หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 27 ดูดีมากไหม?
“เธอจ้องฉันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ……” จู่ๆ เหลิ่งเซ่าถิงก็พูดขึ้น “ดูดีมากไหม?”
“อืม ดูดีมาก” เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ จู่ๆ ก็หยุดชะงัก หน้าแดงทันที
นี่เธอกำลังพูดอะไร? ทำไมพูดจาแบบนี้กับเหลิ่งเซ่าถิงได้?
เหลิ่งเซ่าถิงเงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอี๋นั่ว “หืม? เธอก็คิดว่าดูดีมากจริงๆ เหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหน้าแดง แล้วส่ายหน้า “ฉ-ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันจะบอกว่า……บอกว่า……”
เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร เธอขมวดคิ้วอย่างหมดหนทาง คิดว่าต้องโทษที่เธอเพิ่งตื่นเลยรู้สึกสับสนเล็กน้อย ทำไมถึงพูดอะไรไร้สาระ? พูดกับเหลิ่งเซ่าถิงว่าดูดีอะไรกัน เธอบ้าไปแล้วเหรอ?
เจี่ยนอี๋นั่วพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน จากนั้นเธอก็เลือกที่จะหลับตาลง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน หดตัวเป็นลูกบอลในผ้าห่มแล้วแกล้งหลับ
เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่วที่โป่งนูนเหมือนลูกบอลในผ้าห่ม ก็เม้มปากเบาๆ เสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย พูดขึ้นเสียงทุ้ม “เธออุดอู้ในผ้าห่ม อากาศไม่ถ่ายเท ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีต่อลูกในท้องเธอนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วถึงค่อยๆ ชะโงกศีรษะออกมา หลับตาและนอนอย่างถูกต้องเหมาะสม เมื่อคุณนายเหลิ่งเรียกเจี่ยนอี๋นั่วให้ออกมาให้คุณหมอตรวจร่างกาย เธอถึงได้ลงจากเตียง ผลการตรวจใกล้เคียงกับที่เจี่ยนอี๋นั่วไปพบคุณหมอ ให้เจี่ยนอี๋นั่วให้ความสำคัญในการพักผ่อน ทางที่ดีก็นอนบนเตียงนานๆ
ในบ้านตระกูลเหลิ่ง ตอนนี้คุณนายเหลิ่งเป็นห่วงเด็กในท้องเจี่ยนอี๋นั่วมาก ได้ยินคุณหมอพูดแบบนี้ก็รีบให้เจี่ยนอี๋นั่วกลับห้องไปพักผ่อน
เจี่ยนอี๋นั่วหยุดชะงัก พูดเสียงทุ้ม “คุณย่า ฉันรบกวนคุณหนึ่งเรื่องได้ไหม ฉันเปลี่ยนห้องได้ไหมคะ? ฉันไม่อยากนอนกับเหลิ่งเซ่าถิงต่อ……”
“รู้สึกอึดอัดเหรอ? เขารังแกเธอเหรอ?” คุณนายเหลิ่งมองเจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มแล้วถามขึ้น
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้าช้าๆ “เขาไม่ได้รังแกฉันค่ะ แต่เวลาฉันอยู่กับเขา ฉันมักรู้สึกประหม่า ฉัน……ฉันค่อนข้างกลัวเขา ฉันกลัวว่าถ้าอยู่กับเขาต่อ มันจะไม่ดีกับลูกของฉัน ดังนั้น……”
คุณนายเหลิ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา “กลัวเขาเหรอ? ปกติมากเลย คนที่เจอเขา มีไม่กี่คนหรอกที่ไม่กลัวเขา เขาดูเย็นชามาก ปากก็ร้ายมาก มีความต้องการกับตัวเองและคนอื่นๆ มาก แต่เธออยู่เคียงข้างเขา ถึงแม้จะทำให้เธอประหม่า แต่ถ้าอยู่ห่างกับเขา มันจะทำให้เธออันตรายมากนะ”
