สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 7 การลงทุนในหมู่บ้านเยว่เหลียง (รีไรท์)
บทที่ 7 การลงทุนในหมู่บ้านเยว่เหลียง (รีไรท์)
บทที่ 7 การลงทุนในหมู่บ้านเยว่เหลียง (รีไรท์)
เมื่อลู่ฉิวเยว่ได้ยินคำชมเชยอย่างดีจากหัวหน้าพ่อครัว เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดอย่างสุภาพว่า “คุณก็ชมกันเกินไปแล้ว ฉันแค่คิดว่าตัวเองโชคดีที่รสมือของฉันถูกปากคุณชายคนนี้มากกว่า”
หัวหน้าพ่อครัวอดไม่ได้ที่จะมองลู่ฉิวเยว่ต่างจากคนอื่น สาวน้อยคนนี้มีความสามารถและอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เธอจะมีอนาคตที่สดใสแน่นอน
เขาพาลู่ฉิวเยว่ออกไปหาฉินซือ จากนั้นกล่าวแนะนำ “คุณชายฉินครับ นี่คือเชฟลู่ ผมเชิญเธอมาทำอาหารมื้อนี้ให้คุณเป็นพิเศษ”
ฉินซือและลู่ฉิวเยว่มองหน้ากัน ก่อนจะพูดพร้อมกันว่า “คุณเองเหรอ?”
โร่วเจียโม๋ สาลี่หิมะตุ๋นยาจีน และอาหารค่ำมื้อนี้ล้วนแต่เป็นฝีมือของเธอทั้งสิ้น ดวงตาของฉินซือพลันเกิดประกายร้อนแรง เขาจับจ้องที่ใบหน้าของลู่ฉิวเยว่อย่างลึกซึ้ง สีหน้าของเขาบอกอย่างชัดเจนว่าต้องการจะครอบครองเธอให้ได้
“เชฟลู่ ผมอยากจ้างคุณมาเป็นเชฟส่วนตัวของผม คุณจะคิดเงินเดือนเท่าไหร่ก็ได้ คุณยินดีทำไหม?” ฉินซือพูดตรงประเด็น
ลู่ฉิวเยว่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินข้อเสนอนี้ ฉินซือช่วยเธอไว้ในตอนแรกก็จริง แต่เธอคิดว่าชายคนนี้ยังดูค่อนข้างห่างเหิน
หญิงสาวนึกถึงค่าความสุขที่เธอได้รับมาเยอะเป็นพิเศษก่อนหน้านี้ กลายเป็นว่าชายผู้ยโสกลายเป็นนักชิมที่มีศักยภาพเสียอย่างนั้น
“ขอบคุณคุณฉินสำหรับความชื่นชม แต่ฉันยังมีพ่อแม่ที่ต้องดูแล ฉันเกรงว่าการเดินทางไกลจะไม่สะดวกน่ะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ปฏิเสธอย่างสุภาพ
สำเนียงของชายคนนี้เป็นสำเนียงปักกิ่งแท้ เขาคงไม่ใช่คนท้องถิ่น การที่จะเป็นแม่ครัวส่วนตัวก็หมายความว่าเธอต้องไปเป็นคนรับใช้ของเขาด้วยเหมือนกัน
บ้านเก่าของครอบครัวเธอยังไม่ได้รับการซ่อมแซม และขาของพ่อก็ใช้งานหนักไม่ได้ ตอนนี้ทั้งครอบครัวยังต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณลุง เธอจึงไม่สะดวกรับงานนี้จริง ๆ
เมื่อได้ยินว่าลู่ฉิวเยว่ปฏิเสธ เลขาหวังก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที ชายหนุ่มรีบก้าวไปข้างหน้า มองไปที่ลู่ฉิวเยว่แล้วพูดว่า “เชฟลู่ ลองคิดดูให้ดีเถอะ เรื่องเงินเดือนไม่ใช่ปัญหาเลย คุณจะเอาเท่าไหร่ก็ได้ คุณจะเอา 10,000 หยวนหรือ 20,000 หยวน พวกเราก็ยินดีจ่าย”
แม้แต่ในยุคปัจจุบัน 10,000 หยวนหรือ 20,000 หยวนก็มีมูลค่าสูงมาก นับประสาอะไรกับยุค 80 ดูเหมือนว่าคุณชายคนนี้จะมีฐานะร่ำรวยอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ลู่ฉิวเยว่ยังคงส่ายหัวและพูดว่า “ฉันขอโทษจริง ๆ มันไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน แต่ขาของพ่อฉันได้รับบาดเจ็บ จำเป็นต้องได้รับการดูแล ฉันออกไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ”
