หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 33 คุณห้ามแตะเนื้อต้องตัวเธอ
รอยแผลที่เหลิ่งหมิงอันกัดไว้บนฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วนั้น พอในวันรุ่งขึ้นรอยแผลนั้นก็ยังไม่จางลง มิหนำซ้ำยิ่งร้ายแรงมากขึ้น รอบๆริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วบวมออกอย่างเห็นได้ชัด และอาการรอยบาดแผลเห็นชัดเจนมากขึ้น
ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกำลังส่องกระจกอยู่นั้น รู้สึกกังวลใจจนคิ้วขมวดจากนั้นยกมือไปถูบริเวณริมฝีปาก พูดพึมพำว่า:”ให้ตายสิ ไอ้หมาบ้า แล้วนี่ฉันจะออกไปพบเจอผู้คนได้อย่างไรกัน?”
เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่รู้จะไปพบเจอผู้คนได้อย่างไร เมื่อเช้าเธอเจอคนรับใช้ยังต้องใช้มือปิดปากของตัวเอง แล้วถ้าเจอคุณนายเหลิ่งและเธอคงไม่สามารถปิดปากไว้ได้ตลอดเวลาหรอกนะ?
“คุณจะส่องกระจกอีกนานไหม?” เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วในขณะที่เปลี่ยนชุดสูท
เจี่ยนอี๋นั่วคิ้วขมวด เอามือบังริมฝีปากตัวเองกระซิบเบาๆ:”ฉัน……”
เจี่ยนอี๋นั่วยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เสียงเคาะประตูดังขึ้น เหลิ่งเซ่าถิงพูด: “เข้ามา”
ประตูห้องถูกเปิดยังไม่ทันไร คุณนายเหลิ่งก็เดินเข้ามาในห้องพูดกับทั้งสองคนว่า:” ย่าพึ่งได้ข่าวมา เมื่อวานเป็นวันเกิดของเจี่ยนอี๋นั่ว ย่าลืมสนิทเลย เป็นความผิดของย่าเองที่มองข้ามเรื่องนี้ไป วันนี้คุณนายเหลิ่งเข้าครัวด้วยตัวเองเพื่อตุ๋นรังนก อี๋นั่วถือซะว่าชดเชยวันเกิดย้อนหลังให้ละกันนะ”
เหลิ่งเซ่าถิงเอียงหัวแล้วชายตามองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ : วันเกิดของเธอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า หลังจากนั้นรีบพูดกับคุณนายเหลิ่งว่า:”เกรงใจมากค่ะที่ต้องรบกวนคุณนายเหลิ่งฉันลืมสนิทเลยค่ะว่าเป็นวันเกิดของฉัน ยังจะทำให้คุณนายลำบากจำมันอีก”
“ไม่รบกวน ไม่รบกวน เธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราแล้ว ยังจะรบกวนอะไรอีก คุณนายเหลิ่งหัวเราะมองไปทางเจี่ยนอี๋นั่วพร้อมกับหยุดชะงัก
คุณนานเหลิ่งเลิกยิ้มทันทีแล้วนิ้วก็ชี้ไปทางริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว ขมวดคิ้วถาม:”อี๋นั่ว เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบปิดปากของตัวเองอย่างเร็ว ไม่รู้จะอธิบายกับคุณนายเหลิ่งยังไง เจี่ยนอี๋นั่วกล้าพูดความจริงกับเหลิ่งเซ่าถิงเพราะเหลิ่งเซ่าถิงตั้งใจจะเป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย อีกทั้งเหลิ่งเซ่าถิงยังเป็นหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เรื่องเกี่ยวกับความรักของชายหญิงน่าจะยอมรับได้มากกว่า เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าที่พูดความจริงกับเขาทุกอย่างและอธิบายให้ชัดเจนนั้น เป็นวิธีที่สามารถหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดได้มากที่สุด
แต่คุณนายเหลิ่งมีความตั้งใจที่อยากให้เธอเป็นหลานสะใภ้จริงๆ อย่างไรเสียคุณนายเหลิ่งอายุก็มากแล้วเรื่องราวที่เกี่ยวกับระหว่างหนุ่มสาว ท่านน่าจะค่อนข้างหัวโบราณ เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถ้าหากคุณนายเหลิ่งรู้ความจริงว่า รอยแผลที่เกิดขึ้นบนริมฝีปากของเธอนั้น แท้จริงแล้วนั้นเหลิ่งหมิงอันเป็นคนกระทำมัน คาดการณ์ไว้ว่าคุณนายเหลิ่งอาจคิดเกินเลยเถิดระหว่างความสัมพันธ์เหลิ่งหมิงอันและเจี่ยนอี๋นั่ว แม้แต่เงินช่วยเหลือตระกูลเจี่ยนก็คงโดนระงับ
ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วกำลังขมวดคิ้วนั้น กระวนกระวายใจจนไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงจากเหลิ่งเซ่าถิงพูดขึ้นว่า:คุณย่าครับ มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับอี๋นั่ว คุณย่าก็เลิกถามเถอะครับ อี๋นั่วเริ่มเขินอายแล้วครับ
คุณนายเหลิ่งรีบมองไปทางเหลิ่งเซ่าถิง หลังจากนั้นเอามือปิดปากหัวเราะออกมา:”ย่ากำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย มันต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน ตอนนี้เป็นดั่งที่ย่าคิดไว้จริงๆใช่ไหมละ?เอาเถอะมันเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว ย่าจะไม่ถามอีกละ พวกเธอค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันเถอะ”
คุณนายเหลิ่งพูดจบ ก็สั่งคนรับใช้เอารังนกวางลง จากนั้นหันหลังกลับด้วยรอยยิ้มแล้วเดินออกจากห้องไป
เจี่ยนอี๋นั่วยังคงตกตะลึงกับเหตุการณ์อยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพักเธอก็รู้สึกตัวอีกครั้ง จึงหันไปมองทางเหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ:”ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นมันทำให้คุณย่าเข้าใจผิด? ความเป็นจริงแล้วคุณไม่ได้เป็นคนจูบฉันสักหน่อย แต่เป็นเหลิ่งหมิงอัน……
“เป็นเพราะเมื่อคืนคุณซื่อสัตย์มาก” เหลิ่งเซ่าถิงผูกเนคไทไปด้วย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเบาไปด้วย:”นี่คือรางวัล”
“รางวัล?” เจี่ยนอี๋นั่วท่าทางคิ้วขมวด
เหลิ่งเซ่าถิงผูกเนคไทเสร็จ ยกมือขึ้นพร้อมแตะไปบนหน้าผากของเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:”อย่าคิดไปไกล นี่เป็นเพียงรางวัลไม่ได้แฝงความรู้สึกอะไรไว้ การที่ปกป้องคุณ คุณไม่ควรชอบผม และผมไม่ควรชอบคุณ คุณโปรดจดจำสิ่งเหล่านี้ไว้
เจี่ยนอี๋นั่วรีบพยักหน้าตอบรับทันที:”ฉันจำได้ ฉันอยากขอบคุณคุณมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ควรจะเผชิญสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร ถ้าหากคุณนายเหลิ่งรู้สึกว่าพฤติกรรมของฉันเหมือนออกนอกลู่นอกทาง ท่านจะหยุดให้ความช่วยเหลือด้านการเงินตระกูลเจี่ยนแน่นอน และฉันก็ไม่รู้ควรจะทำยังไงแล้ว ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ”
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเบา:”คุณไม่ต้องกังวลความช่วยเหลือด้านการเงินตระกูลเจี่ยนไม่ว่าอย่างไรก็ตามขอเพียงเด็กที่อยู่ในท้องของคุณปลอดภัย คุณก็คือแม่ของลูกผม ผมไม่ให้ตระกูลเจี่ยนเดือดร้อนแน่
“จริงเหรอคะ? “ เจี่ยนอี๋นั่วอดใจไม่ไหวที่จะจับแขนเสื้อของเหลิ่งเซ่าถิง ประหลาดใจดีใจจนทำท่าตาโตมองเหลิ่งเซ่าถิง ในสิ่งที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดนั้น หมายความว่าเหลิ่งเซ่าถิงพร้อมที่จะซัพพอร์ตตระกูลเจี่ยนจริงๆเหรอ?
เหลิ่งเซ่าถิงคิ้วขมวดทันที เหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว: “ปล่อยมือของคุณเดี๋ยวนี้ คุณคิดว่าผมไม่รักษาสัญญาเช่นคุณเหรอ? เดี๋ยวก็เป็นเพราะเงินไม่เอาลูก เดี๋ยวก็ต้องการลูกเป็นเพราะว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูก เดี๋ยวก็พูดว่าชอบผม เดี๋ยวก็กัดฟันพูดว่าไม่มีวันชอบผมตลอดไป ด้านหนึ่งก็ทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับเหลิ่งหมิงอัน อีกด้านหนึ่งกลางคืนก็นอนข้างเตียงผม……”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากและยืนอยู่ที่มุมกำแพง เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในสิ่งที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดนั้น พูดไม่ผิดเลยสักนิด ระยะนี้เธอทำอะไรดูค่อนข้างยุ่งเหยิงพูดกลับไปกลับมา แต่ทำไมเธอฟังคำบ่นของเหลิ่งเซ่าถิงมันฟังดูทะแม่งๆนะ? ทำไมฟังแล้วมันแปลกๆ? รู้สึกคิดหยุมหยิมอะไรมากมายเหมือนกำลังหึงเลย?
เจี่ยนอี๋นั่วคิดได้แค่นี้ก็ถึงกับส่ายหัว เธอรู้สึกตัวเองไม่ควรคิดแบบนี้ อีกอย่างเหลิ่งเซ่าถิงก็ได้ปฏิเสธเธออย่างเด็ดขาดแล้ว เธอยังจะฝันความรักลมๆแล้งๆอีก? คงเป็นเพราะว่าเหลิ่งเซ่าถิงไม่พอใจเธอมากๆ อาจเป็นเพราะว่าเธอท้องลูกของเขา เขาไม่อยากให้ลูกของเขามีแม่ที่ตกระกำลำบาก
“ฉันสำนึกผิดแล้ว” เจี่ยนอี๋นั่วพูดสำนึกผิดด้วยเสียงเบาๆ และสภาพคอตก
“คุณ……” เดิมทีเหลิ่งเซ่าถิงยังอยากจะพูด คำพูดที่ทำร้ายจิตใจอีกหลายคำ แต่มองเจี่ยนอี๋นั่วที่ยืนเท้าเปล่าพิงอยู่ที่กำแพง สภาพคอตกดูแล้วน่าเวทนามาก
เหลิ่งเซ่าถิงสูดหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “คุณรีบไปดื่มรังนกเถอะ อย่าทำให้คุณย่าผิดหวังในน้ำใจครั้งนี้
เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบก็เดินออกจากห้อง จนเดินไปถึงหน้าประตูห้อง เหลิ่งเซ่าถิงก็ค่อยๆหยุดชะงักพูดขึ้นว่า” ในวันนี้ฉันจะไปทำงานอย่างเป็นทางการ คุณสามารถอยู่ในห้องคนเดียวได้อย่างสบายใจ
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าตอบรับ เหลิ่งเซ่าถิงปิดประตูห้อง ทันทีที่เธอหันหลังกลับมาในห้องก็ดูว่างเปล่า อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวด เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่เอาไหนเลยจริงๆ ทันทีที่เหลิ่งเซ่าถิงปิดประตูนั้น หัวใจของเธอก็ดูว่างเปล่าเจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่าย ต่อให้เหลิ่งเซ่าถิงมีหน้าตาที่หล่อเหลาแค่ไหน ครั้งนี้เธอตกหลุมลึกเกินไปแล้ว
ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกตัวเองก็เหมือนหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้ว ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาพยายามขับไสไล่ส่ง ก็ยังดันทุรังเกาะติดเขาตลอด
เหลิ่งเซ่าถิงเดินลงไปชั้นล่าง เจอเหลิ่งหมิงอันเดินมาถึงห้องโถง พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ: “ วันนี้ฉันก็ไปบริษัท ฉันส่งแกที่ทำงานเอง”
เหลิ่งหมิงอันหัวเราะแล้วพูดว่า: “ผมก็มีรถ ไม่จำเป็นต้องรบกวนพี่ครับ”
“นั่งรถของฉันเถอะ ฉันมีเรื่องจะปรึกษาแก” เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ ก็เดินออกจากประตูไปก่อน
เหลิ่งหมิงอันมองตามหลังเหลิ่งเซ่าถิงก็เดินตามไป เหลิ่งเซ่าถิงขับรถด้วยตัวเอง หลังจากขึ้นรถฝั่งคนขับ แล้วพยักหน้าเชิญชวนให้เหลิ่งหมิงอันขึ้นรถ เหลิ่งหมิงอันถึงจะยอมขึ้นรถของเหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งหมิงอันนั่งหลังคนขับ หัวเราะแล้วพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง: “ ผมไม่ชอบนั่งหลังคนขับ แต่ว่าพอได้นั่งข้างหลังนี้เหมือนพี่ชายใหญ่เป็นคนขับรถของผม ว่าแต่พี่คงไม่ถือสาใช่ไหม?”
“ไม่ถือสาหรอก แค่เคยประสบอุบัติเหตุมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันยิ่งชอบเวลาที่ชะตาชีวิตใครคนหนึ่งอยู่ในกำมือของตัวเอง ใครจะไปคิดว่าคนขับรถที่เชื่อใจ จนวันหนึ่งทำตัวผิดปกติ และจงใจขับรถชนรถบรรทุกขนาดใหญ่?”เหลิ่งเซ่าถิงหรี่ตาลงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“อะไรนะ?” เหลิ่งหมิงอันคิ้วขมวด: “แท้จริงแล้วสาเหตุที่พี่ชายใหญ่ประสบอุบัติเหตุเพราะแบบนี้นี่เองหรือ?”ผมก็พึ่งได้ยินเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ผมนึกว่าพี่ชายใหญ่ไล่ตามหลิวจื่อซิง และนึกว่าในขณะที่ขับรถไล่ตามขับเร็วเกินไปจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ คาดไม่ถึงจริงๆเลยว่าสาเหตุที่แท้จริงจะเกิดจากคนขับรถคนนั้น ถ้ารู้ความจริงก่อนหน้านี้ตระกูลเหลิ่งไม่ควรจ่ายเงินชดเชยมากมายขนาดนั้นให้เขาเลย
“สาเหตุมันไม่ได้เกิดจากที่ตัวเขาหรอก ให้เงินเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้เป็นอะไร อย่าให้คนอื่นรู้สึกว่าตระกูลเหลิ่งของพวกเราแซ่เหลิ่ง แต่จิตใจกลับเย็นชาเหมือนแซ่จริงๆ แม้แต่ชีวิตคนก็ไม่สนใจ” ในระหว่างที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดก็มองเหลิ่งหมิงอันผ่านกระจกมองหลัง จากนั้นสตาร์ทรถ
เมื่อรถค่อยๆขับออกจากคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งไปนั้น เหลิ่งหมิงอันพูดขึ้นว่า: “พี่ใหญ่พี่อยากหารืออะไรกับผมงั้นหรือ?”
เหลิ่งเซ่าถิงขับรถไปจอดในซอยเปลี่ยว หลังจากนั้นรีบจอดรถ เปิดประตูรถแล้วเดินลงจากรถ พูดกับเหลิ่งหมิงอันว่า: “ลงจากรถเดี๋ยวนี้ ฉันค่อยคุยกับแก”
“พี่มีเรื่องอะไรจะพูดกับผมกันแน่?” เหลิ่งหมิงอันเปิดประตู ลงจากรถ
เหลิ่งเซ่าถิงเห็นเหลิ่งหมิงอันลงจากรถ รีบคว้าคอเสื้อของเหลิ่งหมิงอัน แล้วชกไปตรงหน้าของเหลิ่งหมิงอัน เ หลิ่งเซ่าถิงต่อยออกไปด้วยความเร็วจนเหลิ่งหมิวอันไม่ทันตั้งตัว จะโดนต่อยที่หน้าอีกเป็นหมัดที่สอง แต่ว่าเหลิ่งหมิงอันป้องกันได้ทัน ในขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงเตรียมจะชกเหลิ่งหมิงอันอีกครั้ง ในที่สุดเหลิ่งหมิงอันก็สามารถหลบหมัดของเหลิ่งเซ่าถิงได้
“เหลิ่งเซ่าถิงอย่าหลงคิดว่าตัวเองเป็นองค์ชายใหญ่ของตระกูลเหลิ่งผมไม่กล้าเอาคืนนะ! “ เหลิ่งหมิงอันหรี่ตาพร้อมกัดฟันมองไปทางเหลิ่งเซ่าถิง
เหลิ่งเซ่าถิงเก็บกำปั้นคืนพูดกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา:”ถึงแกจะสู้ยังไง ยังไงแกก็สู้ฉันไม่ได้หรอก ตอนนี้สู้ไม่ได้ยังไง ต่อไปก็สู้ไม่ได้อย่างงั้น หลังจากนี้เป็นต้นไปช่วยวางตัวดีๆ พึงรู้ไว้ฐานะของตัวเอง อย่าบังอาจมายุ่งกับคนของฉัน!”
“คนที่ไม่ควรยุ่ง?หลิวจื่อซิงเหรอ?” เหลิ่งหมิงอันหัวเราะ: “หรือว่าเจี่ยนอี๋นั่ว? ทีหลิวจื่อซิงพี่ยังไม่ลงมือกับผมแบบนี้เลย? ดูท่าทางพี่ไม่สนใจใยดีผู้หญิงคนนั้น แต่มันกลับตรงกันข้ามนะ!”
“ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉันและเป็นแม่ของลูกฉัน ฉันจะไม่ยอมให้แกเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ตอนนี้ฉันแค่สั่งสอนแกเพื่อตักเตือนแก ฉันหวังว่ามันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก” เหลิงเซ่าถิงหรี่ตามองหน้าเหลิ่งหมิงอัน
เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ เดินเข้าไปใกล้เหลิ่งหมิงอัน จัดคอเสื้อให้เหลิ่งหมิงอัน ค่อยๆยกมุมปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ขึ้นรถเถอะน้องรอง พี่ยังต้องส่งแกไปบริษัทนะ”
เหลิ่งหมิงอันถูปากของตัวเอง ถุยเลือดออกมาแล้วยิ้มอย่างดุร้าย: “ได้สิ พี่ชายใหญ่เป็นคนขับรถส่งผมไปทำงานทั้งที โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ผมจะปฏิเสธมันได้อย่างไรกัน?”