สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 99 ร่วมธุรกิจกับโรงงานใหญ่
บทที่ 99 ร่วมธุรกิจกับโรงงานใหญ่
บทที่ 99 ร่วมธุรกิจกับโรงงานใหญ่
“จะขอโทษทำไมกันครับ? ผมมาเร็วก่อนเวลาเอง พวกเรานัดกันไว้ 11 โมง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานัดเลยด้วยซ้ำ” ชายคนนั้นเชิญลู่ฉิวเยว่ให้นั่งอย่างสุภาพ
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกถูกชะตากับใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ เขาดูไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร เธอพยักหน้าและสั่งกาแฟจากเด็กเสิร์ฟที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“ฉันได้ยินมาจากน้องชายว่าคุณซงอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับฉันใช่ไหมคะ?” หญิงสาวตรงเข้าประเด็นโดยทันที
ชายวัยกลางคนยิ้ม เขาพูดว่า “คุณลู่เป็นคนตรงไปตรงมาเหลือเกิน ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อซงเสิ่งเป็นพ่อของซงซิน แล้วก็เป็นผู้อำนวยการของโรงงานอาหารซิงซิงอีกด้วย”
โรงงานอาหารซิงซิง?
ลู่ฉิวเยว่ตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนั่นเป็นชื่อของโรงงานผลิตอาหารชื่อดัง แล้วเขามาพบเธอเพื่ออะไร?
“ไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่คุณซงมาพบฉันวันนี้คือ…” หญิงสาวพยายามคาดเดา ถ้าเธอได้ร่วมธุรกิจกับโรงงานใหญ่เช่นนี้จริง ๆ เธอก็ไม่ต้องห่วงเรื่องยอดขายในอนาคตอีกแล้ว
แน่นอนว่าซงเสิ่งย่อมเปิดเผยจุดประสงค์ในการเดินทางมาของตนเองอย่างรวดเร็ว “ผมได้รับประทานเมล็ดแตงโมทอดของคุณลู่แล้วครับ พวกมันมีรสชาติอร่อยมาก ครั้งนี้ผมจึงเดินทางมาด้วยตนเองเพราะอยากจะถามคุณลู่ว่าสนใจจะร่วมธุรกิจด้วยกันหรือเปล่า?”
โรงงานของเขาเคยรับซื้อเมล็ดแตงโมทอดจากผู้ผลิตหลายเจ้าแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรฐานของขนาดเมล็ดแตงโมไปจนถึงเรื่องรสชาติ ก็ไม่มีผู้ผลิตเจ้าไหนน่าพอใจเลย
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ซงเสิ่งได้รับประทานเมล็ดแตงโมที่ลูกหลานในตระกูลซื้อกลับมาโดยบังเอิญแล้วเขาก็ประทับใจมาก เมื่อใช้เส้นสายจนสืบรู้ว่าใครเป็นคนทอดเมล็ดแตงโมเหล่านี้ ซงเสิ่งจึงได้ใช้ให้ลูกชายติดต่อเธอผ่านทางหวังเซวียนเซวียนมานั่นเอง เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
ลู่ฉิวเยว่นั่งแผ่นหลังเหยียดตรง เธอพูดพร้อมกับยิ้มว่า “ร่วมธุรกิจยังไงคะ? คุณซงช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิครับ!” เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ สีหน้าของซงเสิ่งก็มีความจริงจังขึ้นมาเช่นกัน เขาอธิบายแผนการของตนเองโดยละเอียด “ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง ทางแรกคือผมจะจ่ายค่าเมล็ดแตงโมทอดให้คุณกิโลกรัมละ 18 เหมา ผมจะจ่ายเป็นเงินสดโดยทันที ส่วนอีกทางคือเราจะแบ่งยอดขายกัน คุณจะได้ 70% ของยอดขายทั้งหมด ส่วนโรงงานของผมจะได้ 30% เราจะเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการครับ”
กิโลกรัมละ 18 เหมา? ลู่ฉิวเยว่เบิกตาโต เธอขายเมล็ดแตงโมเหล่านั้นให้แก่ผู้รับซื้อรายย่อยในราคาสูงสุดได้กิโลกรัมละ 15 เหมา เท่ากับว่าซงเสิ่งให้ราคาดีมากกว่าคนอื่นถึง 3 เหมา ถึงจะไม่ใช่จำนวนที่มากมายอะไร แต่ก็ถือเป็นจำนวนที่น่าสนใจ
ส่วนอีกทางเลือกคือการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย เธอได้ 70% โรงงานของเขาได้ 30% นี่คือวิธีที่เหมาะสมสำหรับการทำธุรกิจในระยะยาว
ลู่ฉิวเยว่ให้คำตอบอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อเราจะทำธุรกิจกันแบบระยะยาว ฉันขอเลือกแบ่งเปอร์เซ็นต์ 70/30 ก็แล้วกันค่ะ!”
แน่นอนว่าทางเลือกแรกเป็นวิธีการทำเงินที่รวดเร็วที่สุด เธอไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากส่งเมล็ดแตงโมทอดให้เขาตามคำสั่งซื้อเท่านั้น ไม่ว่าซงเสิ่งจะนำไปขายได้หรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
แต่หญิงสาวมั่นใจในคุณภาพเมล็ดแตงโมทอดของตนเอง การแบ่งเปอร์เซ็นต์ยอดขาย 70% กับ 30% นั้นทำให้เธอสามารถทำเงินได้มากกว่ากันหลายเท่า
ซงเสิ่งเงยหน้าขึ้นและมองหน้าเธออย่างพิจารณา ถ้าเป็นคนทั่วไปก็ต้องเลือกวิธีแรกอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะเลือกวิธีการแบ่งเปอร์เซ็นต์รายได้จากยอดขายทั้งหมด
“คุณลู่ไม่กลัวว่าพวกเราจะขายไม่ได้บ้างหรือครับ?” เขาถามออกมาด้วยความสงสัย
ต้องทราบก่อนว่าเมล็ดแตงโมที่โรงงานของเขากำลังจะสั่งมีจำนวนมากมายมหาศาล ถ้าเอาไปแล้วขายไม่ได้ นั่นหมายความว่าเธอก็ต้องขาดทุนย่อยยับเหมือนกัน
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ฉันเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของคุณซงค่ะ ฉันเชื่อมั่นในความสามารถด้านการขายของคุณ ฉันมั่นใจว่าตนเองไม่มีทางขาดทุนแน่นอน อีกอย่าง ตลาดการค้าก็เป็นเหมือนสนามรบ นี่เป็นการเลือกของฉันเอง ต่อให้ขาดทุนฉันก็ไม่เสียใจ”
ซงเสิ่งมีแววตาเป็นประกายชื่นชมมากยิ่งขึ้น “คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณลู่อายุเพียงเท่านี้ แต่กล้าได้กล้าเสียจนน่าชื่นชมเหลือเกิน”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณซงชมกันเกินไปแล้วค่ะ”
ซงเสิ่งยิ้ม เขายิ่งรู้สึกถูกใจหญิงสาวคนนี้มากกว่าเดิมหลายเท่า
“ในเมื่อเราตกลงกันได้แล้ว เดี๋ยววันพรุ่งนี้ผมจะส่งสัญญาไปให้คุณที่บ้านนะครับ” เขานำเอกสาร 2-3 แผ่นออกมาจากในกระเป๋า “นี่เป็นสัญญาเบื้องต้นที่ผมเตรียมเอาไว้ก่อน ลองดูนะครับว่าคุณลู่ต้องการจะเพิ่มรายละเอียดอะไรบ้างไหม”
นักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสเสมอ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะพกสัญญาติดตัวเอาไว้ ในชาติที่แล้ว เธอเองก็ทำเป็นประจำ แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ทำให้เธอคว้าโอกาสสำคัญมาได้นับครั้งไม่ถ้วน
หญิงสาวยื่นมือไปรับสัญญามาอ่านโดยละเอียด ก่อนให้คำแนะนำว่า “เราหักค่าโฆษณาจากยอดขายด้วยดีไหมคะ?”
