สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 79 ไม่ใช่คนดี
บทที่ 79 ไม่ใช่คนดี
บทที่ 79 ไม่ใช่คนดี
“ลุงได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้นไปอยู่ที่กระท่อมในป่าฝั่งตะวันตก เขาอาจจะอยู่ที่นั่นไปอีกนานก็ได้” คุณลุงถอนหายใจออกมา “ลุงไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เขาอาจจะทำเรื่องไม่ดีมาก็ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นพวกเราเองที่เดือดร้อน”
ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน คุณลุงจำเป็นต้องดูแลความสงบเรียบร้อยของหมู่บ้าน ความรับผิดชอบของเขาคือความปลอดภัยส่วนตัวในทรัพย์สินและชีวิตของลูกบ้านทุกคน
สุดท้ายลู่ฉิวเยว่ก็ตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และช่วยคุณลุงของเธอสังเกตการณ์ผู้ชายคนนั้น เธอจะให้พ่อแม่กลับเข้าไปอยู่ในตัวอำเภอก่อนเพื่อไปคอยดูร้านอาหาร และเธอก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยถ้าจะให้พวกท่านอยู่ที่นี่ ดังนั้นหญิงสาวจึงรู้สึกโล่งใจมากกว่าที่ส่งพ่อแม่กลับไปอยู่ในตัวอำเภอ
แน่นอนว่าพ่อแม่ของเธอย่อมไม่เห็นด้วย แต่เมื่อถูกเกลี้ยกล่อมหลายครั้ง พวกท่านก็ต้องตอบตกลงและกำชับให้เธอดูแลตัวเองดี ๆ
“ได้เลยค่ะ ได้เลย” ลู่ฉิวเยว่รับปาก
วันต่อมาก็มีคนเชิญเธอไปรับประทานอาหารค่ำ
อาจเป็นเพราะว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ใหญ่โตมากเกินไป ทุกคนคิดว่าลู่ฉิวเยว่เป็นคนที่น่าสงสาร และการที่มีโรงงานมาก่อสร้างอยู่ในหมู่บ้านนั้นก็เป็นเพราะลู่ฉิวเยว่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เมื่อรู้ว่าในช่วงนี้เธอจะกลับมาพักอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาจึงเชิญเธอไปรับประทานอาหารค่ำ
ลู่ฉิวเยว่อาศัยโอกาสนี้ตอบรับคำเชิญ เพราะทางเป็นทางผ่านที่ต้องพบเจอกระท่อมของผู้ชายประหลาดคนนั้นด้วย
อดีตผู้เช่าบ้านของเธอเป็นคนประหลาดอย่างแท้จริง ตอนเดินผ่านกระท่อมของเขา ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกเหมือนถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ในความมืด
ลู่ฉิวเยว่ตัวสั่น เธอพยายามข่มความกลัวและยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติให้กับผู้ชายร่างผอมสูงที่พบเจอกันเมื่อวานนี้ “พี่ชาย สวัสดียามเย็นค่ะ ไม่ทราบว่ากินอะไรแล้วหรือยัง?”
เขาจ้องมองเธออย่างไม่เป็นมิตร แต่เมื่อเห็นว่าเธอยิ้มให้เขาโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง เขาจึงมีท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้วและพยักหน้าตอบรับกลับมาว่า “กินแล้ว”
“ดีแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ฉันไม่ยอมให้คุณเช่าบ้านของฉันต่อ เพราะว่าฉันไม่อยากให้คนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ลู่ฉิวเยว่แกล้งทำเป็นพูดด้วยความเสียใจ แต่เธอกำลังใช้หางตาสำรวจมองกระท่อมของเขาทุกซอกทุกมุม
ชายร่างผอมสูงส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก”
เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อมไม่ถือสาเด็กอย่างเธอ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอหมุนตัวแล้วเดินจากไป
เธอเดินไปเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอกลัวแทบตายแล้ว ขาของเธอสั่นเทา กังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้ถึงเจตนาของตนเอง
“เป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเธอกลับเข้าไปที่บ้านของคุณลุง คุณลุงกับคุณป้าก็รีบวิ่งออกมาถามด้วยความห่วงใย
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ เขามองไม่ออก”
คุณลุงกับคุณป้าของเธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะบอกเล่าสิ่งที่ตนเองพบเห็นเมื่อสักครู่
นอกกระท่อมไม่มีหลอดไฟให้แสงสว่าง ในกระท่อมเต็มไปด้วยถุงใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เขาคงรับประทานแต่อาหารแห้งเท่านั้น
คุณลุงขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว “คน ๆ นี้มีปัญหาจริง ๆ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอพยายามนึกทบทวนความทรงจำต่อไป ผู้ชายคนนั้นระแวงเธอในตอนแรก แต่เมื่อรู้ว่าเธอไม่มีเจตนาร้าย เขาก็ทำเหมือนเธอเป็นอากาศ
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ก่อกองไฟ เขารับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวัน หญิงสาวพบว่าในกระท่อมมีถุงใส่อาหารแห้งอยู่หลายถุง เหมือนกับว่าเขาพร้อมที่จะออกเดินทางได้ทุกเมื่อ
ราคาของอาหารแห้งพวกนั้นไม่ใช่ถูก ๆ ลู่ฉิวเยว่เห็นว่าหลายกระป๋องเป็นสินค้าจากต่างประเทศ
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นนอกบ้าน ขัดจังหวะความคิดของลู่ฉิวเยว่ เธอขมวดคิ้ว ใครกันนะที่มาในเวลานี้?
