หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 44 คุณอย่าคิดมาก
เจี่ยนอี๋นั่วมองฉู่หมิงเซวียนที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เธอหรี่ตาลง แล้วหัวเราะออกมา:“ฉันชอบผู้ชายคนอื่นเข้าแล้วจริงๆ ฉู่หมิงเซวียน คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง? จู่ๆฉันก็รู้สึกปล่อยวางมาก เมื่อก่อนคุณหักหลังฉันคบกับเฉิงซานซาน ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเป็นความผิดของพวกคุณ แต่ฉันก็ยังคงสงสัยในตัวเองว่าฉันทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ ทำไมคุณถึงเลือกเฉิงซานซาน? แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว สำหรับคนเลวๆอย่างคุณ ผู้หญิงก็เป็นแค่เครื่องมือที่คุณใช้ประโยชน์ ถ้าว่ากันเรื่องความผิดของพวกเรา ก็คงผิดที่ชอบคุณ ยังดีนะ ที่ฉันตาสว่างแล้ว”
ฉู่หมิงเซวียนกัดฟันแน่น:“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มเล็กน้อย เข้าใกล้ฉู่หมิงเซวียน แล้วพูดเสียงเบา:“ฉู่หมิงเซวียน แทนที่คุณจะกังวลว่าผู้ชายคนนั้นที่ฉันชอบเป็นใคร คุณไปกังวลอนาคตของคุณดีกว่านะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ก็หุบยิ้มลง กดเสียงให้ต่ำแล้วพูด:“คุณฆ่าลูกฉันตาย ฉันต้องให้คุณได้รับผลตอบแทนที่สาสมอย่างแน่นอน!”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็เดินผ่านตรงหน้าฉู่หมิงเซวียนไป แล้วขึ้นนั่งบนรถ เจี่ยนอี๋นั่วให้คนขับรถขับกลับไปที่บริษัท พอเห็นเห็นแผ่นหลังของฉู่หมิงเซวียนผ่านกระจกก็รีบหันหน้ากลับมา มือของเธอค่อยๆลูบไปที่ท้องน้อยที่ราบเรียบ ค่อยๆหลับตาลง
เจี่ยนอี๋นั่วไปจัดการธุระเรื่องที่บริษัทอี๋เหม่ยก่อน จัดแจงแผนการรับสมัครใหม่ของปีนี้ แล้วเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบไปโรงพยาบาล เจี่ยนอี๋นั่วต้องไปทำการตรวจสอบเจี่ยนฉางรุ่นอย่างละเอียด หลังจากที่ยืนยันอาการของเจี่ยนฉางรุ่นแล้ว ถึงจะจัดการแผนการรักษาขั้นต่อไปของเจี่ยนฉางรุ่น เจี่ยนอี๋นั่วได้ปลุกตัวเองขึ้นมาจากความสิ้นหวังแล้ว เธอมีแค้นที่ต้องชำระ มีครอบครัวที่ต้องปกป้อง เจี่ยนอี๋นั่วไม่อนุญาตให้ตัวเองล้มลงเป็นอันขาด
เจี่ยนอี๋นั่วต้องทำให้พ่อของเธอฟื้นกลับมาเป็นปกติให้ได้ ต่อให้ไม่กลับเป็นปกติ เธอก็ต้องเลือกสภาพแวดล้อมในการพักฟื้นที่ดีที่สุดให้พ่อของตัวเอง ให้เขาได้ใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุด
กว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ถึงช่วงกลางคืนแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ตัดสินใจกลับมาที่ตระกูลเหลิ่ง ไม่ว่ายังไง ความสัมพันธ์ของเธอตอนนี้กับตระกูลเหลิ่งยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังสามารถกลับมาพักที่ตระกูลเหลิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ได้อยู่ เจี่ยนอี๋นั่วกลับมาถึงตระกูลเหลิ่ง ก็ไปทักทายกับคุณนายเหลิ่งก่อน แล้วกินข้าวด้วยกันกับคุณนายเหลิ่ง
คุณนายเหลิ่งทำเหมือนกับว่าความขัดแย้งก่อนหน้านี้มันไม่เคยเกิดขึ้น หลังจากที่ถามไถ่ถึงอาการของพ่อเจี่ยนอี๋นั่ว ก็บอกให้เจี่ยนอี๋นั่วระวังเรื่องสุขภาพ อย่าทำงานจนล้าเกินไป ก่อนหน้านี้เจี่ยนอี๋นั่วยังรู้สึกว่าคุณนายเหลิ่งกำลังเป็นห่วงเธอ แต่ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ปฏิบัติกับคุณนายเหลิ่งเหมือนผู้อาวุโสทั่วไปแล้ว เธอตั้งใจตอบทุกคำถามของคุณนายเหลิ่ง
