สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 59 ติดสินบนฉินซือ
บทที่ 59 ติดสินบนฉินซือ
บทที่ 59 ติดสินบนฉินซือ
หลังจากที่สองแม่ลูกถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว ห้องนั่งเล่นก็กลับมาอยู่ในความสงบ ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเหนื่อยใจเมื่อเห็นพ่อแม่กลับมานั่งบนโซฟาด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
“ไม่คุ้มค่าหรอกค่ะที่จะอารมณ์เสียเพราะคนพวกนั้น พวกเรามาดูทีวีกันดีกว่า!” เธอยิ้มและเปิดทีวี ทีวีกำลังฉายรายการวาดภาพ
ในยุคนี้ คุณภาพของภาพยังไม่ดีนัก แต่การได้เห็นอาจารย์วาดภาพชื่อดังบนหน้าจอก็คือความรู้สึกที่พิเศษเช่นกัน
ผู้ที่ได้ปรากฏตัวบนหน้าจอทีวีย่อมต้องเป็นปรมาจารย์ภาพเขียนชื่อดังแห่งยุคสมัย ซึ่งในอนาคตข้างหน้าจะไม่มีใครได้พบเจอพวกเขาอีกแล้ว
“อ้าว? แอปเปิลหายไปไหนหมดแล้ว?” หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็โน้มตัวมามองจานที่ว่างเปล่าบนโต๊ะกาแฟและถามด้วยความประหลาดใจ
ลู่ฉิวเยว่อมยิ้มพร้อมกับชี้มือไปที่แม่ซึ่งเพิ่งจะเดินเข้าห้องครัวไป ตอบหน้าตาเฉยว่า “แม่กินไปหมดแล้วค่ะ”
หญิงสาวรู้สึกเสียใจ เธอไม่น่ากินเพลินเกินไปเลย กว่าจะรู้ตัวอีกทีแอปเปิลก็หมดจานแล้ว แต่แอปเปิลที่คนอื่นปอกย่อมอร่อยกว่าแอปเปิ้ลที่เราปอกเองเสมอ
ในตอนนี้ร้านอาหารและร้านขายยาจีนกำลังเติบโต มีเรื่องราวมากมายให้ต้องจัดการ ลู่ฉิวเยว่หยุดได้เพียงวันเดียว เช้าวันต่อมาเธอก็ต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่
แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนมาเช้ามากกว่าตนเอง ลู่ฉิวเยว่ยังไม่ทันไปถึงร้านอาหาร เธอก็เห็นแสงไฟสว่างออกมาจากด้านในร้านตั้งแต่ไกล ๆ เมื่อมองเข้าไปดี ๆ ถึงได้เห็นว่านั่นคือหวังเซวียนเซวียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้แสงไฟ
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ เธอรู้ว่าเขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา หากทางร้านอาหารมีเวลาพัก ในขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ นั่งพูดคุยกันหรือหาขนมมารับประทาน ก็จะมีหวังเซวียนเซวียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แยกตัวมานั่งอ่านหนังสือ ลู่ฉิวเยว่ยิ่งรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นเด็กที่เรียนเก่งมากกว่าเดิม
ถ้าไม่ใช่คุณลุงกับคุณป้ายืนยันว่าหวังเซวียนเซวียนต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะเรียนไม่ดี เธอก็คงคิดว่าเขาถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนแน่ ๆ
ลู่ฉิวเยว่ส่งเสียงไอขึ้นและยิ้มทักทายว่า “มาทำอะไรแต่เช้าเชียว?”
หวังเซวียนเซวียนได้ยินเสียงเธอก็สะดุ้งโหยง ก่อนตอบออกมาว่า “ผมกลัวว่าถ้าเปิดไฟอ่านหนังสือที่บ้านจะรบกวนคนอื่นน่ะครับ”
“เธออ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ? เห็นอ่านจริงจังเชียว แนะนำให้พี่อ่านบ้างได้ไหม”
“พวกหนังสือเครื่องยนต์น่ะครับ” หวังเซวียนเซวียนหน้าแดงเมื่อถูกล้อ เขายื่นส่งหนังสือให้เธอจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือที่เขาอ่านจบแล้ว
หลังจากที่หญิงสาวรับหนังสือพวกนั้นไปเปิดดูผ่าน ๆ ลู่ฉิวเยว่ก็ต้องเบิกตาโต “นี่เธอชอบพวกเครื่องยนต์กลไกงั้นเหรอ?”
