สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 65 งานแต่งงานของลู่เจี๋ยหรง
บทที่ 65 งานแต่งงานของลู่เจี๋ยหรง
บทที่ 65 งานแต่งงานของลู่เจี๋ยหรง
“คุณลู่มีญาติแบบนี้ลำบากใจแย่เลยสินะครับ” ลุงเซิงส่ายหน้า
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ใช่ค่ะ ฉันอยากให้ลุงเซิงช่วยสั่งสอนพวกเขาสักหน่อย คิดจะมาเอาเงินหลายพันหยวนเลยเนี่ยนะ? พวกเขาเห็นฉันเป็นตู้กดเงินหรือไง?”
“ตู้กดเงินคืออะไรครับ?”
ลู่ฉิวเยว่ไอออกมา “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หมายความว่าพวกเขาเห็นฉันเหมือนธนาคาร”
“อ้อ จริงด้วยสิ” แล้วเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที “คุณลุงคิดว่าเด็กในท้องยังอยู่ดีไหมคะ?”
ตอนนี้ลู่เจี๋ยหรงกำลังจะแต่งงานแล้ว คงไม่ได้ทำแท้งจริง ๆ แน่
ลุงเซิงส่ายหัวอีกครั้ง “ไม่น่าจะอยู่แล้วครับ ตอนที่ผมจับชีพจรเธอเมื่อครั้งที่แล้ว เด็กในท้องมีอายุได้ประมาณ 3 เดือน ตอนนี้ก็ต้องท้องได้ 4 เดือนแล้ว ถึงจะเป็นคนผอมยังไงท้องก็ต้องป่องออกมา แต่ผมดูชุดกระโปรงที่เธอสวมใส่ ไม่มีวี่แววของการตั้งครรภ์อีกแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เถาหลินเซินรู้เรื่องนี้หรือไม่?
แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีกแล้ว ลู่ฉิวเยว่ยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปช่วยจัดยาจีนต่อ
ในคืนนั้น ทั้งครอบครัวเพิ่งจะรับประทานอาหารค่ำเสร็จและมานั่งดูทีวี ลู่ฉิวเยว่อาศัยจังหวะนี้บอกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณทางเข้าร้านขายยาประจำวันนี้ แล้วก็นำบัตรเชิญวางไว้บนโต๊ะ
ถึงก่อนหน้านี้ลุงลู่จะประกาศตัดขาดสายเลือด แต่เขากับพ่อของเธอก็เป็นพี่น้องที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของลู่ฉิวเยว่เป็นคนใจอ่อน สุดท้ายก็ต้องหันมามองหน้าภรรยา
“อยากไปก็ไปเถอะ” ถึงแม่ของลู่ฉิวเยว่จะไม่พอใจ แต่เธอก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไม่ใช่เรื่องที่จะตัดขาดกันได้ง่าย ๆ
พ่อของลู่ฉิวเยว่ยิ้มหน้าบาน ถ้าลูกสาวไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย เขาก็คงพูดอะไรหวาน ๆ ออกมาแล้ว
“เราจะใส่ซองเท่าไหร่ดีคะ?” ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วขณะถาม 3,000 หยวนเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ในสายตาของเธอ แม่ลูกคู่นั้นไม่สมควรได้รับเกินกว่า 10 หยวนด้วยซ้ำ
“ใส่ซัก 100 หยวนเป็นไง?” แม่ของเธอเสนอความคิดเห็น
ผู้เป็นสามีพยักหน้า การใส่ซองช่วยงานแต่ง 100 หยวนก็ถือเป็นการไว้หน้าอีกฝ่ายมากแล้ว ในหมู่บ้านเดิมของพวกเขา ชาวบ้านมักจะใส่ซองช่วยงานแค่ไม่กี่หยวนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การช่วยงานเป็นจำนวนเงิน 100 หยวนจึงถือเป็นเงินก้อนใหญ่มาก
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอตัดสินใจทำตามความเห็นของพ่อแม่
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เธอเดินไปเปิดประตูและพบว่าเป็นฉินซือ
“สวัสดีตอนค่ำครับ คุณลุง คุณป้า” เขายิ้มและพยักหน้าทักทายผู้อาวุโสทั้งสองคน พ่อแม่ของหญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้คู่รักหนุ่มสาวได้อยู่กันตามลำพัง
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง “คิดถึงฉันเหรอคะ?”
ฉินซือไอออกมา ก่อนจะนำตั๋วหนัง 2 ใบออกมาจากกระเป๋าและพูดเสียงอ่อนโยนว่า “คุณลู่จะไปดูหนังกับผมได้ไหม?”
“ได้สิคะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอย่างมีความสุขและเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง
ในเมื่อนี่คือการเดต ก็คงต้องแต่งตัวอย่างเป็นทางการสักหน่อย เธอเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวรัดรูปที่เพิ่งซื้อมา ชุดนี้ได้รับการดัดแปลงโดยช่างเย็บผ้าประจำตัวเธออีก จึงกลายเป็นชุดที่งดงามบริสุทธิ์และดึงดูดใจ
รูปร่างของเธอผอมบางมาก แต่ก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งไม่ขาดไม่เกิน เป็นการรังสรรค์โดยธรรมชาติอย่างแท้จริง
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มให้กับเงาสะท้อนในกระจก หัวใจเต้นเร็วเพราะความสวยงามของตนเอง
นี่คือครั้งแรกที่ฉินซือเห็นเธอแต่งตัวเช่นนี้ ถึงไม่ต้องแต่งตัว เธอก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เธอยิ่งสวยเหมือนกับนางฟ้าในเทพนิยาย
ชายหนุ่มหยุดเทน้ำชาและจ้องมองตรงไปที่เธอ หัวใจของเขาแทบจะเต้นทะลุออกมานอกหน้าอก
“พวกเราไปกันเถอะ” ลู่ฉิวเยว่ไอออกมา ใบหน้าแดงระเรื่อ
“อ้อ…จริงด้วยสินะ” ฉินซือพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกับถ้วยน้ำชา
ลู่ฉิวเยว่หลุดขำออกมา หยิบกุญแจรถบนโต๊ะและเดินตามไป “คุณหยิบไปผิดอันแล้ว!”
ฉินซือรู้สึกเขินอายยิ่งขึ้น ระหว่างที่ดูหนังกัน เขาไม่กล้าหันไปมองเธอตรง ๆ เลยด้วยซ้ำ ต้องแอบชำเลืองมองอยู่ตลอดเวลา
“วันพรุ่งนี้ญาติฉันกำลังจะแต่งงาน ครอบครัวของเราจะไปกันหมด คุณอยากไปด้วยกันไหมคะ?” ลู่ฉิวเยว่พูดอย่างระมัดระวังระหว่างทางกลับ
ฉินซือพยักหน้า “ได้สิ แต่ช่วงนี้ผมอาจจะยุ่งหน่อย ผมจะรีบเลิกงานให้เร็วที่สุด แล้วผมจะตามไปนะ”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ตัว ลู่ฉิวเยว่เชิญเขาไปร่วมงานแต่งญาติ แสดงว่าเธอห่วงใยเขาจริง ๆ เขาชอบในทุก ๆ ครั้งที่ได้มีโอกาสเปิดตัวกับเธอ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
เช้าวันต่อมา ทั้งครอบครัวกำลังเตรียมตัว ลู่ฉิวเยว่สวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินเข้ม เธอไม่ได้สวมใส่เครื่องประดับอะไรเยอะแยะแต่ก็ดูมีสง่าราศี สามารถขโมยความสนใจจากลู่เจี๋ยหรงในงานแต่งงานได้โดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อของเธอใส่ชุดสูทที่ลู่ฉิวเยว่ซื้อมาให้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าอย่างไรพ่อของเธอก็ไม่เคยใส่ชุดสูทเลย แต่วันนี้เขายอมใส่เพื่อเป็นการไว้หน้าหลานสาว ส่วนผู้เป็นภรรยาก็สวมใส่ชุดกระโปรงยาวดูอ่อนหวาน เผยให้เห็นถึงเสน่ห์อันสมวัยผู้สูงอายุ
“ญาติทางฝั่งคุณมากันแล้วหรือยัง?”