ขณะที่ออกจากห้องของคุณนายเหลิ่ง เจี่ยนอี๋นั่วก็ลังเลอยู่สักพัก ถึงจะตัดสินใจกลับมาที่ห้องของเหลิ่งเซ่าถิง
เจี่ยนอี๋นั่วนั่งลงที่เตียงเล็กของตัวเอง นั่งใจลอยอยู่สักพัก เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกจริงๆว่าตอนนี้ทำตัวไม่ถูก ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเหลิ่งเซ่าถิง แต่คนในตระกูลเหลิ่งต่างก็รู้ว่าเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงเป็นแค่ความสัมพันธ์ที่มีข้อตกลงเอาไว้ ก่อนหน้านี้ที่เธอตั้งท้องอยู่ ไม่ได้อึดอัดขนาดนั้น แต่ตอนนี้เธอไม่มีลูกแล้ว อยู่ห้องเดียวกันกับเหลิ่งเซ่าถิงก็เหมือนกับว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแบบผิดกฎหมาย เจี่ยนอี๋นั่วถึงกับเดาได้ว่าสายตาคนอื่นที่จะมองมาที่เธอกับเหลิ่งเซ่าถิงเป็นยังไง
ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกำลังคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย จู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออก เหลิ่งเซ่าถิงเดินเข้ามาจากด้านนอก เขากวาดสายตามองเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหมือนกับว่าทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินมุ่งตรงเข้าห้องอาบน้ำไป
เหลิ่งเซ่าถิงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ถึงจะพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“คุณเข้าไปอาบน้ำได้แล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วเปลี่ยนชุดนอนแล้วออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอเห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงนอนบนเตียงอีกฝั่งหนึ่ง แล้วปล่อยอีกฝั่งให้ว่างไว้ เจี่ยนอี๋นั่วคิดในใจ:ที่ตรงนั้นเหลือไว้ให้ฉันงั้นเหรอ?
แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ได้แค่คิดแบบนี้ไปมาในสมอง ไม่กล้าคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงด้วยซ้ำ เธอก็ยังคงเดินไปที่เตียงเล็กของตัวเอง แต่ไม่รอให้เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปถึงเตียงเล็กของตัวเอง เหลิ่งเซ่าถิงก็พูดขึ้นมา:“คุณมานอนบนเตียง เตียงของคุณเดี๋ยวพรุ่งนี้จะถูกย้ายออกไป”
“หา? ทำไมล่ะ?” เจี่ยนอี๋นั่วหันกลับมาทางเหลิ่งเซ่าถิงอย่างร้อนรน
เหลิ่งเซ่าถิงหมายความว่ายังไง? ทำไมต้องนอนเตียงเดียวกับเธอด้วย? หรือว่านี่เป็นสัญญาณ? แต่ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วเริ่มจะกลัวตระกูลเหลิ่งขึ้นมาแล้วจริงๆ เธอไม่กล้ายืนยันกับตัวเองว่าไม่ได้ชอบเหลิ่งเซ่าถิงเลยสักนิด แต่เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับเหลิ่งเซ่าถิงอีก
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“เหมือนว่าคุณจะลืมแล้วนะ ตอนนั้นพวกเราแยกเตียงกันนอนก็เพราะคุณท้อง กลัวว่าจะกระทบถึงเด็กในท้อง ก็เลยแยกเตียงกันนอน แต่ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นนั่นแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วฟังคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มเจื่อนๆสักพัก แล้วก้มหน้า ค่อยๆลูบท้องตัวเองเบาๆ:“จริงสินะ ฉันไม่มีลูกแล้ว บางทีฉันก็ลืมเรื่องนี้ไป ฉันนี่แปลกคนจริงๆ ตอนที่ท้องต้องใช้ระยะเวลานานถึงจะปรับตัวกับสถานะความเป็นแม่ได้ ตอนนี้ก็ต้องค่อยๆปรับตัวว่าตัวเองได้เสียลูกไปแล้วอีก”