เธอจ้องมองผ่านช่องว่างระหว่างประตูออกไปอย่างระมัดระวังและถามเสียงดังว่า “นั่นใครน่ะ?”
“ผมเอง ฉินซือ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างนอก ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจจริง ๆ เธอรีบเปิดประตูโดยเร็ว “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
เธอยิ้มและจ้องมองไปยังฉินซือซึ่งยืนอยู่นอกประตูด้วยความไม่อยากเชื่อ
ฉินซือตอบกลับมาอย่างช่วยไม่ได้ “ผมไม่เจอคุณมาหลายวันแล้ว ไปที่ร้านอาหารก็ไม่เจอ วันนี้ผมก็เลยไปถามคุณป้า ได้ยินว่าคุณอยู่ที่นี่ ผมก็เลยมาหา”
“เข้ามานั่งก่อนสิ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและเปิดประตูกว้างให้เขาเดินเข้ามา เธอเพิ่งจะชงน้ำชาเสร็จพอดี เขาก็เลยจะได้ดื่มมันด้วย
ฉินซือส่ายหน้าและชี้มือไปที่รถยนต์ “ผมเอาของขวัญมาด้วย เป็นอาหารที่โรงงานของเราผลิตขึ้นมา เอาไปแจกให้เพื่อนบ้านก่อนเถอะ”
ลู่ฉิวเยว่ยื่นศีรษะออกไปมอง เธอพบว่ากระโปรงท้ายรถของเขาถูกเปิดออก มีถุงข้าวของมากมายอยู่ข้างในช่องเก็บของ
อาจเป็นเพราะรถยนต์คือสิ่งที่หายากในยุคสมัยนี้ ชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงจึงออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนถึงกับเดินมายืนดูอยู่ที่ข้างรถด้วยความสงสัย อยากจะเห็นหน้าว่าแขกผู้มีเกียรติที่มาหาลู่ฉิวเยว่นั้นเป็นใคร
เธอยิ้มตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นก็มาแบ่งของกันก่อนเถอะค่ะ”
ไม่ถึง 1 ชั่วโมงต่อมา ข่าวเรื่องที่ฉินซือนำของขวัญมาแจกให้แก่ทุกคนก็แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านเยว่เหลียง ทุกคนรีบมาดูเพราะอยากจะรู้ว่ามีของขวัญสำหรับตนเองบ้างไหม
“คุณฉินร่ำรวยจังเลย” ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับอาหาร เธอยิ้มกว้างจนปากฉีกถึงใบหู เธอยิ้มและชื่นชมฉินซือ แต่ก็ยังไม่ลืมหยอกเย้าลู่ฉิวเยว่ “ฉิวเยว่ของเราโชคดีจริง ๆ”
“นั่นสิ คุณฉินกับฉิวเยว่ คนหนึ่งมีพรสวรรค์ อีกคนก็หน้าตาสะสวย เหมาะสมกันเหมือนกิ่งทองใบหยกจริง ๆ”
“ดูสิ เวลาที่ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างกัน เหมือนสามีภรรยาเลยเนอะ”
ฉินซือชอบมากที่สุดเวลาที่มีคนพูดว่าเขากับลู่ฉิวเยว่เหมาะสมสำหรับกันและกัน ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้เขามีความสุขจนหยุดยิ้มไม่ได้ และเขาก็อยากจะให้ของขวัญชาวบ้านเหล่านี้มากขึ้น
แต่ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงขึ้นเพราะถูกหยอกล้อ เธอหันไปมองตาขวางใส่ฉินซือก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ถ้าเธอยังยืนอยู่ตรงนั้นต่อไป เธอคงต้องละลายไปด้วยสายตาของฉินซือเป็นแน่แท้
“แจกของขวัญเสร็จแล้วเหรอคะ?” เธอถามเมื่อเห็นฉินซือเดินเข้ามา
“แจกเสร็จแล้ว” เขานั่งลงข้างเธอ ก่อนจะหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ รสชาติหอมหวานของน้ำชากระจายไปทั่วปาก
“นั่นมันถ้วยของฉัน” ลู่ฉิวเยว่หงุดหงิด เขาดื่มถ้วยชาที่เธอดื่มไปแล้ว นี่เขาตั้งใจชัด ๆ!