เธอรู้ว่าพวกเด็กผู้ชายมักจะชอบพวกเครื่องยนต์กลไก ในชาติที่แล้ว เธอมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งอายุประมาณแปดขวบ เขามักจะนำชิ้นส่วนเครื่องยนต์มาประกอบเป็นรถของเล่นได้อย่างชำนาญจนไม่น่าเชื่อ
“ชอบครับ” หวังเซวียนเซวียนพยักหน้า
ลู่ฉิวเยว่ยิ่งประหลาดใจมากไปกว่าเดิมเมื่อจ้องมองหนังสือเหล่านั้น มุมกระดาษหลายหน้ามีการพับทำสัญลักษณ์เอาไว้ นี่เขาชอบเรื่องเครื่องยนต์กลไกขนาดนี้เลยเหรอ?
“เธออยากทำงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไหม?” ลู่ฉิวเยว่จ้องมองดูใบหน้าหวังเซวียนเซวียนอย่างใช้ความคิด เขามีดวงตาเป็นประกายอย่างคาดหวังและประหลาดใจ
นี่คือความฝันแห่งช่วงเยาว์วัยที่แท้จริง ลู่ฉิวเยว่รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา ในชาติที่แล้ว เธอก็เคยเป็นวัยรุ่นที่มีความฝันเหมือนเขามาก่อน และเธอก็สามารถทำความฝันให้กลายเป็นจริงได้สำเร็จ… เธอทำให้ทุกคนในประเทศได้รู้จักร้านอาหารของเธอ เธอได้ทำอาหารที่ทำให้คนกินมีความสุข
“รอหน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยหางานในโรงงานเครื่องจักรให้เอง” หญิงสาวพยักหน้า
เธอจำได้ว่าฉินซือก็มีโรงงานเครื่องจักรอยู่เช่นกัน เย็นนี้ตอนที่เขามารับประทานมื้อค่ำที่บ้านของเธอ ลู่ฉิวเยว่จะลองขอให้เขาช่วยดูตำแหน่งงานให้หวังเซวียนเซวียนสักหน่อย
ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการช่วยส่งเสริมความฝันของคนอื่นให้เป็นความจริงอีกแล้ว
หวังเซวียนเซวียนพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความประหลาดใจและเอาแต่ขอบคุณลู่ฉิวเยว่ตลอดเวลา
เย็นวันนั้น ลู่ฉิวเยว่เดินมาส่งฉินซือที่หน้าบ้านเป็นครั้งแรก เขาทั้งประหลาดใจและมีความสุข อยู่ดี ๆ ก็หมุนตัวไปกอดเธออย่างอ่อนโยน ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“มีอะไรเหรอ? คุณทนคิดถึงผมไม่ไหวแล้วใช่ไหม?” ฉินซือโน้มตัวเข้ามาถามข้างหูเธอ เสียงของเขานุ่มนวลและมีเสน่ห์ ยิ่งชวนให้หลงใหลมากขึ้นยามราตรี
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและดุเขาว่า “คนหน้าไม่อาย ใครบอกว่าคิดถึงคุณ ฉันมีอะไรจะขอร้องคุณต่างหาก”
ฉินซือไม่พูดอะไร แต่พ่นลมทางจมูกอย่างเย็นชา ก่อนจะตอบรับเสียงแข็งว่า “มีอะไรจะสั่งอีกครับ เชฟลู่?”
ลู่ฉิวเยว่ทั้งรู้สึกโกรธและขำ เขาทำตัวเหมือนเด็กจริง ๆ
“น้องชายฉันชอบเครื่องยนต์มากน่ะ ฉันเห็นเขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับเครื่องยนต์ทุกวันเลย คุณมีโรงงานเครื่องจักรใช่ไหม? ช่วยหางานให้เขาทำหน่อยได้หรือเปล่า?”
ฉินซือเบิกตาโต หญิงสาวต้องการอะไรบางอย่างจากเขา ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่แน่ใจ “ถ้าอย่างนั้น…คุณลู่มีอะไรจะติดสินบนผมบ้างหรือเปล่า?”
หางจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้วสินะ ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “คุณต้องการอะไรล่ะ?”
ฉินซือรีบหันแก้มของเขามาให้เธอ ดวงตาเป็นประกายมากกว่าเดิม “หอมแก้มผมหน่อยได้ไหม?”
“คนบ้า!” ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงระเรื่อ แต่พวกเขาก็คบหากันมาได้พักใหญ่แล้ว ส่วนมากฉินซือจะแค่จับมือเธอเท่านั้น เขาให้ความเคารพเธอมาโดยตลอด ดังนั้น… เธอควรให้รางวัลเขาดีไหมนะ?
หลังจากลังเลอยู่ ฉินซือคิดว่าเธอคงไม่ตอบตกลง ลู่ฉิวเยว่ก็มองรอบข้างอย่างระมัดระวัง เมื่อพบว่าไม่มีใคร เธอจึงโน้มตัวเข้าไปหอมแก้มเขาตามคำขอ
ริมฝีปากสีกุหลาบของเธอนุ่มนวลยิ่งกว่าเยลลี่ ความชุ่มฉ่ำนั้นทำให้หัวสมองของฉินซือว่างเปล่าไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่าดอกไม้ทั้งโลกกำลังเบ่งบาน
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเขินอายจนหูแดง รีบยัดกล่องใส่อาหารเก็บความร้อนใส่มือเขา
“ไปได้แล้ว! ขับรถตอนกลางคืนมันอันตราย!”
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉินซือทำงานหนักมาก เธอมักจะเห็นรอยดำคล้ำอยู่ใต้ตาของเขาเสมอ และสีหน้าของเขาก็แสดงความเหนื่อยล้า แต่ถ้าเขารับประทานอาหารที่เธอทำให้ อาการก็น่าจะดีขึ้น
ฉินซือยิ้มออกมา เขารู้ดีว่าเธอกำลังเขินอายจึงไม่กล้าเย้าแหย่เธออีก เขาจ้องมองเธอเดินกลับขึ้นบ้านก่อนที่ตัวเองจะกลับเข้ามาในรถยนต์
และเมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉินซือก็รีบรับประทานอาหารสมุนไพรที่เธอทำใส่กล่องมาให้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะรีบกลับไปทำงานต่อ
อาจเป็นเพราะได้รับประทานอาหารสมุนไพรที่เธอทำให้ ฉินซือจึงสามารถทำงานได้อย่างคึกคัก และประสิทธิภาพงานก็ออกมาดีมาก ฉินซือเกือบจะคิดว่าอาหารของลู่ฉิวเยว่เป็นยาวิเศษแล้วด้วยซ้ำ
เมื่อพ่อแม่ของหวังเซวียนเซวียนได้ข่าวว่าลูกตัวเองจะถูกฝากงานเข้าไปอยู่ในโรงงานเครื่องจักรกล พวกเขาก็ทั้งประหลาดใจและมีความสุขจนต้องรีบโทรมาหาตระกูลลู่
ลู่ฉิวเยว่เป็นคนรับโทรศัพท์ เมื่อได้ยินคำขอบคุณที่จริงใจของคุณลุง เธอก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว “จะขอบคุณทำไมกันคะ? พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว ตอนที่พวกหนูไม่มีบ้านอยู่ คุณลุงกับคุณป้าก็ยังให้พวกหนูไปอยู่โดยไม่ลังเลเลย หนูจำได้ดีไม่มีลืมค่ะ”
“ก็ได้ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” คุณลุงพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “แล้วเธอจะกลับมาที่หมู่บ้านเยว่เหลียงเมื่อไหร่? ป้าเขาเตรียมของไว้ให้เยอะเลยนะ มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาเอาแล้วกัน”
ภรรยาของเขายืนอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าและโน้มพูดใส่โทรศัพท์ว่า “เยว่เยว่ ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน แต่อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วย ป้าได้ยินแม่เธอบอกว่าเธอทำงานทุกวันไม่เคยพักเลย เธอยังสบายดีอยู่ใช่ไหม? ถ้ามีงานหนักอะไรก็ให้หวังเซวียนเซวียนทำบ้างเถอะ เขาร่างกายแข็งแรงกว่าเธอ ให้เขาทำได้เลย ไม่เป็นอะไรหรอก”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกตลกขบขัน แต่ในเวลาเดียวกันนี้ เธอก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะ หนูจะพยายามแบ่งเวลาให้ดีที่สุด”
การมีร่างกายที่แข็งแรงคือสิ่งสำคัญ ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าช่วงนี้เธอโหมงานหนักมาก แต่ก็ยังอยู่ในสภาวะที่ร่างกายยังรับไหวอยู่