมิงอันยิ้มแล้วเดินเข้าใกล้อีกหนึ่งก้าว:“ตอนนี้ตระกูลเหลิ่งน่าจะไม่มีใครรู้เรื่องที่คุณกับพี่ใหญ่นอนเตียงเดียวกันเมื่อคืน วันนี้ตอนเช้าตรู่ พี่ใหญ่ยังให้คนไปย้ายเตียงเล็กของคุณในห้องอยู่เลย คิดไม่ถึง ว่าจะคุณจะมีความสามารถจริงๆ ถึงสามารถเอาพี่ใหญ่ได้อยู่หมัด”
เจี่ยนอี๋นั่วฟังคำพูดของเหลิ่งหมิงอัน ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อกี้พวกคนรับใช้ใช้สายตาแปลกๆมองมาที่เธอ ตอนนี้คนตระกูลเหลิ่งน่าจะกำลังคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆยิ้มออกมา:“คุณก็นับว่าเป็นคนมีตำแหน่งฐานะ ทำไมถึงเป็นห่วงเรื่องเตียงนอนเรื่องห้องของฉันกับเหลิ่งเซ่าถิงขนาดนี้ล่ะ?”
“สำหรับคนอื่นนี่เป็นเรื่องเตียงนอนเรื่องห้อง แต่สำหรับผมกับพี่ใหญ่นี่เป็นเรื่องใหญ่ในตระกูลเหลิ่ง” เหลิ่งหมิงอันยิ้มแล้วเข้าใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว กดเสียงต่ำพูด:“แต่ผมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่ใหญ่ไม่มีทางพัฒนาได้ถึงขั้นนั้นแน่นอน เรื่องระหว่างชายหญิง ผมนี่เชี่ยวชาญนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งหมิงอัน หัวเราะแล้วพูด:“ถ้าคุณเอาความคิดแบบนี้ไปทุ่มเทให้กับการแย่งชิงทรัพย์สินในตระกูล ตระกูลเหลิ่งคงเป็นของคุณนานแล้ว”
เหลิ่งหมิงอันฟังคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว หยุดลงสักพัก หลังจากนั้นถึงจะหัวเราะเสียงเบาๆ:“ปากของคุณร้ายจริงๆ พี่ใหญ่ไม่มีทางชอบผู้หญิงแบบคุณหรอก เขาชอบผู้หญิงที่อ่อนโยน อย่างหลิวจื่อซิงนู่น วันนี้เขากลับประเทศมาแล้ว อีกไม่นานเธอน่าจะได้เจอเขาแล้วล่ะ”
หลิวจื่อซิง?
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินชื่อนี้จากปากของเหลิ่งหมิงอันมาตลอด จากคำพูดของคุณนายเหลิ่ง ที่มักจะได้ยินว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลิวจื่อซิงกับเหลิ่งเซ่าถิงนั้นไม่ปกติเหมือนคนอื่น แต่ในสายตาของเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงเป็นภูเขาน้ำแข็งที่คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้ คิดไม่ออกจริงๆว่าเหลิ่งเซ่าถิงเคยมีผู้หญิงมาก่อนด้วย
สำหรับหลิวจื่อซิงผู้หญิงคนนี้ เจี่ยนอี๋นั่วมีความอยากรู้มากกว่าความอิจฉา เธอตั้งหน้าตั้งตารอเจอหลิวจื่อซิง แต่ทำไมเหลิ่งหมิงอันถึงพูดถึงหลิวจื่อซิงไม่หยุดล่ะ? สรุปแล้วหลิวจื่อซิงคนนี้เป็นอะไรกับเหลิ่งหมิงอันกันแน่? เจี่ยนอี๋นั่วนึกคำพูดที่เหลิ่งเซ่าถิงเคยพูด เหลิ่งหมิงอันมักจะอยากได้ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขา
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วมองเหลิ่งหมิงอัน:“เขาคืออาวุธจากข้าศึกที่คุณแย่งมาจากเหลิ่งเซ่าถิง?”
ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะไม่ชอบเหลิ่งหมิงอัน แต่ถ้ามีผู้หญิงจะหลงใหลในตัวเหลิ่งหมิงอันนั้นก็ไม่ได้เป็นที่แปลกใจสำหรับเธอ เหลิ่งหมิงอันมีผู้หญิงมากมายที่หลงใหลที่รูปลักษณ์ภายนอกของเขา อีกอย่างถ้าเทียบกับเหลิ่งเซ่าถิง เขาสามารถใกล้ชิดได้ง่ายกว่า เขามีวิธีหลอกลวงพวกผู้หญิงอยู่บ้าง ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเหลิ่งเซ่าถิง ที่ถูกความเยือกเย็นจากบนตัวเหลิ่งเซ่าถิงแทงเข้าไป บางทีสามารถทำให้เหลิ่งหมิงอันลุ่มหลงผู้หญิงพวกนั้นได้ง่ายกว่าก็ได้นะ
“เขาไม่ใช่อาวุธจากข้าศึก เป็นนางฟ้าของพวกเราต่างหาก ถึงแม้ว่าฐานะทางสังคมของเขาจะไม่ดี เป็นแค่ลูกสาวของคนรับใช้ในบ้าน แต่หน้าตาเขาสวย นิสัยก็อ่อนโยน พวกเราเติบโตมาด้วยกัน ตอนนั้นเด็กในตระกูลเหลิ่งมีน้อย ใกล้ชิดกับเด็กผู้หญิงไว้คงดีกว่า เขาเป็นรักแรกของผมกับพี่ใหญ่ แค่ในตอนแรกเขาเลือกพี่ใหญ่ แต่ต่อมาเขาก็เลือกผม ผู้หญิงที่อ่อนโยนนิสัยดีเหมือนเขา ถ้าได้มาพัวพันกับผมและพี่ใหญ่ คงจะรู้สึกละอาย ทำได้แค่เลือกที่จะเดินออกไป……” เหลิ่งหมิงอันพูดถึงตรงนี้ ค่อยๆหลับตาลง ราวกับว่านึกย้อนไปถึงความทรงจำในอดีตที่สวยงาม
หลังจากนั้นไม่นานเหลิ่งหมิงอันก็ยิ้มแล้วพูด:“พี่ใหญ่ถูกรถชน ก็เพราะจะเอาเขากลับคืนมา แล้วต่อมาก็มีเรื่องคุณเข้ามาในตระกูลเหลิ่ง จะว่าไปแล้ว คุณสามารถเข้ามาในตระกูลเหลิ่งได้ คงต้องขอบคุณเขาที่ในตอนนั้นปฏิเสธพี่ใหญ่”
“ฟังดูแล้วเป็นผู้หญิงที่เปลี่ยนบ่อยจังเลยนะ ปั่นหัวพวกคุณสองพี่น้อง แต่คุณกับเหลิ่งเซ่าถิงไม่เหมือนคนที่ถูกปั่นหัวเลยนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดแล้วหันหน้าไปมองเหลิ่งหมิงอัน ยิ้มแล้วพูด:“ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอเจอเขา อยากจะรู้นักเรื่องราวของคุณถูกแต่งเติมมากแค่ไหน”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็เดินผ่านเหลิ่งหมิงอันไป ขึ้นไปนั่งบนรถที่ตระกูลเหลิ่งจัดไว้ให้เธอ เหลิ่งหมิงอันขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่ว หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ส่ายหน้าแล้วพูด:“เป็นผู้หญิงที่รับมือยากจริงๆ”
“ในเมื่อยากที่จะจัดการ งั้นก็ไม่ต้องจัดการเขาแล้ว แกน่ะเคลิ้มตามเกมของเขาเกินไปแล้ว ไม่ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหลิ่งเซ่าถิงจะเป็นยังไง รอให้หลิวจื่อซิงกลับมา เขาก็ไม่ได้มีค่าอะไรแล้ว” เหลิ่งเฉิงอวี่เดินมาที่ข้างๆเหลิ่งหมิงอันแล้วพูด
เหลิ่งเฉิงอวี่พูดจบ ก็เดินผ่านร่างของเหลิ่งหมิงอันไป เหลิ่งหมิงอันยังคงมองไปทิศทางที่รถของเจี่ยนอี๋นั่วจากไป หรี่ตา หัวเราะแล้วพูด:“ฉันเคลิ้มมากเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้สนใจหลิวจื่อซิงที่เหลิ่งหมิงอันพูดถึงไม่หยุดเลยสักนิด เธอเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากเกินไปสำหรับเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ในเมื่อเหลิ่งเซ่าถิงกำชับไว้หลายรอบว่าระหว่างพวกเธอไม่มีทางมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน อีกอย่างเธอก็หวาดกลัวสภาพความเป็นอยู่ในตระกูลเหลิ่งด้วย ไม่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะรู้สึกแบบไหนกับเหลิ่งเซ่าถิง เธอก็จะกดทับเอาไว้ ไม่มีทางจะพัฒนาขั้นต่อไปอย่างแน่นอน
ตอนที่กำลังคิดแบบนี้ เจี่ยนอี๋นั่วพยายามไม่ไปสนใจผู้หญิงแต่ละประเภทที่น่าจะปรากฏขึ้นข้างกายเหลิ่งเซ่าถิง อีกอย่างเจี่ยนอี๋นั่วมีเรื่องเยอะมากที่จำเป็นต้องไปจัดการ ไม่มีประสบการณ์มากมายที่จะไปคิดถึงความรู้สึกรักๆใคร่ๆพวกนั้นด้วยซ้ำ
มาถึงที่บริษัท เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบเรียกประชุม เอาพนักงานที่รับสมัครใหม่มาสร้างเป็นแผนกการขายที่สองอย่างรวดเร็ว ผู้จัดการของแผนกการขายที่สองคือคนที่เจี่ยนอี๋นั่วเชิญเข้ามาทำงานใหม่ด้วยเงินเดือนที่สูงเอาเรื่อง แถมเธอยังลดแผนกการขายดั้งเดิมแล้วด้วย อีกทั้งรวบรวมคนแล้วสร้างแผนกการเงินขึ้นมาใหม่ พนักงานเก่าที่เข้าร่วมประชุมต่างก็ทราบกันดีว่าเจี่ยนอี๋นั่วจงใจหาเรื่องฉู่หมิงเซวียน ในฐานะที่ฉู่หมิงเซวียนเป็นผู้จัดการแผนกการขาย ที่เจี่ยนอี๋นั่วทำก็เป็นการลดอำนาจของฉู่หมิงเซวียน
“ถ้าประธานเจี่ยนอยากจะจัดการแบบนี้ มันคือบีบให้พนักงานแผนกการขายทุกคนลาออกแล้วนะ” หลังจากที่ฉู่หมิงเซวียนฟังการจัดการของเจี่ยนอี๋นั่ว ก็พูดยิ้มเยาะ
เจี่ยนอี๋นั่วมองฉู่หมิงเซวียน แล้วหัวเราะออกมา:“ผู้จัดการฉู่เข้าใจผิดแล้ว ก็แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ผลการทำงานของแผนกการขายของพวกคุณไม่เป็นที่น่าพอใจเลย ก็เลยจะปรับปรุงและจัดใหม่สักหน่อย พนักงานแผนกการขายทุกคนต่างก็ทำงานเหน็ดเหนื่อยเพื่อบริษัท ฉันจะบีบให้พวกเขาออกได้ยังไง? แต่ว่าทุกคนก็มีทางเลือกเป็นของตัวเอง ถ้ามีคนรู้สึกว่าบริษัทอี๋เหม่ยไม่เหมาะกับเขา อยากจะหางานใหม่ แล้วลาออก ฉันไม่ห้ามอย่างแน่นอน แต่กรุณาช่วยแจ้งแผนกบุคคลของบริษัทให้ทราบล่วงหน้าสามเดือนด้วย”
“เจี่ยนอี๋นั่ว!คุณอย่าบังคับผม!” ฉู่หมิงเซวียนยืนขึ้นมา ขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วพิงเก้าอี้ ยิ้มแล้วมองไปทางฉู่หมิงเซวียน:“ฉู่หมิงเซวียน ฉันไม่ได้บังคับคุณ ฉันก็แค่ให้คุณรู้ ว่าตำแหน่งที่แท้จริงของคุณอยู่ตรงไหน ตอนนี้ฉันเป็นประธานบริหาร ฉันมีอำนาจจัดการงานทุกอย่างของบริษัท คุณเป็นผู้จัดการแผนก ควรยอมทำตามการจัดการของบริษัทนะ”
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ประธานเจี่ยนจะบีบจนผมต้องไปเฝ้าโรงเก็บของให้ได้เลยใช่ไหม? อย่างกับว่าผมมีแค่ลาออกแค่ทางนี้ทางเดียวแล้ว” ฉู่หมิงเซวียนหรี่ตามองเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วหยิบจดหมายมาหนึ่งฉบับจากในกระเป๋า โยนไปให้ฉู่หมิงเซวียน:“จดหมายลาออกของคุณ ฉันเขียนแทนคุณให้แล้ว ถ้าอยากจะลาออก ก็ส่งไปที่แผนกบุคคลได้เลย!”