ฉินซือได้พบกับแม่ครัวที่เขากำลังตามหาตัวทั้งที แต่เธอก็เอาแต่ปฏิเสธคำขอ ชายหนุ่มย่อมรู้สึกเสียใจ แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอต้องดูแลพ่อแม่ของเธอ เขาก็ไม่สามารถบังคับคนอื่นให้ทำตามที่ตนเองต้องการได้
ฉินซือหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋า ส่งให้ลู่ฉิวเยว่แล้วพูดว่า “ถ้าคุณสะดวก คุณสามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา”
ลู่ฉิวเยว่หยิบนามบัตรขึ้นมา บนนามบัตรมีตัวอักษรตัวใหญ่สองตัวที่เขียนอยู่บนนั้นว่าฉินซือ จากนั้นเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ขอบคุณคุณฉินที่ชื่นชอบอาหารนะคะ”
เมื่อเห็นว่าฉินซือกินอาหารและเครื่องดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญแล้ว นายอำเภอก็อารมณ์ดีขึ้น เขารีบพูดว่า “คุณชายฉิน คุณได้ตรวจสอบเขตนี้มาสองสามวันแล้ว คุณคิดอยากจะสร้างโรงงานบ้างไหม”
ฉินซือส่ายหัวและพูดด้วยความเสียใจ
“หลังจากการตรวจสอบอย่างจริงจังเป็นเวลาสามวัน ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของอำเภอไม่สะดวกนัก ไม่มีประโยชน์ในด้านทรัพยากรมนุษย์ด้วย หากสร้างโรงงานที่นี่จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ผมรู้สึกชอบที่อื่นมากกว่า”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินซือพูด นายอำเภอก็แสดงท่าทางผิดหวังทันที สิ่งที่ฉินซือพูดเป็นความจริง การสร้างโรงงานในเขตนี้ไม่มีประโยชน์จริง ๆ มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่ใช้เวลามากมายพยายามเอาใจฉินซืออยู่อย่างนี้หรอก
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกทางกันอย่างผิดหวัง จู่ ๆ ลู่ฉิวเยว่ก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา เธอรีบพูดว่า “ฉันมีความคิดหนึ่งค่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า”
ฉินซือเลิกคิ้ว มองใบหน้าของลู่ฉิวเยว่ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “พูดมาเลย”
ลู่ฉิวเยว่มองไปที่นายอำเภอแล้วพูดว่า “คุณพอจะมีแผนที่อำเภอของเราอยู่บ้างไหมคะ?”
นายอำเภอย่อมมีแผนที่พกติดตัวอยู่แล้ว เขาจึงนำแผนที่ออกมาส่งมอบให้หญิงสาว
ลู่ฉิวเยว่ชี้ไปยังที่ตั้งของหมู่บ้านเยว่เหลียงบนแผนที่ จากนั้นพูดว่า “ถึงจะสร้างโรงงานในอำเภอไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่คุณสามารถพิจารณาลงทุนในหมู่บ้านเยว่เหลียงได้นะคะ”
“คุณเห็นไหม แม้ว่าหมู่บ้านเยว่เหลียงจะเป็นพื้นที่ชนบท แต่ก็อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเพียง 20 ถึง 30 กิโลเมตร สะดวกทีเดียวค่ะ แถมราคาที่ดินและแรงงานก็ถูกมาก ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับทะเล ถ้าโรงงานสร้างขึ้นที่นี่เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จะต้องมีการสร้างท่าเรือขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน นอกจากค่าขนส่งจะลดลงอย่างมากแล้ว ราคาที่ดินและราคาบ้านก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นด้วย คุณจะต้องทำกำไรได้อย่างมากมายมหาศาลแน่ ๆ ค่ะ”
ฉินซือรู้สึกประหลาดใจ เขามองไปที่ลู่ฉิวเยว่ด้วยความไม่อยากเชื่อ ลู่ฉิวเยว่จำค่าความสุขจำนวนมากที่เธอได้รับหลังจากให้เขากินสาลี่หิมะตุ๋นยาจีนก่อนหน้านี้ได้ จึงรีบแนะนำต่อทันที “อีกอย่าง หมู่บ้านของเรายังมีสาลี่หิมะอีกเป็นจำนวนมาก หากคุณตั้งโรงงานบรรจุกระป๋องและทำการแปรรูปสาลี่เหล่านั้น คุณก็จะไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบ และถ้าคุณไม่รู้จะเอาสาลี่พวกนั้นมาแปรรูปเป็นอะไร ฉันสามารถให้สูตร คุณเอาไปทำเป็นอาหารแปรรูปบรรจุกระป๋องได้ตั้งหลายอย่าง รับรองว่าคุณก็จะต้องได้กำไรมหาศาลอีกเหมือนกัน”
ฉินซือเคยกินสาลี่หิมะตุ๋นยาจีนมาแล้ว เขาจึงอยากฟังสิ่งที่ลู่ฉิวเยว่พูด
“ถึงคุณจะพูดอย่างนั้น แต่ผมก็ยังต้องคำนวณต้นทุนในการลงทุน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะไปตรวจสอบหมู่บ้านเยว่เหลียง ไว้เป็นวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ฉินซือกล่าวทันที
เมื่อนายอำเภอได้ยินว่าฉินซือตกลงที่จะไปตรวจสอบที่หมู่บ้านแห่งนั้น ดวงตาสลัวของเขาก็สว่างขึ้นทันที
“เยี่ยม! ทำไมพวกเราถึงไม่คิดลงทุนในหมู่บ้านเยว่เหลียงมาก่อนเลยนะ! แม้ว่าหมู่บ้านเยว่เหลียงจะเป็นพื้นที่ชนบท แต่ก็มีมูลค่าการลงทุนที่มากกว่า!”
นอกจากนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ชนบทในหมู่บ้านเยว่เหลียงจะยิ่งใหญ่กว่าการสร้างโรงงานในอำเภอเสียอีก!
นี่สาวน้อยคนนี้สานฝันเขาด้วยคำ ๆ เดียวเนี่ยนะ!
“สาวน้อย วิสัยทัศน์ของคุณแรงกล้าและไม่เหมือนใคร! หากการลงทุนนี้สำเร็จ ผมจะส่งธงเชิดชูเกียรติไปที่บ้านของคุณแน่นอน ผมจะกล่าวชื่นชมคุณในอำเภอทุกวันด้วย!” นายอำเภอตบไหล่ลู่ฉิวเยว่พร้อมชื่นชม
“พวกคุณคงต้องทำงานหนักมากนะคะ อีกอย่างบ้านลุงของฉันก็ปลูกไร่สาลี่ ทางฝั่งของฉันเองก็กลัวว่าจะขายสาลี่ไม่ได้เช่นกัน” หญิงสาวเปิดเผยข้อมูลของตนเองอย่างไม่ปิดบัง
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น คุณเองก็คงต้องรับผิดชอบงานต้อนรับในวันพรุ่งนี้ หากคุณทำได้ คุณเองก็จะได้ประโยชน์” นายอำเภอก็ฉลาดเช่นกัน เขามอบงานต้อนรับให้กับลู่ฉิวเยว่และลุงของเธอทันที
“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารโต๊ะใหญ่รอให้ทุกคนมาตรวจสอบนะคะ” ลู่ฉิวเยว่เห็นด้วย
อาหารโต๊ะใหญ่? ฉินซือเฉยเมยในตอนแรก แต่ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวและเริ่มตั้งตารอ
หลังจากที่ทุกคนนัดหมายเวลาและสถานที่แล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็รับเงินค่าจ้างประจำค่ำคืนนี้และออกจากโรงแรมดาวแดงไปในที่สุด แม่ของเธอมารออยู่ที่หน้าโรงแรมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเธอออกมาจากครัว แม่ก็รีบพูดว่า “เป็นยังไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม ถึงคุณตาของลูกจะเคยเป็นพ่อครัวงานเลี้ยงมาก่อน แต่ลูกคิดอะไรอยู่ถึงได้รับคำเชิญมาทำอาหารในงานใหญ่อย่างนี้?”
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูเก่งมากนะ! อาหารที่หนูทำอร่อยจะตาย! หนูได้รับเงินค่าจ้างประจำคืนนี้แล้ว อีกอย่าง หนูก็ยังมีข่าวดีมาบอกทุกคนด้วยนะ! กำลังจะมีนักลงทุนรายใหญ่มาตรวจสอบพื้นที่ในหมู่บ้านของเราด้วยล่ะ เขาจะสร้างโรงงานและพัฒนาชุมชนค่ะ พวกเรารีบกลับไปบอกให้ทุกคนเตรียมตัวกันเถอะ!”