หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 16 ปากหวานก้นเปรี้ยว
“โอ……โอเค” เจี่ยนอี๋นั่วตอบตกลงเหลิ่งเซ่าถิงทันที หยิบชุดนอนแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
คนรับใช้เข้าไปในห้องน้ำก่อน ใส่น้ำร้อนให้เจี่ยนอี๋นั่วเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เจี่ยนอี๋นั่วเห็นคนรับใช้ออกมา เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบปิดประตูห้องน้ำทันที เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงผู้ชายคนนี้ยังอยู่ข้างนอก จึงล็อกประตูห้องน้ำ
แค่เพิ่งบิดลูกบิดประตู เหลิ่งเซ่าถิงก็พูดขึ้นเสียงทุ้มด้านนอกประตู “เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่กล้าสนใจร่างกายเธอหรอก คงไม่จู่ๆ ก็บุกเข้าไปดูเธออาบน้ำ เธอไม่ต้องล็อกประตู”
เจี่ยนอี๋นั่วกะพริบตาอย่างรวดเร็ว หายใจเข้าลึกๆ เธอไม่คิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะหูดีขนาดนี้ แม้แต่เสียงล็อกประตูก็ยังได้ยิน ถึงเหลิ่งเซ่าถิงจะไม่เห็นเธอ แต่เธอก็หน้าแดงอย่างกระอักกระอ่วน อธิบายขึ้นเสียงเบา “ฉ-ฉันแค่จะดูว่าตัวล็อกประตูทำงานได้ไหม ไม่ได้อยากล็อกประตู……”
เพิ่งพูดจบ เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ประโยคนี้ของเธอ ทำไมมันยิ่งรู้สึกแปลกๆ ล่ะ? อะไรคือไม่อยากล็อกประตู? แบบนี้เธอเหมือนผู้หญิงที่มีกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับเลย
อย่างที่คิดไว้ เธอได้ยินเหลิ่งเซ่าถิงทำเสียงฮึดฮัดอยู่นอกประตู เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าตอนนี้สีหน้าเหลิ่งเซ่าถิงจะดูถูกมากแค่ไหน ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
“ช่างเถอะ ยังไงเขาก็เหยียดหยามฉันมาตลอด โดนเขาดูถูกต่อไป มันจะเป็นอะไรไป? ” เจี่ยนอี๋นั่วพึมพำเสียงเบา เปิดฝักบัวและอาบน้ำ
เมื่อเธออาบน้ำแล้ว เป่าผมเรียบร้อยแล้ว สวมชุดนอนที่วางอยู่ข้างๆ ขณะที่เตรียมเดินออกจากห้องน้ำ เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าถอนหายใจ ถึงจะรู้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะเหยียดหยามเธอ แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ไม่ว่าใครที่โดนเหยียดหยามมาตลอด โดนคนดูถูก ก็จะรู้สึกอึดอัดใช่ไหมล่ะ?
เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟัน ขมวดคิ้ว เดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วเดินออกมาจากห้องน้ำ สิ่งแรกที่เห็นก่อนคือเหลิ่งเซ่าถิงกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานข้างๆ ครั้งแรกที่มาถึงห้องนี้ เจี่ยนอี๋นั่วเห็นแค่ห้องนอนของเหลิ่งเซ่าถิง ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าในห้องนี้ยังมีห้องทำงานซ่อนอยู่
เหลิ่งเซ่าถิงสวมแว่นขอบดำ เห็นเจี่ยนอี๋นั่วออกมา ก็พูดเสียงทุ้ม “ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจเด็กคนนี้ ฝนตกร่มก็ไม่พก? อยากกำจัดเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุด แล้วทำไมต้องทำท่าทางปกป้องเด็กคนนี้ต่อหน้าฉันล่ะ? ”
เจี่ยนอี๋นั่งเพิ่งเป็นคุณแม่ และท้องด้วยวิธีการที่มนุษย์สร้างขึ้น แม้ว่าจะมีความตระหนักของการเป็นแม่อยู่บ้าง แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังแปลกกับการทำหน้าที่แม่ เจี่ยนอี๋นั่วไม่สนใจปัญหาเรื่องฝนตกจริงๆ ตอนแรกที่เธอเจอกับผู้ชายบ้าบิ่น แถมยังมารบกวนอารมณ์ของเธอ ทำให้เธอลืมปกป้องลูกของตัวเอง
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกผิดขึ้นมา ก้มหน้าพูดเสียงเบา “ฉันลืมไป ขอโทษ……”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกเสียใจมากจริงๆ เธอไม่ได้รู้สึกผิดต่อเหลิ่งเซ่าถิง แต่รู้สึกผิดต่อเด็กในท้องนิดหน่อย รู้สึกว่าเธอยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในฐานะแม่ จึงรู้สึกผิด