คุณนายเหลิ่งพูดถึงตรงนี้ ก็กดเสียงพูดทุ้มต่ำ “ในบ้านตระกูลเหลิ่งมีคนจับตาดูเธอกับเซ่าถิงมากมาย ไม่ว่าเซ่าถิงจะไม่พอใจเธอมากแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่ทำร้ายเธอกับลูกของเธอ แต่คนอื่นๆ ไม่เหมือนกัน พวกเขาอยากให้เด็กในท้องเธอหายไป ถ้าอยู่ห่างเซ่าถิง หมายความว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอมากนัก แม้ว่าเด็กจะหายไป เราก็ไม่สนใจ แบบนั้นเธอคิดว่าพวกเขาจะไม่ลงมือกับเธอเหรอ? กลับไปนอนพักผ่อนข้างๆ เซ่าถิงเถอะ ถ้าเขาพูดอะไรไม่น่าฟังจริงๆ ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็ได้”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว พยักหน้าอย่างช้าๆ “ฉันรู้แล้วค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบก็ทำตามคำสั่งคุณนายเหลิ่ง กลับไปที่ห้องเหลิ่งเซ่าถิง เพิ่งเดินเข้าไปในห้องเหลิ่งเซ่าถิง เธอก็ได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงกำลังคุยโทรศัพท์ เหลิ่งเซ่าถิงพูดกับในโทรศัพท์ด้วยเสียงเย็นชา “งั้นก็ได้ ในเมื่อเขาอยากเข้าบริษัท งั้นก็ให้เขามาเถอะ เขาอยากได้ตำแหน่งอะไรก็ให้เขาไป ทำทุกอย่างตามที่เขาขอ ฉันไม่รีบร้อน มาดูกันหน่อยว่าพวกเขาสองพ่อลูกต้องการจะทำอะไร”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบก็วางสาย เมื่อเขาหันหน้ามาเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว ก็พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “กลับมาทำไมอีก? คุณย่าไม่ยอมให้เปลี่ยนห้องเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วเบิกตากว้างมองเหลิ่งเซ่าถิง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ค-คุณรู้ได้ยังไง?”
เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเย็นชา “เธออยู่ในห้องคุณย่านานขนาดนั้น แล้วทำหน้าหดหู่กลับมาอีก มันยังไม่ชัดเจนมากพอเหรอ? เธอไม่อยากนอนกับฉันมากเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้า ขมวดคิ้ว ทำไมรู้สึกว่าคำถามนี้ของเหลิ่งเซ่าถิงมันแปลกๆ อะไรที่เรียกว่าไม่อยากนอนกับเขามากเหรอ? พวกเขาแค่นอนเตียงด้วยกันเอง ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทำไมในคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง ฟังแล้วแปลกๆ?
“ฉัน……” เจี่ยนอี๋นั่วอ้าปาก แต่ไม่ว่าเธอจะตอบว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ก็ดูแปลกมากทั้งนั้น
“ฉันไปพักผ่อนก่อนนะ” เจี่ยนอี๋นั่วตัดสินใจไม่ตอบคำถามนี้ที่ทำให้เธอกระอักกระอ่วน หันหน้าปีนขึ้นเตียงไปแล้วนอนอย่างถูกต้องเหมาะสม
เจี่ยนอี๋นั่วนอนบนเตียงดีแล้ว เพราะกังวลว่าจะมีรังสีพลังงานไม่อยากรับกวนเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วไม่กล้าใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ แค่นอนอ่านนิตยสารบนเตียง แต่นิตยสารในห้องเหลิ่งเซ่าถิงล้วนเป็นนิตยสารวิทยาศาสตร์และธุรกิจ หนาแน่นไปด้วยความรู้วิทยาศาสตร์ เห็นแล้วเจี่ยนอี๋นั่วก็แทบไม่รู้จักภาษาจีนเลย เจี่ยนอี๋นั่วพลิกนิตยสาร ขมวดคิ้ว จู่ๆ ตอนนี้ก็มีหนังสือส่งมาตรงหน้าเธอ
เจี่ยนอี๋นั่วเห็นหน้าปก มันเป็นนิยายกำลังภายใน! ภายในห้องเหลิ่งเซ่าถิงที่แยกตัวจากฝูงชนทั่วไป เจี่ยนอี๋นั่วไม่คิดว่าจะเห็นนิยายกำลังภายในจริงๆ เหมือนเห็นเต้าหู้เหม็นทอดในภัตตาคารระดับห้าดาว
เหลิ่งเซ่าถิงยัดในมือเจี่ยนอี๋นั่ว เสียงเย็นชาและแข็งกระด้าง “เธอเอาไปอ่านสิ”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองนิยายเล่มนั้น ถามขึ้นเสียงเบาด้วยความสงสัย “คุณก็อ่านนิยายกำลังภายในประเภทนี้เหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดด้วยเสียงเย็นชา “เธอคิดว่าฉันโตมาเป็นแบบนี้ทันทีเหรอ? ฉันก็มีตอนเป็นเด็กนะ ก็เคยเล่นอะไรยุ่งเหยิงเหมือนกัน”
“ยุ่งเหยิงเหรอ?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว ในใจคิด: เหลิ่งเซ่าถิงไม่เหมือนวัยรุ่นหลายๆ คน ที่เคยแอบดูหนังหื่นๆ เลย
“ของพวกนั้นที่อยู่ในหัวเธอ ฉันไม่เคยดูมาก่อน” เหลิ่งเซ่าถิงพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
เจี่ยนอี๋นั่วเบิกตากว้างมองเหลิ่งเซ่าถิงอีกครั้ง เธอเคยเจอคนมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นคนที่ทำให้เธอประหลาดใจเหมือนเหลิ่งเซ่าถิงเลย เหลิ่งเซ่าถิงเหมือนอ่านความคิดเธอออกทุกอย่าง ความสงบนิ่งและความสามารถของเธอหายไปต่อหน้าเหลิ่งเซ่าถิงอย่างหมดจด เธอเหมือนเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มทำงาน ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วแน่น จ้องมองเหลิ่งเซ่าถิง แล้วมองกลับไปที่โต๊ะทำงานของเหลิ่งเซ่าถิงอีกครั้ง เจี่ยนอี๋นั่งถึงได้หยิบนิยายกำลังภายในเล่มนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน ขณะที่อ่านเจี่ยนอี๋นั่วก็แอบมองเหลิ่งเซ่าถิงไปด้วย เธอรู้สึกแปลกๆ กับเหลิ่งเซ่าถิงจริงๆ และกลัวเขาด้วย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้จักเขามากขึ้นเพราะความสงสัย
ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงกำลังทำงาน สวมแว่นตาขอบดำทำให้ดูอ่อนโยนและสงบนิ่ง แขนเสื้อเขาถูกดึงขึ้นมาเล็กน้อย เผยต้นแขนแข็งแกร่ง นิ้วแตะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว นิ้วเขาสะอาดและเรียวยาว ข้อต่อชัดเจน เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าสองมือนั่นเย็นเล็กน้อย มีกลิ่นหอมสะอาด
บางครั้งเขาก็ขมวดคิ้ว หายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเรียวหรี่เล็กน้อย นิ้วมือไขว้บนหน้าอก จ้องมองจอคอมพิวเตอร์ ตอนนี้เขาบังเอิญมองเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วรีบหันหน้าหนี มองไปที่นิยายกำลังภายในเล่มนี้ที่อยู่ในมือเธอ
เหมือนจะเป็นนิยายเล่มใหม่ เปิดไปแค่ไม่กี่หน้า มีแค่หน้าสุดท้าย มีสามคำเขียนไว้อย่างไร้เดียงสาว่า: เหลิ่งเซ่าถิง แสดงไว้ว่านี่เป็นของของเหลิ่งเซ่าถิง
เจี่ยนอี๋นั่วเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา เธอมองเหลิ่งเซ่าถิงที่ตอนนี้เย็นชาและเย่อหยิ่ง ในอดีตไร้เดียงสา เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเหลิ่งเซ่าถิงมาก่อน
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มขณะที่อ่านนิยายอย่างละเอียด เธอพบว่านิยายเล่มนี้เล่าเรื่องได้น่าสนใจมากจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่วอ่านทั้งช่วงเช้าโดยไม่รู้ตัว ทานอาหารกลางวันแล้วเจี่ยนอี๋นั่วก็กอดนิยายหลับไป ในตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงเหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่อยู่ห้องเดียวกัน อย่าว่าแต่พูดคุยกัน แม้แต่สบตาก็น้อยมาก
จนท้องฟ้าจะมืดลง เหลิ่งเซ่าถิงถึงได้เงยหน้ามองเจี่ยนอี๋นั่ง เขาเดินไปข้างเตียง ขยับศีรษะเจี่ยนอี๋นั่วที่เอียงให้ตั้งตรง เอานิยายและของว่างที่วางข้างๆ เจี่ยนอี๋นั่วออก
จากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงก็เข้าห้องน้ำไปล้างมือ เปลี่ยนเป็นชุดกีฬาแล้วออกไปวิ่ง เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงวิ่งเสร็จแล้วกลับห้องมา เห็นเจี่ยนอี๋นั่วยังหลับเหมือนเดิม ท่าเธอยุ่งเหยิงอีกครั้ง พันกับผ้าห่มเหมือนปลาหมึก
เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ เขาหัวเราะขณะที่สายตาจ้องไปยังท้องน้อยเจี่ยนอี๋นั่ว เหลิ่งเซ่าถิงหุบยิ้ม ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา เขาเดินไปที่เตียงยกมือขึ้น วางมือบนท้องน้อยเจี่ยนอี๋นั่ว แต่ไม่รู้สึกถึงอะไรทั้งนั้น
ตรงนี้มีชีวิตหนึ่งจริงๆ เหรอ? และเป็นชีวิตที่เขาและผู้หญิงคนนี้สร้างมาด้วยกัน? กับผู้หญิงคนนี้ที่ทะนงตัวประจบสอพลอ ขายตัวเองเพื่อผลประโยชน์ ภายนอกดูมีความสามารถและเป็นผู้ใหญ่ แต่กลับซ่อนความเป็นเด็กเอาไว้น่ะเหรอ?
เหลิ่งเซ่าถิงลูบท้องเจี่ยนอี๋นั่วเบาๆ จู่ๆ เจี่ยนอี๋นั่วก็ขยับ เหลิ่งเซ่าถิงรีบชักมือกลับ ซ่อนมือไว้ด้านหลัง เจี่ยนอี๋นั่วขยี้ตา เห็นเหลิ่งเซ่าถิงนั่งข้างๆ เธอก็ตกใจถอยหลัง ถามขึ้นอย่างตื่นตระหนก “ค-คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เหลิ่งเซ่าถิงกวาดตามองเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเย็นชา “ก็เธอไม่ขยับเลย ฉันคิดว่าเธอตายแล้ว ถึงฉันจะอยากให้เธอออกไปจากชีวิตฉัน แต่ถ้าเธอตายในห้องฉัน มันก็ไม่ดีสำหรับฉันน่ะสิ อีกอย่างนี่เป็นห้องของฉัน ฉันมีสิทธิจะอยู่ที่ไหนก็ได้ในห้องนี้”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปาก รู้สึกว่าคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงมันบาดหูมาก เธอถอยไปด้านหลังนิดหน่อย แล้วพูดเสียงทุ้ม “ฉันยังมีชีวิตอยู่ แค่หลับเอง”
เหลิ่งเซ่าถิงเหลือบมองเจี่ยนอี๋นั่ว “น้อยคนมากที่จะทำเหมือนเธอ นอนหลับเหมือนศพเลย”
เจี่ยนอี๋นั่วพึมพำ “ใครนอนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ จะเหมือนศพได้ยังไง?”
เจี่ยนอี๋นั่วกล้าแค่พึมพำออกมา ไม่กล้าพูดกับเหลิ่งเซ่าถิงตรงๆ หรอก ตอนแรกที่เหลิ่งเซ่าถิงเป็นผักก็นอนเหมือนคนตายจริงๆ และเหมือนคนตายทั้งเป็นอย่างสมบูรณ์แบบ