สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 91 หญิงร้ายชายโฉด
บทที่ 91 หญิงร้ายชายโฉด
บทที่ 91 หญิงร้ายชายโฉด
เมื่อมีร่างกายที่นุ่มนิ่มของหญิงสาวมาอยู่ในอ้อมแขน ในที่สุดสีหน้าซูหลินก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย
เขากอดจ้าวซูซินแน่นอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาเป็นประกายเข้มขรึม “ถ้าคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว แต่ถ้าเธอโกหกฉัน…เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรตามมา!”
จ้าวซูซินรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า “ทำไมล่ะ? ฉันพูดจริงนะ ฉินซือไม่ได้ชอบฉัน แล้วทำไมฉันถึงต้องไปคิดถึงเขาด้วย?”
เธอกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ “ฉันแค่ไม่ชอบพวกมันทั้งสองคน! พวกมันเป็นคู่หญิงร้ายชายโฉด! สมควรถูกผู้คนสาปแช่งไปจนตาย!”
ซูหลินพึงพอใจกับคำตอบของเธอ ยิ่งเธอสาปแช่งฉินซือมากเพียงใด เขาก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
ซูหลินหัวเราะในลำคอและพูดว่า “บอกฉันมา เธออยากจัดการกับพวกมันยังไง”
จ้าวซูซินมีดวงตาดุร้ายขึ้นมาในทันที เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มก็ประดับอยู่บนริมฝีปาก “ฉันอยากให้ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่ปิดตัวลง!”
ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนคิดจะเล่นงานร้านอาหารของเธออีกแล้ว เพราะในช่วงนี้ เธอกำลังยุ่งอยู่กับการผลิตขี้ผึ้ง
ถึงเธอจะพบโรงงานที่รับทำแล้ว แต่ก็ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างให้จัดการ ลู่ฉิวเยว่ต้องการจะจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ดังนั้นหลายวันที่ผ่านมา เธอจึงยุ่งจนมีรอยคล้ำใต้ตาแล้ว
“แย่แล้วค่ะ มีคนมาก่อกวนอีกแล้ว!” จังหวะที่หญิงสาวกำลังจะเอนหลังพักผ่อนในห้องเล็ก ๆ ที่ร้านขายยา เธอก็ได้ยินเสียงของเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารร้องตะโกนเข้ามา
ลู่ฉิวเยว่ลืมตาตื่นทันที “ค่อยๆ พูด เกิดอะไรขึ้น?”
เด็กเสิร์ฟสาวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด
ปรากฏว่าร้านอาหารเปิดให้บริการตามปกติ แต่มีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาสั่งอาหาร หลังจากรับประทานไปได้ครึ่งชาม อยู่ดี ๆ เขาก็ตบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ บอกว่ามีแมลงวันอยู่ในอาหารของทางร้าน จึงหยิบแมลงวันตัวนั้นขึ้นมาแสดงให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านได้เห็น
ในช่วงพักเที่ยง ตามปกติจะเป็นช่วงเวลาที่มีลูกค้าแน่นมากที่สุด ผู้คนกลับเชื่อว่าอาหารในร้านสกปรกจนมีแมลงวันตกลงไปตายจริง ๆ ทำให้มีลูกค้าหายไปเยอะมาก พวกเด็กเสิร์ฟพยายามเจรจาต่อรองกับลูกค้าผู้ชายคนที่เป็นต้นเหตุของปัญหา แต่สุดท้ายเมื่อไม่สามารถเจรจาได้ เรื่องนี้จึงต้องมาถึงมือของลู่ฉิวเยว่