ฉินซือยิ้มและไม่ปฏิเสธ
“คุณจะกลับเมื่อไหร่?” เขาวางถ้วยน้ำชาลงและถามด้วยความเป็นห่วง
หากลู่ฉิวเยว่อาศัยอยู่ที่นี่ เขาก็จะไม่ได้เจอเธอเลย ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ อยากผูกเธอกับเข็มขัดพากลับบ้านไปด้วย
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “ฉันอาจจะต้องอยู่นานหน่อย”
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูง “คุณพบโอกาสทำธุรกิจครั้งใหม่เหรอ?”
ในมุมมองของฉินซือ การที่ลู่ฉิวเยว่ไม่สนใจกลับไปดูแลร้านอาหารของเธอในตอนนี้ก็มีเหตุผลเดียวเท่านั้น เธอพบเจอเส้นทางธุรกิจที่สำคัญมากกว่านั้นในหมู่บ้านแห่งนี้
ลู่ฉิวเยว่ทั้งโกรธทั้งขำ “คุณเห็นฉันเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยหรือไง?”
แล้วเธอก็อธิบายเรื่องราวให้ฉินซือฟังคร่าว ๆ เมื่อรับฟังจบแล้ว เขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ผู้ชายคนนั้นอาจจะทำผิดกฎหมายมาก็ได้ ไม่งั้นคงไม่หลบหน้าหลบตาชาวบ้านแบบนี้หรอก อย่าไปยุ่งกับคนแบบนั้นเลย” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉินซือเคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มามาก เขาสามารถเดาเจตนาของคนไม่ดีพวกนั้นได้ตั้งแต่แรก
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอก็คิดเหมือนกับเขา เหตุผลเดียวที่ผู้ชายคนนั้นใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ก็เพราะเขาหลบหนีกฎหมาย
เกิดเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นคุณลุงของเธอเอง
เมื่อเขาได้ยินว่าฉินซือกลับมาแล้ว คุณลุงจึงอยากจะเชิญชายหนุ่มไปรับประทานอาหารค่ำ
ฉินซือย่อมไม่ปฏิเสธ
ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหาร ลู่ฉิวเยว่และฉินซือก็ได้บอกข้อสงสัยของตนเองให้คุณลุงรับทราบ เมื่อคุณลุงได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที
“งั้นลุงควรทำยังไงดี?” คุณลุงตื่นกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในหมู่บ้านเยว่เหลียง เขาไม่อยากจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เขาพูดออกมาด้วยความตื่นกลัว “แต่ผู้ชายคนนั้นมีจดหมายแนะนำตัวมานี่สิ ลุงก็เลยไล่เขาไปไม่ได้”
ผู้ชายคนนั้นมีคนอื่นฝากเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน คุณลุงของลู่ฉิวเยว่ก็จนใจที่ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ
ฉินซือขมวดคิ้วและพูดว่า “ขอพวกเราดูจดหมายแนะนำตัวหน่อยสิครับ”
เขาเดาว่าจดหมายแนะนำตัวของผู้ชายคนนั้นต้องเป็นของปลอมแน่นอน
คุณลุงพยักหน้า ก่อนจะรีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อนำจดหมายแนะนำตัวมาให้พวกของฉินซือดู