“ว่าไงนะครับ?” ซงเสิ่งหยุดชะงักไปเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะให้คำแนะนำเช่นนี้ การโฆษณาคือส่วนสำคัญในการขาย และจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ผู้ผลิตรายเล็กจำนวนมากไม่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ พวกเขาคิดเพียงแต่ว่าขายของให้ได้เงินแค่นี้ก็พอแล้ว
เมื่อตั้งสติได้ ชายวัยกลางคนก็พูดยิ้ม ๆ ว่า “การโฆษณาต้องใช้เงินมากเลยนะครับ คุณลู่ไม่กลัวขาดทุนเลยจริง ๆ แต่ในเมื่อเราจะร่วมมือกันในระยะยาว ผมก็จะทำตามคำแนะนำของคุณแล้วกัน”
ลู่ฉิวเยว่ชี้มือไปที่สัญญาอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นสัญญาที่จะส่งมาให้ฉันเซ็นวันพรุ่งนี้ก็ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะคะ ในอนาคตพวกเราจะได้ไม่มีปัญหากัน”
เมื่อมีสัญญาชัดเจน ปัญหาทุกอย่างก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
ซงเสิ่งเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะระมัดระวังถึงขนาดนี้
ถึงแม้ว่าเธอจะอายุน้อยจนเป็นลูกสาวของเขาได้ แต่ในตอนนี้ ซงเสิ่งยกย่องให้เธอเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน!
“ผมจะสั่งให้เลขาแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนจะส่งไปให้คุณเซ็น ไม่ต้องห่วงครับ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า แล้วพวกเขาก็พูดคุยกันเรื่องธุรกิจอีกหลายชั่วโมงจนเกือบเย็น แล้วซงเสิ่งก็ขับรถไปส่งเธอที่บ้าน
“อะไรกันเนี่ย?” ฉินซือเดินออกมายืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน เขากำลังจะออกไปซื้อซอสถั่วเหลืองให้แม่ของลู่ฉิวเยว่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นเธอลงมาจากรถยนต์ของคนอื่น
รถยนต์จอดอยู่ห่างออกไปพอสมควร ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ในรถยนต์นั้นมีหน้าตาคุ้น ๆ แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร
“เขาเป็นผู้อำนวยการของโรงงานอาหารซิงซิงค่ะ เป็นพ่อเพื่อนของเซวียนเซวียน เขาเรียกฉันไปคุยเรื่องธุรกิจ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
ฉินซือส่ายหน้าด้วยความเหลือเชื่อ “โรงงานซิงซิง เป็นโรงงานผลิตอาหารรายใหญ่เชียวนะ สุดยอดไปเลย”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มให้เขาด้วยความหมั่นไส้เล็กน้อย คนนอกคงไม่มีทางรู้เลยว่าตัวจริงของฉินซือเป็นคนขี้ประจบแฟนยิ่งกว่าอะไรดี
“เขาเคยซื้อเมล็ดแตงโมทอดของพวกเราไปรับประทาน ก็เลยอยากร่วมธุรกิจด้วยน่ะ…” ลู่ฉิวเยว่เดินตามหลังฉินซือและพูดคุยเกี่ยวกับแผนการที่สนทนากันในวันนี้
ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดต่อฉินซืออย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อได้ยินเรื่องสัญญา ฉินซือก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาห่วงใยเธอเป็นพิเศษจริง ๆ
เมื่อรับฟังจบแล้ว ชายหนุ่มก็ชื่นชมออกมาว่า “คุณยังคิดถึงค่าโฆษณาอีกนะ มองการณ์ไกลจริง ๆ”
อย่าว่าแต่ลู่ฉิวเยว่เลย แม้แต่เจ้าของกิจการใหญ่โตจำนวนมากก็ยังไม่สนใจเรื่องการโฆษณาด้วยซ้ำ เพราะกลยุทธ์การโฆษณาเพิ่งจะปรากฏขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีนี้เอง ฉินซือคิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่อายุเพียงเท่านี้ กลับเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี
ลู่ฉิวเยว่พูดว่า “ก็เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย”