สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 92 หมาบ้า
บทที่ 92 หมาบ้า
บทที่ 92 หมาบ้า
“แหม เถ้าแก่ฉิน โผล่มาเป็นพระเอกช่วยนางเอกเชียวนะ” ซูหลินยิ้มเหยียดหยาม ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด
ต่อให้แจ้งตำรวจจริง แต่เขามีหลักฐานยืนยันว่าเจอแมลงวันอยู่ในชามอาหาร แล้วตำรวจจะเอาอะไรมาบอกว่าเขาโกหก?
ดูเหมือนฉินซือจะไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเสียแล้ว ถ้าไม่มีตระกูลฉินคอยหนุนหลัง ฉินซือก็คงเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วของเขาเลยด้วยซ้ำ
“ซูหลิน นายเก่งแต่รังแกผู้หญิงหรือไง? ถ้าเก่งมากก็มาเล่นงานฉันสิ อย่าทำตัวหน้าไม่อายแบบนี้!” ฉินซือหัวเราะในลำคอเล็กน้อย เขาตอบเหยียดหยามกลับไป
ซูหลินหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันใด เขาเกลียดสายตาผู้สูงส่งของฉินซือเป็นที่สุด มันเป็นสายตาของคนที่คิดว่าโลกทั้งใบอยู่ในการควบคุมของตัวเอง
“ถ้าแกไม่มีตระกูลฉินคอยหนุนหลังอยู่ แกมันก็เป็นแค่หมาข้างถนนตัวนึงเท่านั้นแหละ!” ซูหลินกัดฟันกรอด
“คุณพูดอะไรของคุณ? ฉินซือเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกแล้ว ส่วนตัวคุณน่ะ…” ลู่ฉิวเยว่หยุดพูดอย่างกะทันหัน เธอจ้องมองด้วยความขยะแขยง “คุณมันเก่งแต่รังแกผู้หญิง! มากล่าวหาว่าคนอื่นใช้เส้นสายของครอบครัว แล้วคุณล่ะ? ครอบครัวของคุณมันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก คุณลองถามใครดูก็ได้ ฉินซือใช้ความสามารถของตัวเองสร้างธุรกิจของเขาขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องใช้เส้นสายของตระกูลฉินเลยด้วยซ้ำ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้จนต้องใช้เส้นสายของครอบครัว แล้วก็มาเที่ยวไล่กัดชาวบ้านเหมือนหมาบ้าแบบนี้”
ซูหลินไม่เพียงแต่จะโกรธแค้นสุดขีดในเวลานี้ เขาอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกปากของลู่ฉิวเยว่จริง ๆ นับตั้งแต่ที่เขาเป็นเด็ก ซูหลินไม่เคยพบเจอผู้หญิงคนไหนปากร้ายขนาดนี้มาก่อน!
เขาโกรธจนแน่นอก แต่ก็ไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้ เขาทำได้เพียงหันมาสั่งให้บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างหลังทำลายข้าวของที่อยู่ภายในร้านต่อไป
ตำรวจได้ยินเสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจึงรีบเข้ามาระงับเหตุ
ซูหลินยืนยันว่ามีแมลงวันอยู่ในอาหารของร้านลู่ฉิวเยว่แล้วเขาก็จะถูกทำร้าย ลูกน้องของเขาก็เลยพังร้านนี้เป็นการข่มขวัญ
ลู่ฉิวเยว่ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา รอจนกระทั่งซูหลินแสดงเสร็จ เธอจึงได้ชี้มือไปยังวัตถุสีดำที่ติดตั้งอยู่บริเวณมุมร้าน “ฉันได้ติดตั้งกล้องไว้ในร้านนี้ค่ะ เดี๋ยวพวกคุณก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
นี่คือกล้องวงจรปิด!
หญิงสาวคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าต้องติดกล้องวงจรปิด?
ในยุคสมัยนี้ กล้องวงจรปิดไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มันมีราคาแพง แม้แต่โรงแรมใหญ่ ๆ ก็ยังไม่มีติดเลยด้วยซ้ำ แล้วร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้จะมีกล้องวงจรปิดได้อย่างไร?
ซูหลินรู้สึกตกตะลึงในหัวใจ อย่าบอกนะว่าภาพตอนที่เขาแอบใส่แมลงวันลงไปในชามอาหารได้ถูกบันทึกเอาไว้แล้ว?
คุณตำรวจก็ตกใจเช่นกัน แต่งานของเขาก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะ คุณตำรวจพยักหน้า ลู่ฉิวเยว่จึงเดินไปที่กล้องวงจรปิดของเธอ
ซูหลินเปลี่ยนสถานะจากเหยื่อกลายเป็นผู้ร้ายในพริบตา ทุกคนจ้องมองเขาด้วยความเหยียดหยาม
ลู่ฉิวเยว่ยังคงทำทุกอย่างด้วยความเยือกเย็นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฉินซือดูจะภูมิใจเป็นที่สุด ตอนที่หญิงสาวบอกว่าอยากจะติดตั้งกล้องวงจรปิด เขาเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน เขานึกว่าเธอแค่มีความคิดแปลก ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอได้เตรียมตัวรับมือล่วงหน้าเอาไว้แล้ว
ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิด เหตุการณ์ในวันนี้ก็คงทำให้ร้านอาหารของเธอต้องปิดตัวลงอย่างแน่นอน
“คุณว่าเขาจะถูกจับขังหลายวันไหม?” เธอหันหน้ามาถามฉินซือ
ฉินซือส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “ครอบครัวของเขามีเส้นสายใหญ่โต คงถูกขังอยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น”
ลู่ฉิวเยว่ทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ในเมื่อความจริงเปิดเผยออกมาแล้ว ผมก็หวังว่าทางตำรวจจะช่วยคืนความยุติธรรมให้กับร้านอาหารของเราด้วยนะครับ” ฉินซือพูดกับนายตำรวจ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “รบกวนด้วยนะคะ”
ถ้าไม่มีการชี้แจงอย่างชัดเจน ไม่เกินสองวันหลังจากนี้ ข่าวลือที่มีความจริงผสมกับคำโกหกก็จะเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง และบางคนก็จะเชื่อว่าร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่เป็นร้านที่สกปรกจริง ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์เลย
คุณตำรวจยิ้มและพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงนะครับ ทางตำรวจจะชี้แจงเหตุการณ์ทุกอย่างให้ชาวบ้านได้ทราบเอง”
หลังจากนั้น คุณตำรวจก็เดินออกไปนอกร้านอาหารที่ซึ่งมีชาวบ้านมารวมตัวกันอยู่หนาแน่น คุณตำรวจกำลังจะเริ่มประกาศว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
ในตอนนั้นเอง ฉินซือเห็นว่ากลุ่มนักข่าวยังคงถ่ายรูปอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปหา
“ตอนนี้ความจริงได้รับการเปิดเผยแล้ว พวกคุณรู้ใช่ไหมว่าต้องลงข่าวยังไง?” สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึม “เราต้องให้ประชาชนได้รับทราบสิ่งที่เป็นความจริงเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้ กลุ่มนักข่าวได้รับแจ้งจากซูหลินว่าเขาพบเจอร้านอาหารที่สกปรกมาก ทุกคนจึงถูกเรียกมาทำข่าว แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะถูกซูหลินหลอกใช้ กลุ่มนักข่าวจึงรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินฉินซือพูดออกมาเช่นนั้น บรรดานักข่าวก็รับคำกันอย่างสามัคคี “ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเรานักข่าวมาที่นี่ก็เพื่อตีแผ่ความจริงให้ชาวบ้านได้รับรู้ และพวกเราก็จะรายงานแต่ความจริงเท่านั้น!”
ฉินซือยิ้มออกมาทันที “งั้นก็ขอบคุณมากครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว”
ลู่ฉิวเยว่ไม่คิดเลยว่าร้านอาหารของตนเองจะกลับมามีภาพลักษณ์ที่ดีในเวลาอันรวดเร็วอีกครั้ง ในช่วงบ่าย มีลูกค้ามารับประทานอาหารในร้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนพนักงานในร้านกลับมามีงานยุ่งอีกครั้ง
“เป็นไง? ดีใจไหมที่มีลูกค้าเข้าร้านเยอะเหมือนเดิมแล้ว?” ทันทีที่ฉินซือเปิดประตูเข้ามาในอีกหลายวันให้หลัง เขาก็เห็นลู่ฉิวเยว่กำลังนั่งหน้าบูด เธอกำลังโบกสมุดบัญชีในมือเล่น เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ลู่ฉิวเยว่ทำปากยื่น เธอจะไปดีใจได้อย่างไร เธอโกรธแทบตายตอนที่ได้ทราบข่าวว่าซูหลินได้รับการประกันตัวไปจากโรงพักโดยที่ไม่ต้องรับโทษอะไรเลย
และเนื่องจากการก่อกวนของซูหลินทำให้บรรดาลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารในร้านของเธอมีความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป ค่าความสุขที่ลู่ฉิวเยว่ได้จากระบบลดลง เดิมทีเธอสมควรมีคะแนนมากพอที่จะแลกกับสูตรทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้แล้ว แต่เมื่อเกิดปัญหาในครั้งนี้ขึ้น เป้าหมายนั้นก็ดูห่างไกลออกไปมากกว่าเดิม
ลู่ฉิวเยว่ได้แต่นั่งเครียด
ฉินซือคิดว่าตนเองรู้ว่าเธอกำลังเครียดเรื่องอะไร จึงหัวเราะในลำคอ “ผมให้คนเริ่มสืบดูข้อมูลของเขาแล้ว เราจะต้องเล่นงานเขาได้อย่างแน่นอน”
ลู่ฉิวเยว่ตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขา จากนั้นพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “สมแล้วที่เป็นเถ้าแก่ฉิน คุณสามารถจัดการได้ทุกเรื่องจริง ๆ ฉันชอบแบบนี้จังเลย”
ฉินซือหัวเราะเล็กน้อย “อย่าลืมสิว่าผมก็เป็นนักธุรกิจนะ”
ซูหลินกล้ามารังแกแฟนสาวของเขา แล้วยังคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกเหรอ? ฝันไปเถอะ!
“นั่นอะไรน่ะ?” ฉินซือไม่อยากให้ลู่ฉิวเยว่เอาแต่นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปหลายวันแล้ว เขาจึงแกล้งเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างรวดเร็วด้วยการชี้มือไปที่บางอย่างซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“ตลับขี้ผึ้งน่ะ น้องชายฉันไปรับเอามาให้ ฉันเคยเล่าให้คุณฟังแล้วใช่ไหมว่าโรงงานที่ผลิตขี้ผึ้งเป็นของครอบครัวแฟนเขาเอง? นี่คือขี้ผึ้งที่พวกเขาผลิตออกมาได้”
“แล้วคุณภาพเป็นไงบ้าง พอใช้ได้ไหม?”
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ฉันยังไม่ได้ลองดูเลย”
เธอแค่หยิบมันมาดูด้วยสายตา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เธอวางแผนที่จะเอาขี้ผึ้งตลับนี้กลับบ้านแล้วให้แม่ลองใช้ดู ถ้าผลลัพธ์ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม เธอก็จะส่งไปให้สถาบันมืออาชีพตรวจสอบ หลังจากนั้นถึงจะเอาออกวางจำหน่าย
“เย็นนี้คุณอยากกินอะไร?” ลู่ฉิวเยว่กำลังจะไปทำอาหาร เธอไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมองและเดินตรงไปที่ห้องครัว
ฉินซือเดินตามเข้าไป เพียงคิดว่าเขากำลังจะได้รับประทานอาหารอร่อย ๆ ฝีมือของลู่ฉิวเยว่ น้ำลายของเขาก็สอออกมาแล้ว
“คุณทำอะไรผมก็กินหมดนั่นแหละ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องครัวเงียบ ๆ แต่ในใจกำลังปรารถนาว่าทุกครั้งที่เธอทำอาหารให้ฉินซือรับประทานเป็นกรณีพิเศษ เธอก็จะได้รับค่าความสุขกลับคืนมาหลายร้อยแต้ม นี่ก็ถือเป็นการโกงคะแนนอีกเล็กน้อยเช่นกัน!
แล้วผลการทดสอบขี้ผึ้งก็ออกมาอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าเป็นขี้ผึ้งที่มีคุณภาพ วันต่อมา ลู่ฉิวเยว่จึงได้สั่งให้เอามาวางขายในร้านขายยาของเธอ
ตกกลางคืน ลู่ฉิวเยว่ออกมานั่งกินขนมชมจันทร์อยู่คนเดียวที่ระเบียงบ้าน พ่อแม่ของเธอไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่น บรรยากาศจึงเงียบสงบ
“พี่ครับ” อยู่ดี ๆ หวังเซวียนเซวียนก็เดินออกมาจากห้องและหยุดชะงัก ก่อนที่เขาจะยืนอย่างลังเลใจ ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย