สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 60 ลู่เจี๋ยหรงกลับมาสร้างปัญหาอีกครั้ง
บทที่ 60 ลู่เจี๋ยหรงกลับมาสร้างปัญหาอีกครั้ง
บทที่ 60 ลู่เจี๋ยหรงกลับมาสร้างปัญหาอีกครั้ง
หลังจากที่หวังเซวียนเซวียนได้เข้าไปทำงานในโรงงานเครื่องจักรของฉินซือ เขาก็ยิ่งหลงไหลในเครื่องจักรกลมากขึ้น บางครั้งเด็กหนุ่มก็นำชิ้นส่วนของเครื่องจักรมาประกอบที่บ้าน ลู่ฉิวเยว่เคยตื่นขึ้นมากลางดึกหลายครั้งและพบว่าภายในห้องของหวังเซวียนเซวียนยังคงเปิดไฟสว่าง
ในคืนนี้ ลู่ฉิวเยว่กำลังจะนอนพักผ่อน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “เข้ามาได้”
คนที่เดินเข้ามาย่อมต้องเป็นหวังเซวียนเซวียน เขายิ้มด้วยความกระอักกระอ่วนและพูดเบาๆ ว่า “พี่ครับ ผมมีเรื่องอยากถาม”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ถามมาสิ”
ครั้งสุดท้ายที่เขาประกอบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ไม่ได้หลังจากที่เธอให้คำแนะนำอะไรไปบางอย่าง หวังเซวียนเซวียนก็เหมือนกับได้ค้นพบโลกใบใหม่ และเขาก็มักจะมาถามเธอทุกครั้งที่พบเจอกับปัญหา
ในชาติที่แล้ว ลู่ฉิวเยว่เคยเรียนเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกมาพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อมีลูกพี่ลูกน้องที่หลงใหลในเครื่องจักรกลเช่นกัน เธอก็เลยสะสมความรู้มาโดยไม่รู้ตัว ในชาตินี้ ลู่ฉิวเยว่จึงมีความรู้มากพอที่จะให้คำแนะนำกับหวังเซวียนเซวียนได้
หลังจากตรวจดูชิ้นส่วนที่เขาส่งมาให้ ลู่ฉิวเยว่ก็เข้าใจโดยทันที เธอยิ้มและพูดว่า “ดูสิ…ตรงนี้…”
หลังจากรับฟังคำอธิบายของเธอแล้ว หวังเซวียนเซวียนก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจทันที และหันมามองเธอด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้น
ลู่ฉิวเยว่มีอายุมากกว่าเขาเพียงไม่กี่ปี แต่นอกจากเธอจะเป็นเจ้าของร้านอาหารและร้านขายยาจีนแล้ว เธอยังมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกอีกด้วย ในหัวใจของหวังเซวียนเซวียน ลู่ฉิวเยว่เป็นวีรสตรีประจำใจของเขา
“เข้าใจก็ดีแล้ว รีบไปนอนเถอะ อย่านอนดึก เดี๋ยวเธอจะตัวไม่สูงนะ” ลู่ฉิวเยว่ทำหน้าดุไม่ต่างจากราชินีออกคำสั่ง
เจ้าเด็กคนนี้ไม่รู้จักดูแลตัวเองเอาเสียเลย เขานอนดึกทุก ๆ คืน ร่างกายเกิดความอ่อนล้า ลุงกับป้าของเธอรู้เข้าคงเศร้าใจแย่
หวังเซวียนเซวียนรู้ว่าเขาทำผิดไปแล้วจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เด็กหนุ่มปิดไฟเข้านอน เขาตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้จะมาประกอบชิ้นส่วนเครื่องจักรต่อ
และเมื่อเขาปิดประตูเข้าห้องไป ลู่ฉิวเยว่ก็ปิดไฟนอนเช่นกัน วันพรุ่งนี้เธอยังต้องพูดคุยเรื่องธุรกิจ ดังนั้นเธอจึงต้องนอนเร็ว ไม่งั้นวันพรุ่งนี้คงไม่เหลือเรี่ยวแรงไปเจรจาธุรกิจอีก
เช้าวันต่อมา เมื่อสั่งงานในร้านอาหารเรียบร้อย เธอก็ไปพูดคุยกับลุงเซิงเรื่องการพัฒนาร้านขายยาจีนจนถึงตอนบ่าย จากนั้นเธอไปที่ร้านกาแฟซึ่งได้นัดพบกับใครบางคนเอาไว้
เธอมาถึงก่อนเวลา แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปนัก เพราะมันจะทำให้เธอเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ นี่คือนิสัยที่ติดมาจากชาติที่แล้ว
ร้านกาแฟอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารของเธอ หญิงสาวเดินไปที่นั่น ปรากฏว่าวันนี้เป็นวันเปิดตลาด สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอย พ่อค้าแม่ค้าร้องตะโกนเรียกลูกค้า บรรยากาศมีชีวิตชีวา เธอเดินไปพร้อมกับรับชมด้วยความสนใจ
แต่ดูเหมือนจะมีอยู่ร้านหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากกว่าร้านอื่น ๆ มีคนมายืนอออยู่หน้าร้านเป็นจำนวนมาก ลู่ฉิวเยว่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นิสัยอยากรู้อยากเห็นของคนจีนไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนก็ตาม
ถ้าไม่ติดว่าเธอมีนัดเจรจาธุรกิจสำคัญ ลู่ฉิวเยว่ก็คงเข้าไปดูเหมือนกันว่าคนกำลังมุงดูอะไรอยู่ เพราะเธอจะได้เรียนรู้กลยุทธ์ของเจ้าของร้านเอามาใช้งานบ้าง
ลู่ฉิวเยว่คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์ที่ทำให้คนมามุงดูนั้นจะเกี่ยวข้องกับตนเอง ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือมันเกี่ยวข้องกับลู่เจี๋ยหรง
“เถาหลินเซิน แกมันไม่ใช่คน แกไม่รับผิดชอบหรงหรง แกมันคนใจดำ…”
ในจังหวะที่ลู่ฉิวเยว่กำลังจะเดินผ่านไป เธอก็ได้ยินเสียงตะโกนของป้าลู่ดังลั่นถนน มุมปากของลู่ฉิวเยว่ก็กระตุกยิ้มขึ้น
ให้ตายเถอะ ป้าคนนี้มาสร้างปัญหาอีกแล้ว ลู่ฉิวเยว่รีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อรับชมความบันเทิง แทบจะอยากหาเมล็ดแตงโมมาแทะเล่นระหว่างรับชมแล้วด้วยซ้ำ
“ลู่เจี๋ยหรง นี่หมายความว่ายังไง? คิดจะมาหาเรื่องกันใช่ไหม?” เถาหลินเซินทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเดินออกมาจากร้านและตะโกนด่าหญิงทั้งสอง
ถ้าปล่อยให้แม่ลูกคู่นี้ยืนตะโกนด่าต่อไป ภาพลักษณ์ของเขาคงเสียหายยับเยิน แล้วเขาจะกอบกู้ภาพลักษณ์กลับคืนมาได้อย่างไร!
และการที่ลู่เจี๋ยหรงกับแม่ของเธอยืนตะโกนโวยวายอยู่หน้าร้านก็ทำให้ชาวบ้านโดยรอบเริ่มหลงเชื่อ ทุกคนมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าเถาหลินเซินรีบวิ่งออกมาจากร้านนั้นด้วยความโมโห ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นมากขึ้น
“ผู้ชายอะไรหน้าด้านขนาดนี้ ทำลายความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนนึงแล้วก็ยังไม่มีความรับผิดชอบอีก บนโลกนี้มีผู้ชายที่น่ารังเกียจแบบนี้อยู่ได้ยังไง!”
“นั่นสิ! ถ้าไม่อยากรับผิดชอบก็ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่แรก! ผู้ชายที่ควบคุมหัวล่างของตัวเองไม่ได้แบบนี้ มันเศษสวะชัด ๆ!”
“เฮ้อ! น่าสงสารแม่หนูคนนี้จริง ๆ ต้องมาพบเจอคนเลวแบบนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่เลย”
“ฉันโชคดีเหลือเกิน” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา “เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันว่าจะเข้าไปซื้อของที่ร้านนี้สักหน่อย แต่ยังไม่มีจังหวะได้เข้าไปซื้อ ไม่งั้นฉันคงรู้สึกขยะแขยงแทบแย่ที่ซื้อของจากผู้ชายแบบนี้”
“ใช่แล้ว…”
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่โดยรอบส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ป้าลู่ก็ยิ่งพูดออกไปด้วยความโกรธแค้นว่า “ใช่แล้วค่ะ ผู้ชายคนนี้เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด เขาทำให้หรงหรงตั้งท้อง แต่ก็ไม่ยอมรับผิดชอบ ไม่งั้นเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง!”
ลู่ฉิวเยว่ไม่ยอมรับตัวพวกเธอเข้าไปอยู่ด้วย สามีของเธอก็ไม่ยอมต้อนรับกลับบ้านเพราะว่าอายผู้คนมากเกินไป ป้าลู่และลูกสาวไม่มีที่อยู่อาศัยจึงต้องพยายามกลับมาเกาะผู้ชายคนนี้ให้ได้!
เมื่อได้ยินดังนั้น ชาวบ้านโดยรอบก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลมากขึ้น พวกเขาอยากจะเข้าไปรุมประชาทัณฑ์เถาหลินเซินเพื่อทวงคืนความยุติธรรมโดยทันที
ชาวบ้านกำลังส่งเสียงตะโกนด่า ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เธอเป็นเพียงผู้รับฟังและมักจะหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราว ละครฉากนี้สนุกจริง ๆ
ป้าลู่ฉลาดมากขึ้น รู้จักเรียนรู้ที่จะใช้ความสงสารของผู้คนให้เป็นประโยชน์
เมื่อเห็นว่าชาวบ้านเกลียดชังตนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ เถาหลินเซินก็รู้สึกโกรธแค้นสุดขีดจนต้องเปิดเผยความจริงออกมา
“ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าลู่เจี๋ยหรง พวกคุณคิดว่าเธอน่าสงสารมากงั้นเหรอ? ผมจะบอกให้ฟังนะ ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงแพศยา เธอตั้งใจเข้ามาหลอกเงินผม เธอขอให้ผมซื้อสร้อยทองให้แม่ใส่ เธอแกล้งทำตัวเป็นคนรวย เธออยากจะให้ผมแต่งงานกับเธอ เธอแอบอ้างร้านอาหารของคนอื่นเป็นร้านของพ่อตัวเอง แล้วที่เลวร้ายที่สุดก็คือเธอคบชู้ เธอไม่ยอมบอกผมว่าเธอแต่งงานแล้ว เธอต่างหากที่ทำร้ายความรู้สึกของผม!”
เมื่อชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความหนักแน่น ชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มเกิดความลังเล ตกลงแล้วระหว่างสองฝ่ายนี้ใครกำลังพูดความจริงกันแน่?
ลู่เจี๋ยหรงถูกคำพูดเหล่านั้นตบหน้าอย่างแรง เธอจึงส่งเสียงกรีดร้องออกมาว่า “ฉันโกหกคุณแล้วมันจะทำไม? ถ้าคุณไม่ได้คิดไม่ดีกับฉันก่อน แล้วคุณจะถูกหลอกได้ยังไง? คุณเองก็นอกใจฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ คุณบอกว่าตัวเองทำงานล่วงเวลาทุกวัน แต่ความจริงคุณแอบไปที่อื่นต่างหาก!”
ในวันที่พวกเขาเลิกรากัน เธอเห็นเขาพาผู้หญิงอีกคนหนึ่งไปทำแท้งที่โรงพยาบาล ถ้านั่นไม่ใช่ลูกของเขาแล้วมันจะเป็นลูกของใคร? เขาเอาแต่บอกว่าตัวเองซื่อสัตย์กับลู่เจี๋ยหรง แต่ความจริงก็ออกไปหาผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน
ในตอนนี้ ทุกคนได้รู้แล้วว่าชายหญิงสองคนนี้เป็นชายชั่วหญิงโฉด ต่างก็ไม่ใช่คนดีทั้งคู่ หลายคนจึงโบกไม้โบกมือ พยายามส่งเสียงเชียร์ให้ทั้งคู่ตบตีกัน
“เฮ้! ถ้าตกลงกันไม่ได้ เรียกตำรวจมาจัดการเลยดีกว่า!”
“สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลด้วย มีใครไปแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง?”
ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนพูดประโยคนั้นออกมา ซึ่งทำให้เถาหลินเซินสะดุ้งโหยง การที่สองแม่ลูกมายืนด่าเขาอยู่หน้าร้านในวันนี้ก็ถือว่าทำให้เขาเสียหน้ามากพอแล้ว ถ้ามีตำรวจมาเกี่ยวข้องด้วยอีก ภาพลักษณ์ของเขาก็จะต้องเสียหายย่อยยับอย่างแน่นอน ผู้คนจะจดจำว่าเขาเป็นคนไม่ดี แล้วยังจะมีใครกล้ามาซื้อของจากร้านของเขาอีก?