ลู่เจี๋ยหรงกำลังแต่งตัว เถาหลินเซินเปิดประตูเข้ามาถาม แทบไม่มีญาติฝั่งเจ้าสาวมาร่วมงานเลย เท่าที่เขาเห็นก็มีแค่พ่อแม่ของลู่เจี๋ยหรงเท่านั้น ทำให้เถาหลินเซินรู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง
ลู่เจี๋ยหรงส่ายหน้า “บ้านญาติของฉันอาจจะมาช้าหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง”
เถาหลินเซินพยักหน้า สีหน้าเบาใจมากขึ้น ญาติที่เธอพูดถึงก็คือเจ้าของร้านอาหารที่พวกเขาเคยไปเมื่อครั้งที่แล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มีเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นที่โต๊ะอาหารอยู่ดี
“ดูสิ บ้านเจ้าสาวนี่ไม่ไหวเลยนะ มีแค่พ่อแม่ ไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นเลย แถมคนเป็นพ่อก็แต่งตัวซ่อมซ่ออีก น่าอายจริง ๆ”
“ได้ข่าวว่าท้องก่อนแต่งด้วยนี่นะ”
“เห็นว่าไม่ต้องรอประกอบพิธีอย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อลู่เจี๋ยหรงได้ยินคำนินทาเหล่านั้น เธอก็รู้สึกโมโหมาก แต่เพราะว่าวันนี้เป็นงานแต่งของเธอและคนพวกนี้เป็นญาติของเถาหลินเซิน เธอจึงไม่กล้าเอาเรื่อง
“นั่นใครน่ะ?” ใครบางคนอุทานขึ้นมา
สายตาของพวกเขาพบเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ถึงพวกเขาจะไม่ใช่คนรวยหรือคนมีอำนาจ แต่คนกลุ่มนั้นก็มีความโดดเด่น ดูเหมือนจะไม่ใช่เพื่อนของเถาหลินเซินและไม่ใช่คนจัดส่งอาหารอีกเช่นกัน
พ่อของลู่ฉิวเยว่ยิ้มกว้าง เขาส่งซองใส่เงินช่วยงานแต่งให้แก่เด็กสาวคนหนึ่งที่คอยดูแลเรื่องนี้ หลังจากนั้นก็เดินนำลูกสาวและภรรยาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้เกิดความเงียบงันตามมา คนที่เคยนินทาลู่เจี๋ยหรงก่อนหน้านี้ก็เงียบเสียงไปทันที
“แล้วใครบอกว่าบ้านเจ้าสาวจน? ดูสภาพแล้วน่าจะรวยกว่าบ้านเจ้าบ่าวอีก ชุดสูทที่คุณผู้ชายคนนั้นใส่มีราคามากกว่า 60 หยวน คุณเคยใส่ไหม?” ยังคงมีคนส่งเสียงพูดขึ้นมา นั่นยิ่งทำให้บรรยากาศเงียบงันมากขึ้น
ในที่สุด ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่ก็ไว้หน้าสองแม่ลูกตัวแสบจริง ๆ ป้าลู่รีบเดินยิ้มเข้าไปหา เธอต้อนรับขับสู้ด้วยความอ่อนโยนมากกว่าปกติหลายเท่า
ลู่เจี๋ยหรงยิ่งรู้สึกโกรธแค้นและหงุดหงิดจนตัวสั่น พอพวกของลู่ฉิวเยว่มาถึง ทุกคนก็ไม่สนใจเธออีกแล้ว ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในงาน รวมไปถึงสายตาของผู้หญิงส่วนใหญ่ ต่างก็จ้องมองไปที่ลู่ฉิวเยว่!
ทำไมต้องเป็นเธอด้วยนะ!
หลังจากรับรู้ได้ว่าเถาหลินเซินกำลังจ้องมองลู่ฉิวเยว่เช่นกัน ลู่เจี๋ยหรงก็ยิ่งมีสีหน้าเย็นชามากกว่าเดิม
เธอเดินตรงเข้าไปหาคนกลุ่มนั้น
สายตาของลู่เจี๋ยหรงมีความมุ่งร้ายมากเกินไป ลู่ฉิวเยว่จ้องมองอย่างระมัดระวัง กลัวว่าลูกพี่ลูกน้องของตนเองคนนี้จะทำอะไรโง่ ๆ ขึ้นมาในงานมงคลวันนี้
เพราะนอกจากมันจะทำให้ลู่เจี๋ยหรงดูไม่ดีเองแล้ว พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็คงจะต้องพลอยเสียใจไปด้วยเช่นกัน
“ลู่ฉิวเยว่ เธอแต่งตัวแบบนี้หมายความว่ายังไง!”
และแล้ สิ่งที่หญิงสาวหวาดกลัวก็เกิดขึ้นจริง ๆ คนเป็นเจ้าสาวเดินเข้ามายืนมองเธอตาขวาง ลู่ฉิวเยว่ได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยความเหนื่อยใจ