“ไม่มีทางที่จะมีแมลงวันอยู่ในอาหารของร้านเรา ฉันรับประกันความสะอาดได้แน่นอนค่ะ” เด็กเสิร์ฟสาวรู้สึกอยากจะร้องไห้ “เขาแค่มาเพื่อใส่ร้ายพวกเรา ร้านของเราทำความสะอาดทุกวัน อีกอย่าง พวกเราก็มีคนอยู่ในร้านไม่เคยหายไปไหน แต่ไม่เคยมีใครเห็นแมลงวันแม้แต่ตัวเดียวมาก่อน ผู้ชายคนนั้นต้องการจะเจอคุณ พี่ฉิวเยว่ พวกเขาตั้งใจมาเล่นงานพี่ อยากให้แจ้งตำรวจไหมคะ?”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง “เดี๋ยวฉันขอไปดูก่อนนะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เดินไปยังร้านอาหารที่อยู่ด้านข้าง ในเมื่อเขาต้องการพบเธอ เขาก็คงไม่ยอมไปไหนถ้าเธอไม่มาพบเขาตามต้องการ
เมื่อลู่ฉิวเยว่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น เธอก็ยิ้มเหยียดหยามทันที ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นคือซูหลิน นี่อาจเป็นไปได้ว่าทุกอย่างเป็นแผนการของจ้าวซูซินอีกครั้ง
“คุณซู ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ” เธอเดินยิ้มเข้าไปหาอย่างช้า ๆ สายตาไม่เป็นมิตรของเธอบอกชัดดีว่าตนเองมีการต้อนรับอย่างไร
ซูหลินหัวเราะเยาะ “คุณลู่ อย่าเข้ามาใกล้ผม ผมไม่อยากติดเชื้อนักธุรกิจใจดำอย่างคุณ”
เมื่อกลุ่มลูกค้าที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในร้านเห็นหน้าลู่ฉิวเยว่ พวกเขาก็รีบมาล้อมรอบเธอเพื่อขอคำอธิบายทันที ในขณะนี้ กลุ่มนักข่าวจากที่ไหนไม่รู้มายืนรออยู่ที่มุมร้าน น่าจะเป็นการเตรียมการของซูหลิน เขาอยากจะให้นักข่าวเก็บภาพนี้เอาไว้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็ขมวดคิ้ว เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ถูกลูกค้าที่ล้อมอยู่รอบตัวโวยวายขึ้นว่า
“คุณลู่ อาหารร้านคุณมีแมลงวันอยู่ในจาน ทำไมคุณถึงสกปรกแบบนี้? พวกเราอุตส่าห์เชื่อใจคุณนะ!”
“นั่นสิ! คุณไม่เห็นใจลูกค้าบ้างเลย! ไม่นึกถึงหัวอกคนกินบ้างหรือไง?” เมื่อคิดถึงอาหารสกปรกที่ตนเองรับประทานไปก่อนหน้านี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ในอาหารอาจจะมีแมลงวันหรือแมลงสาบปนอยู่ พวกเขาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที
บางคนถึงกับพยายามจะล้วงคออ้วกอาหารที่กินเข้าไปออกมา
ลู่ฉิวเยว่ตอบกลับไปเสียงดังชัดเจนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ใจเย็นก่อนนะคะทุกคน พวกคุณเป็นลูกค้าประจำ ไม่ทราบหรือคะว่าร้านของฉันรักษาความสะอาดขนาดไหน? ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราเช็ดโต๊ะจนเงาวับ วันนี้ฉันสงสัยเหลือเกินว่าแมลงวันมาได้ยังไง”
เมื่อทุกคนได้ยินข้อสงสัยของลู่ฉิวเยว่ พวกเขาก็เริ่มกลับมาใช้ความคิดอย่างมีสติอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นจริงตามที่หญิงสาวพูด ตลอดเวลาที่ผ่านมา ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่ได้ชื่อว่าเป็นร้านที่สะอาดที่สุดในละแวกนี้แล้ว ไม่เคยเกิดปัญหาขึ้นสักครั้ง
แล้วกลุ่มคนที่ตั้งสติได้ก็เริ่มหันไปมองหน้าซูหลิน “คุณเป็นคนแปลกหน้า ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อน? คุณกำลังทำอะไรกันแน่?”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม? ผมเป็นคนเจอแมลงวันนะ ร้านนี้ไม่สะอาด!” เมื่อเห็นทุกคนเริ่มหันมาสนใจตนเอง ซูหลินก็ตอบกลับไปด้วยความโกรธแค้น
เขาไม่คิดเลยว่าลูกค้าจะเชื่อใจในตัวของลู่ฉิวเยว่มากถึงขนาดนี้ เมื่อเธอเริ่มอธิบาย ทุกคนก็หันมาเล่นงานเขา ซูหลินพยายามจะเป่าหูกลุ่มลูกค้าต่อไปว่า “เธอแค่พยายามจะแก้ตัว! เธออยากจะหลอกลวงลูกค้าต่อไป พวกคุณมันโง่ โดนเธอเอาเปรียบยังไม่รู้ตัวอีก!”
ซูหลินคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากกลุ่มคนจะไม่เชื่อเขาแล้ว ยังมามองเขาด้วยแววตาเย็นชาอีก บางคนถึงกับอยากจะเข้ามาทุบตีเขาด้วยซ้ำ
ซูหลินรีบหันกลับไปขยิบตาให้กับบอดี้การ์ดที่ตามมาอยู่ด้านหลัง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นเข้าใจโดยทันที รีบคว้าโต๊ะและเก้าอี้ในร้านทุ่มลงไปบนพื้นแตกกระจาย
ทุกคนตกใจกลัว
ลู่ฉิวเยว่เป็นคนจัดหาโต๊ะและเก้าอี้ทุกตัวมาด้วยตนเอง เมื่อเห็นสิ่งของเหล่านั้นถูกทุบแตกกระจาย หัวใจของเธอก็เจ็บปวดรวดร้าว ถ้าเธอไม่จัดการคนพวกนี้ให้อยู่หมัด เธอคงนอนไม่หลับอีกแล้ว
“คุณลู่ คุณสู้ผมไม่ได้หรอก!” ซูหลินเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เขาจ้องมองเธอด้วยความรังเกียจ ราวกับว่าเธอเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็ก ๆ ที่เขาจะบดขยี้เมื่อไหร่ก็ได้
เธอเป็นแค่หญิงสาวไม่มีอำนาจ ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการคุ้มครองจากฉินซือ เธอก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกโกรธแค้นจนต้องกัดฟันกรอด
ก็ไม่แน่หรอกว่าเธอจะสู้เขาไม่ได้
รอให้โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของซูหลินล้มละลายก่อนเถอะ เธออยากรู้นักว่าเขาจะทำตัวยังไง
“ทำไมยังไม่ไปทำลายของพวกนั้นอีก? พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่! ทำลายทุกอย่างอย่าให้เหลือ!”
เมื่อเห็นซูหลินจ้องมองไปยังเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่หลังร้าน ลู่ฉิวเยว่ก็มีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที เธอซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์เหล่านั้นมาจากร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกแกะสลักขึ้นมาอย่างสวยงามและปราณีต มีราคาหลายพันหยวน ราคาของพวกมันแพงมากกว่าร้านอาหารทั้งร้านเสียอีก
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เธอเดินเข้าไปขวางทางกลุ่มบอดี้การ์ด แต่ก็ถูกพวกเขาผลักออกมา หญิงสาวสูญเสียการทรงตัวและกำลังจะกระแทกพื้นที่เต็มไปด้วยเศษแก้วแตกกระจาย ทำให้ลู่ฉิวเยว่มีใบหน้าซีดขาวและรู้สึกตื่นตระหนกทันที
เธอหลับตาลง เธอล้มลงครั้งนี้คงไม่ถึงตาย แต่คงต้องเสียโฉมอย่างแน่นอน
ความเจ็บปวดในจินตนาการไม่เกิดขึ้นจริง รู้ตัวอีกที ลู่ฉิวเยว่ก็พบว่าตนเองได้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของใครบางคน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมองจึงพบว่าเป็นฉินซือ
ชายหนุ่มมีใบหน้าเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง เขาดันเธอให้ไปหลบอยู่ทางด้านหลังตนเอง ก่อนที่จะจ้องมองไปยังซูหลิน ถ้าเธอไม่ได้จับมือเขาเอาไว้ ลู่ฉิวเยว่เชื่อว่าเขาคงต่อยซูหลินลงไปนอนกองอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว
“เลขาหวัง แจ้งตำรวจ” ฉินซือบอกเลขาหวังด้วยความเยือกเย็น สายตาไม่ได้ละไปจากซูหลินเลยแม้แต่นิดเดียว