สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 62 หวังเซวียนเซวียนได้รับรางวัล
บทที่ 62 หวังเซวียนเซวียนได้รับรางวัล
บทที่ 62 หวังเซวียนเซวียนได้รับรางวัล
“ขอบคุณมากครับ คุณลู่” เมื่อได้ยินคำตอบจากเธอ ลุงเซิงก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูมีอายุน้อยลงกว่าเดิมหลายปี
ในเวลานี้ ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมีแสงสว่างแล้ว เริ่มมีผู้คนออกมาเดินตามท้องถนน เมื่อเห็นว่าลู่ฉิวเยว่ยังคงยุ่งอยู่กับการจัดยา ชายชราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินไปปิดประตูด้วยตนเอง
สูตรยาที่ลู่ฉิวเยว่เขียนขึ้นมานั้นล้ำค่ามาก แทบจะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของร้านขายยาแห่งนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ถึงแม้มันจะเป็นสูตรยาที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน แต่ก็เป็นการคิดค้นสูตรยาที่ไม่มีอันตรายอย่างแน่นอน
นี่คือครั้งแรกที่ลู่ฉิวเยว่คิดเขียนสูตรยาขึ้นมาในยุคนี้ เธอกำลังตื่นเต้น เมื่อจัดยาเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวกลับบ้าน
เธอปรับปริมาณยาตามจำนวนน้ำหนัก ความดัน ลมปราณ และอาการปวดของแม่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองอีกที ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างแล้ว บนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนเดินไปเดินมา
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
ทันใดนั้น มีคนมาเคาะประตูร้าน ลุงเซิงเดินออกไปเปิดประตู ลู่ฉิวเยว่จ้องมองตามไป
แสงตะวันด้านนอกยังไม่สว่างเต็มที่ มองเห็นเป็นเพียงเงาของชายหนุ่มร่างสูง ลู่ฉิวเยว่ถึงกับส่ายหน้า
ฉินซือ
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เธอยิ้มรับเดินออกไปจากเคาน์เตอร์
ฉินซือยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยน “ผมไปหาคุณที่ร้านอาหาร แต่พวกเขาบอกว่าคุณอยู่ที่นี่”
“ใช่ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ดึงเก้าอี้ออกมาและบอกให้เขานั่งลง “คุณอยากให้ฉันทำอะไรใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ฉินซือก็รู้สึกไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วจ้องมองไปที่เธอ ถ้าไม่มีธุระอะไรเขาจะมาไม่ได้หรือไง?
ในระยะหลังที่ผ่านมา เธองานยุ่งมากจนเมินเฉยต่อเขา นอกจากเวลารับประทานอาหารวันละครั้ง ฉินซือก็แทบไม่ได้เจอเธอในเวลาอื่นเลย
เมื่อเห็นสีหน้าของฉินซือ หญิงสาวก็รู้แล้วว่าตนเองพูดไม่ดีออกไป จึงรีบอ้อนเขาว่า “ช่วงนี้ฉันทำงานหนักไปหน่อย ฉันจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว”
ฉินซือหัวเราะในลำคออย่างเย็นชา เขาจ้องมองเธอ “รู้ตัวด้วยเหรอว่าทำผิด?”
เพราะกลัวว่าเขาจะโกรธอีก ลู่ฉิวเยว่จึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“อยากแก้ตัวที่ทำผิดไหม ผมจะมอบโอกาสให้คุณ”
“อยากสิ”
“งั้นไปซื้อของเป็นเพื่อนผมหน่อย” ฉินซือยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
แน่นอนว่าเขาไม่ชอบการเดินซื้อของเลย แต่หลายวันที่ผ่านมา เธอยุ่งอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ได้หาอะไรทำบ้าง เธอคงต้องเครียดตายแน่ ๆ ฉินซือจึงอยากจะหาโอกาสและข้ออ้างพาเธอออกไปผ่อนคลายสักหน่อย
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเขินอาย อาจจะเป็นเพราะเธอรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของฉินซือ แต่มันก็เป็นความจริงที่เธอยุ่งมากเกินไป
หลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมา ช่างมันเถอะ เธอทำงานเยอะแล้ว วันนี้ถือเป็นวันพักผ่อนก็แล้วกัน
“ได้ค่ะ เดี๋ยวรอฉันเก็บของก่อนนะ” ลู่ฉิวเยว่พูด เธอรีบนำกล่องยาที่จัดสมุนไพรเอาไว้เรียบร้อยไปส่งมอบให้แก่ลุงเซิงและบอกให้ชายชราช่วยนำกล่องยาไปมอบให้แก่เด็กเสิร์ฟในร้านอาหารของเธอ เพื่อให้เขานำยาเหล่านี้ไปส่งที่บ้าน ลู่ฉิวเยว่ตั้งใจว่าจะกลับไปต้มให้แม่กินในตอนกลางคืน
“ของพวกนี้มันอะไรเหรอ?” ฉินซือชี้มือไปที่กองถุงกระดาษด้วยความสงสัย
“เมื่อคืนแม่ฉันปวดขาอีกแล้ว นี่เป็นยาจีนที่ฉันจัดให้แม่ฉันเอง คืนนี้ฉันจะเอากลับไปต้มที่บ้านเพื่อรักษาอาการปวดเข่าให้กับท่านน่ะ”
“รักษาอาการปวดเข่าเนี่ยนะ?”
“ใช่ค่ะ แล้วมันก็ยังช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด แก้ปัญหาของคนแก่ได้อีกด้วย” ลู่ฉิวเยว่ตอบด้วยความมั่นใจ
ฉินซือมีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “พ่อผมก็มีปัญหาคนแก่เหมือนกัน เวลาอากาศหนาวท่านจะปวดเข่า คุณช่วยจัดยาให้พ่อผมบ้างได้ไหม?”
ลู่ฉิวเยว่เบิกตาโต เธอรับฟังอาการพ่อของเขาด้วยความพิจารณา จากนั้นจึงพยักหน้า “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดให้ คุณมาเอาตอนกินอาหารเย็นก็แล้วกันนะ”
แต่ในคืนนั้น เป็นครั้งแรกที่ลู่ฉิวเยว่กลับบ้านดึก เธอไปดูหนังกับฉินซือ เธอยังคงหลงใหลอยู่ในหนังสงครามเหมือนเดิม ทั้งสองคนดูหนังอย่างสนุกสนาน
“เอาล่ะ คุณกลับไปได้แล้ว” เมื่อลงจากรถ เธอก็โบกมือให้เขา
นี่คือยามค่ำคืนในช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิ สายลมพัดผ่านแผ่วเบา ฉินซืออดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “พรุ่งนี้เจอกันนะ”
เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนของเขาทำให้หัวใจของลู่ฉิวเยว่เต้นผิดจังหวะ เธอกลัวว่าเขาจะหยอกล้อเมื่อเห็นเธอหน้าแดง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและรีบเดินขึ้นบันไดบ้านไปอย่างรวดเร็ว
แต่ยังไม่ทันเปิดประตูเข้าไป หญิงสาวก็ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากในตัวบ้าน เธอเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ
ฉลองอะไรกันอยู่หรือเปล่านะ?
เธอหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไป เมื่อแม่ของเธอหันมาเห็น หญิงวัยกลางคนก็ยกมือป้องปากแซวว่า “อุ๊ย! เยว่เยว่ไปเดตกลับมาแล้ว”
พ่อของเธอมีสีหน้าไม่พอใจ ถ้าเธอกลับบ้านช้ามากกว่านี้ เขาคงออกไปตามหาแล้ว ครั้งนี้ถือว่าเจ้าฉินซือนั่นได้ใจมากเกินไปจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงระเรื่อ เธอไอออกมาและพยายามเปลี่ยนเรื่องว่า “กำลังฉลองอะไรกันอยู่หรือเปล่าคะแม่?”
แม่ของเธอยิ่งหัวเราะดังมากกว่าเดิม
“เซวียนเซวียนช่วยปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงานให้ทำงานได้ดีมากขึ้นน่ะ เขาก็เลยได้รับรางวัล” เธอพูด พลางชี้มือไปที่ซองแดงบนโต๊ะ “ได้เงินมาตั้ง 500 หยวนเชียวนะ”
นับว่าหวังเซวียนเซวียนมีฝีมือจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าผลการเรียนของหวังเซวียนเซวียนจะไม่ดี และเขาก็ไม่ชอบเรียนวิชาฟิสิกส์เหมือนพวกเด็กรุ่นหลัง
แต่พรสวรรค์ในด้านเครื่องจักรกลนั้นเหมาะสมกับยุคนี้เป็นอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่เธอให้คำแนะนำเขา หวังเซวียนเซวียนก็จะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว และบางครั้งเขาก็ยังสาธิตการประกอบชิ้นส่วนให้เธอดูอีกด้วย
ถึงเธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเก่งเรื่องเครื่องจักรกล แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี เธอตัดสินใจเข้าครัวไปทำอาหารเพื่อฉลองให้กับทุกคน
หวังเซวียนเซวียนหน้าแดงด้วยความเขินอายเพราะถูกทุกคนชมเชย เขาเดินเข้ามาในห้องครัวและบอกว่าจะช่วยงานเธอ
ลู่ฉิวเยว่ยังดื่มนมสดที่ซื้อมาในวันนี้ไม่หมด จึงตั้งใจจะใช้นมสดที่เหลืออยู่มาทำเป็นของหวานที่เรียกว่านมตุ๋นผิวสองชั้น
เธอนำไข่ขาวมาตีให้เข้ากัน เติมนมสดและน้ำตาลลงไป จากนั้นจึงนำไปต้มด้วยความร้อนสูงเป็นเวลา 10 นาที ก่อนจะเอาออกมาพักให้เย็นลงด้วยอุณหภูมิห้อง และนำชามใส่นมตุ๋นไปแช่น้ำเย็นเพื่อลดอุณหภูมิลง
บ้านของเธอไม่มีตู้เย็น จึงไม่สะดวกต่อการทำอาหารในสูตรยุคหลัง ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว รู้สึกเสียดาย
“พี่ครับ ผมจะได้กินเมื่อไหร่?” หวังเซวียนเซวียนจ้องมองไปยังอาหารที่มีลักษณะเหมือนไข่ตุ๋นในชามกระเบื้อง เขาทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
คิดไม่ถึงเลยว่าแค่นมสดกับไข่ไม่กี่ฟองก็จะกลายออกมาเป็นอาหารที่น่ารับประทานถึงขนาดนี้ หวังเซวียนเซวียนจ้องมองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาเหมือนลูกหมาตัวน้อย ๆ
ลู่ฉิวเยว่อดยิ้มไม่ได้ เธอพยักหน้า “เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว รออีกไม่กี่นาที”
พ่อแม่ของเธอที่อยู่ในห้องนั่งเล่นได้กลิ่นหอมของนมตุ๋น จึงหันมามองทางห้องครัว ปรารถนาให้เวลาผ่านไปอย่างเร็ว ๆ
ขนมหวานที่หวังเซวียนเซวียนเดินถือออกมาทำให้แม่ของลู่ฉิวเยว่อยากจะลองชิมไม่ไหวแล้ว
เนื้อสัมผัสของไข่และนมละลายในปาก รสชาติแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น เธอแลบลิ้นเลียมุมปากอย่างมีความสุข
[ค่าความสุข : +1, +1… ]
เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นในหัวของเธอ ทำให้ลู่ฉิวเยว่ยิ่งมีความสุขมากขึ้น
หลังจากที่เธอเปิดร้านอาหาร ค่าความสุขของระบบก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลู่ฉิวเยว่สามารถปลดล็อคอะไรต่อมิอะไรได้หลายอย่าง เช่นเดียวกับที่ได้สะสมสมุนไพรคุณภาพสูงจำนวนมาก
แต่มันคงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายกับทุกคนว่าเธอไปเอาของเหล่านั้นมาจากที่ไหน ดังนั้นหญิงสาวจึงแอบใส่พวกมันลงไปเวลาทำอาหาร เพื่อบำรุงร่างกายของทุกคนโดยที่ไม่มีใครรู้