“ขอโทษ? ” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงทุ้ม “ไม่ต้องรู้สึกขอโทษฉันหรอก เพราะฉันก็อยากให้เด็กในท้องหายไปเหมือนกัน ถ้าเสียเด็กคนนี้ไปเพราะความผิดพลาดของเธอ ฉันกับคุณย่าก็จะเลี่ยงความช่วยเหลือตระกูลเจี่ยนได้ และลดปัญหาไปได้เยอะ”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองเหลิ่งเซ่าถิง จากนั้นก็เม้มปาก ก้มหน้า ตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงจู่ๆ ก็ยืนขึ้นเดินมาหาเธอ เจี่ยนอี๋นั่วถอยหลังไปไม่กี่ก้าวอย่างระวังตัว แต่เหลิ่งเซ่าถิงปล่อยเจี่ยนอี๋นั่วไป หยิบแก้วบนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมา
หลังจากดื่มไปหนึ่งอึก เหลิ่งเซ่าถิงก็หันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่ว พูดเสียงทุ้ม “คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ? เธออย่าเข้าใจฉันผิดตลอดเวลา ฉันไม่ชอบผู้หญิงแบบเธอสักนิด เพราะการเตรียมการของคุณย่า ห้องนี้ใช้ได้ เตียงนี้เธอนอนได้ แต่เธอต้องจำสถานะของเธอไว้ตลอด เธอก็แค่เครื่องมือในการมีเด็กคนนี้เท่านั้น”
เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้า ตอบรับ “ฉันรู้แล้ว”
เหลิ่งเซ่าถิงกวาดตามองเจี่ยนอี๋นั่วอย่างเย็นชา พูดเสียงทุ้ม “จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบ ขณะสวมเนกไทก็พูดกับเจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย “ใส่เดรสสีดำตัวนั้นในตู้เสื้อผ้า จะได้เข้ากับชุดสูทสีดำของฉัน คืนนี้อารองก็กลับมาแล้ว อาสะใภ้รองต้องเรียกญาติหลายคนมาแน่ๆ พวกเขาจะฉวยโอกาสตอนที่ฉันยังฟื้นตัวไม่เต็มที่มาดูว่าฉันเสี่ยงมากแค่ไหน อาสะใภ้รองของฉันสุยเฉิงจิ้ง เธอเคยเจอแล้ว หล่อนไม่ได้มีบทบาททรงพลังอะไร แค่มีแผนการเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็อาจทำให้เธอแย่ได้ แต่จะไม่ทำร้ายเธอจริงๆ ”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงตรงนี้ ก็ชะงักเล็กน้อย แล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วต่อ “คนที่ต้องระวังคืออารองของฉันเหลิ่งเฉิงอวี่ เขาดูเหมือนอบอุ่นมาก ทำให้เธอไม่ได้ระวังตัว บางครั้งเธอก็จะรู้สึกว่าเขาคือคนที่ยืนอยู่ข้างเธอ เธอจะรู้สึกว่าเขาใจดีมาก เป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่น แต่บางครั้งก็ต้องระวัง เขานั่นแหละเป็นคนที่จะฆ่าเธอ”
ขณะที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดก็ม้วนแขนเสื้อ เผยรอยแผลเป็นที่แขน แล้วพูดเสียงทุ้มกับเจี่ยนอี๋นั่ว “ตอนสิบเอ็ดขวบ ฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำ เขาเห็นฉันตกลงไปกับตา แต่ไม่ได้ช่วยชีวิตฉันแต่กลับเหยียบฉัน รอยแผลนี้เกิดขึ้นตอนที่ฉันดิ้นในสระว่ายน้ำ ข่วนจนเป็นแผล ฉันเกือบจมน้ำตาย โชคดีมีคนรับใช้ผ่านมา ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่ตระกูลเจี่ยนของพวกเธอควรขอร้องคืออารองของฉัน”
เจี่ยนอี๋นั่วเบิกตากว้างมองเหลิ่งเซ่าถิง ไม่คิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะพูดประสบการณ์ในอดีตของเขาอย่างใจเย็นแบบนี้ ถึงแม้เจี่ยนอี๋นั่วจะเคยเจอคนโหดเหี้ยมมากมายในวงการธุรกิจ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามีคนสามารถฆ่าคนเพื่อเงินจริงๆ และเป็นญาติของตัวเองด้วย
เจี่ยนอี๋นั่วขยับริมฝีปาก พูดขึ้นเสียงทุ้ม “งั้นก็……”
“ก็แจ้งตำรวจได้เหรอ? ” เหลิ่งเซ่าถิงหัวเราะขึ้นมา “ความยุ่งเหยิงภายในตระกูลหนักเกินไป ตระกูลเหลิ่งพัฒนามาถึงในวันนี้ ผลประโยชน์ ความยุ่งเหยิง ความซับซ้อน ไม่ใช่ว่าเธออยากทำอะไรก็สามารถทำได้ คนในตระกูลเหลิ่งมากมายมีสิทธิถือหุ้นไม่มากก็น้อย ถ้าจัดการไม่เหมาะสม ถึงเธอจะเป็นทายาทตระกูลเหลิ่งแล้วมันยังไง? ก็โดนกำจัดสิทธิสำคัญในตระกูลเหลิ่งได้เหมือนกัน พวกเขาไม่ยอมให้ฉันเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว พยายามสนับสนุนอารองของฉัน ต้องปกป้องเขาอย่างเต็มที่ เพราะเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ยืนข้างๆ ฝูงหมาป่าเสือสองตัวต้องเป็นพวกเดียวกัน แต่ถ้าเหลือเสือตัวเดียวอย่างฉัน ต้องจัดการฝูงหมาป่าพวกเขา ผลประโยชน์ของพวกเขาจึงตกอยู่ในอันตราย ความสัมพันธ์มันละเอียดอ่อนแบบนี้ ที่บอกเธอเรื่องพวกนี้ เพื่อไม่ให้เธอรั้งขาฉันไว้ ถ้าตำแหน่งในตระกูลเหลิ่งของฉันได้รับผลกระทบเพราะเธอ คุณย่าก็รักษาเธอไว้ไม่ได้เหมือนกัน”