เหลิ่งเซ่าถิงกวาดสายตามองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
บรรยากาศจู่ๆก็เงียบขึ้นมา เงียบจนทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าต้องพูดอะไรออกมาหน่อย เพื่อทำลายบรรยากาศที่อึดอัดนี้ เจี่ยนอี๋นั่วลังเลอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้นมา:“ความจริงแล้วตอนนี้คนตระกูลเหลิ่งต่างก็รู้ว่าฉันกับคุณไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ ทำไมพวกเรายังต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมาด้วยล่ะ? อีกอย่างไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องเลิกกัน ทำเหมือนฉันเป็นคนไม่มีตัวตนก็ได้แล้วหนิ ทำไมต้อง……”
“เรื่องคาดคะเนกับเรื่องจริงมองไม่เหมือนกัน คุณเป็นภรรยาของเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะกลายเป็นคนไม่มีตัวตน ต่อไปคุณก็ต้องมีตำแหน่งนี้ติดตัว”
เหลิ่งเซ่าถิงก้มตาลง แล้วพูดเสียงขรึม:“ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เปิดเผยให้คนนอกรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณ ทำให้คุณลดปัญหาลงได้บ้าง ในอนาคตตอนที่คุณออกจากตระกูลเหลิ่งน่ะนะ แต่คนตระกูลเหลิ่งคงจะไม่พอใจ ให้พวกเขารู้ว่าคุณยังคงให้ความสำคัญกับผมอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าคุณจะออกจากตระกูลเหลิ่ง พวกเขาคงไม่โหดร้ายกับคุณเกินไป สรุปก็คือต้องสนใจผมบ้าง มันก็น่าจะดีกว่าที่คุณกลายเป็นคนธรรมดาที่ถูกตราหน้าว่าเป็นอดีตภรรยา กลายเป็นที่ระบายความโกรธของพวกเขานะ”
“คุณไม่ให้ฉันพูดเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับคุณออกไป ก็เพื่อหลังจากที่ฉันออกจากตระกูลเหลิ่ง มีข่าวลือซุบซิบน้อยลง?” เจี่ยนอี๋นั่วคิดไม่ถึงว่าความเย็นชาของเหลิ่งเซ่าถิง กลับวางแผนเพื่ออนาคตของเธอ
เห็นว่าเหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้พูดอะไร เจี่ยนอี๋นั่วก็ถามต่อ:“คุณให้ฉันรักษาความสนิทที่คลุมเครือนี่กับคุณ ก็เพื่อไม่ให้คนอื่นในตระกูลเหลิ่งคิดว่าฉันคือคนที่คุณทิ้ง ไม่อยากให้พวกเขาตั้งใจกลั่นแกล้งฉัน? ก็จริง ฉันกับคุณถึงแม้ว่าจะถูกดึงให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ยังไงซะฉันก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ ฉันจะโง่ถึงขนาดออกจากตระกูลเหลิ่ง แล้วตัดความสัมพันธ์กับคุณไปเลยได้ยังไง? พวกเขาคงเอาความแค้นที่จัดการฉันไม่ได้ ย้ายมาที่ตัวฉัน ยังไงซะฉันสำหรับคนตระกูลเหลิ่งแล้ว ก็เป็นแค่ของเล่น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขาว่าจะกดขี่ยังไงสักหน่อย ตอนนี้คุณอยากแสดงให้คนอื่นๆในตระกูลเหลิ่งเห็นว่าคุณจะปกป้องฉัน ต่อให้ฉันออกจากตระกูลเหลิ่งแล้ว ก็ไม่สามารถกดขี่ได้ตามอำเภอใจได้? คุณ……”
“คุณอย่าคิดมาก ผมไม่ได้คิดเพื่อคุณขนาดนั้นเหมือนที่คุณคิด” จู่ๆเหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้าขึ้นมามองเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วพูดแทรกคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว พูดเสียงเย็นชา:“ผมมีข้อเสนอต่างหาก ผมจะปกป้องคุณ ต่อให้คุณออกจากตระกูลเหลิ่ง ผมก็จะรับรองว่าตระกูลเหลิ่งจะไม่ทำให้คุณลำบากใจ คุณก็ต้องรับรองเหมือนกันว่าต่อไปคุณออกจากตระกูลเหลิ่งแล้วจะไม่พูดสิ่งที่ไม่ควรพูด วันนี้ผมพลั้งปากพูดไปไม่น้อย”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าใจความหลักที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงคือเรื่องของพี่ชายฝาแฝดของเขา เจี่ยนอี๋นั่วรีบส่ายหน้าแล้วพูด:“ฉันรับรอง ฉันไม่มีทางพูดออกไปอย่างแน่นอน ฉันยังต้องการชีวิตน้อยๆของฉันอยู่นะ ถ้าพูดออกไป คุณไม่ลงมือ คุณนายเหลิ่งก็คงไม่ปล่อยฉันไปอยู่ดี อีกอย่างเรื่องนั้นถ้าไม่ใช่เพราะคุณพูด ฉันคงคิดจริงๆว่าใครปั้นเรื่องซุบซิบไฮโซแบบนี้ขึ้นมา ฟังดูแล้วเชื่อถือไม่ได้สักนิด ฉันพูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ”
เหลิ่งเซ่าถิงย่นคิ้วเล็กน้อย:“เรื่องซุบซิบไฮโซ?”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า:“คนแบบพวกคุณที่ไฮโซขนาดนี้มีเรื่องซุบซิบอยู่เยอะมาก ทุกคนต่างไม่เข้าใจ แถมยังรู้สึกว่าพวกคุณลึกลับมาก อีกทั้งตั้งความหวังไว้กับพวกคุณด้วย ก็คงจะมีเรื่องซุบซิบมั่วซั่วออกไป แต่จะจริงหรือเท็จอันนี้ก็ไม่รู้แล้ว เรื่องที่เวอร์วังมากที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมาก็คือมีตระกูลหนึ่ง ลูกชายตระกูลของพวกเขาเดิมทีคือลูกสาว เพื่อจะสืบทอดกิจการต่อก็เลยแปลงเพศ แปลงเป็นผู้ชาย นี่มันเวอร์เกินไปมาก มีแบบนี้ที่ไหนกันที่ให้ลูกสาวเปลี่ยนเพศเพื่อสืบทอดกิจการ?”
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“อ๋อ เรื่องนี้ นั่นเรื่องจริงนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ มองเหลิ่งเซ่าถิง:“จริงเหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้าเบาๆ:“ดูแล้วมีความจำเป็นมากจริงๆที่ผมจะปิดปากคุณ”
“งั้นยังมีอะไรอีกนะที่……” เจี่ยนอี๋นั่วพบว่าเหลิ่งเซ่าถิงรู้เรื่องของไฮโซพวกนี้เยอะมาก อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ก็เลยถามเพิ่ม
แต่ว่าไม่ได้พูดจบประโยค เหลิ่งเซ่าถิงก็ยื่นมือไปปิดไฟด้วยสีหน้าเย็นชา แทรกคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว
“ขึ้นเตียง มานอน” เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาในบรรยากาศที่มืดมิด
“ก็ได้” เจี่ยนอี๋นั่วตอบรับเสียงเบา เดินแล้วใช้มือคลำไปทางเตียงในความมืดมิด เธอเดินไปตามทิศทางในความทรงจำของเธอ พอสัมผัสกับเตียง ก็คลำไปถึงขาของเหลิ่งเซ่าถิง
เจี่ยนอี๋นั่วรีบหดมือกลับ แล้วพูดอย่างร้อนรน:“ขอโทษที”
หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆปีนขึ้นเตียง ก็ไม่รู้อีกว่าชนกับเหลิ่งเซ่าถิง ทำให้เหลิ่งเซ่าถิงสูดหายใจเข้าลึกๆในบรรยากาศที่มืดมิดนี้
“ขอโทษ” เจี่ยนอี๋นั่วลุกลี้ลุกลน แล้วรีบถอยกลับไป แต่ก็เหมือนกับว่าไปกดทับร่างกายของเหลิ่งเซ่าถิงอีก เจี่ยนอี๋นั่วรีบพูดขอโทษ:“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“พอแล้ว คุณอย่าขยับตัวมั่วซั่วสิ” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงแหบพร่า