สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 52 หมอยาจีนอาวุโส
บทที่ 52 หมอยาจีนอาวุโส
บทที่ 52 หมอยาจีนอาวุโส
ลูกค้าอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตาของลู่ฉิวเยว่เปล่งประกาย เธอจ้องมองเขาด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณมากนะคะ”
เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากเขา งานของเธอก็เบาขึ้นถึงครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีความสามารถในการตีตลาดธุรกิจมากกว่าใคร
ครั้งนี้เธอไม่ได้ปฏิเสธอีกแล้ว คู่รักไม่ควรแบ่งแยกเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจนมากเกินไป ถ้าพวกเขาแบ่งแยกอย่างชัดเจน พวกเขาก็คงไม่ต่างไปจากเพื่อนธรรมดา ไม่ใช่คู่รักกันอีกแล้ว
ฉินซือดีกับเธอมาก เธอเองก็ชอบเขาหมดหัวใจ การทำดีกับเขาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ในคืนนั้นที่บ้านตระกูลลู่
ทุกคนกำลังรับประทานอาหารค่ำด้วยความอบอุ่น แม่ของลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาและพูดว่า “ลูกบอกว่าอยากจะหาหมอยาจีนสักคนหนึ่งมาช่วยดูเรื่องการขายยาในร้านใหม่ใช่ไหม ลูกหาได้แล้วหรือยัง?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็จ้องมองมาด้วยความสงสัย หญิงสาวรับประทานอาหารอย่างช้า ๆ ก่อนตอบว่า “ยังหาไม่ได้เลยค่ะ แต่ฉินซือบอกว่าเขารู้จักหมอยาจีนอาวุโสอยู่คนหนึ่ง หนูจะไปพบเขาวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พวกเราก็จะได้ร่วมงานกัน”
แม่ของเธอพยักหน้า “ฉินซือเป็นคนที่พึ่งพาได้มากเลยนะ จะว่าไป ทำไมช่วงนี้คุณฉินซือเขาถึงไม่มากินข้าวที่บ้านเราเลยล่ะ?”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ สงสัยกลัวหนูจะกลายเป็นคนแปลกหน้ามั้ง” หลังจากที่ลู่ฉิวเยว่พูดจบ เธอก็หัวเราะออกมา ฉินซือเป็นเหมือนคนในครอบครัวของเธอมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก
เธอเดาเอาว่าที่เมื่อเช้าเขาบอกว่าตัวเองพอจะมีเวลาว่างนั้นต้องเป็นคำโกหกแน่ ๆ และตอนนี้เขาก็คงลากเลขาหวังไปทำงานล่วงเวลาอยู่ที่บ้านแล้ว
เป็นอย่างที่ลู่ฉิวเยว่คิดเอาไว้ ฉินซือกำลังทำงานล่วงเวลาอยู่จริง ๆ ตอนนี้ใต้ตาของเขาเต็มไปด้วยรอยดำคล้ำหมดแล้ว
แต่มันเป็นรอยดำคล้ำที่จางมาก ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็จะมองไม่เห็น
แต่เช้าวันต่อมา เมื่อเขามารับลู่ฉิวเยว่ เธอก็สังเกตเห็นได้ไม่ยาก
อาจเป็นเพราะว่าเธอจ้องมองเขาด้วยความห่วงใย
“พวกเราไปกันเถอะ”
เธอยิ้มพร้อมกับก้าวขึ้นรถ เธอพยายามไม่เปิดโปงเขา ในที่สุดรถยนต์ก็พาทั้งสองคนมาถึงบ้านเก่าสภาพทรุดโทรมหลังหนึ่ง
แอ๊ดดด
ประตูไม้เปิดออกกว้างทันที ลู่ฉิวเยว่เห็นคนที่อยู่ภายในห้องอย่างชัดเจน
หมอยาจีนอาวุโสที่ฉินซือเป็นคนแนะนำนั้นคือชายชราร่างเล็กอายุประมาณ 60 ปี เขาสวมใส่ชุดจีนโบราณ เส้นผมสีดำมีสีเทาแซมบ้าง ร่างกายยังดูกระชับกระเฉงดี
ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปจับมือกับชายชรา พลางยิ้มแนะนำตัวว่า “สวัสดีค่ะลุงเซิง หนูชื่อลู่ฉิวเยว่ เป็นแฟนของฉินซือค่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นใคร เข้ามาเถอะ” ชายชรายิ้มอย่างใจดี ก่อนจะหันมาหยอกเย้าลู่ฉิวเยว่ว่า “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าฉินซือจะหาแฟนที่สวยงามเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายได้ขนาดนี้”
ชายชราเคยไปทานอาหารในร้านของหญิงสาวคนนี้มาก่อน อาหารในร้านของเธออร่อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงมาเปิดร้านใหม่ได้ใหญ่โตนัก
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจมากไปกว่ารสชาติที่อร่อยเลิศล้ำ ก็คือทุกครั้งที่ชายชรารับประทานอาหารจากร้านของเธอ เขาก็จะรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ชายชราไม่รู้ว่าตนเองคิดไปเองหรือไม่ แต่เขารู้สึกว่ากระดูกแข็งแรงมากขึ้น ในชนิดที่ว่าการรับประทานยาทั้งสัปดาห์ยังให้ผลลัพธ์ได้ไม่ดีเท่านี้เลย
ชายชราไม่รู้เลยว่านั่นเป็นผลลัพธ์จากการใส่น้ำพุแห่งจิตวิญญาณลงไป
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วครับ” ฉินซือยิ้ม เขาไม่ปกปิดความภาคภูมิใจของตนเองเลยแม้แต่น้อย
“หนูได้ยินมาว่าลุงเซิงเคยทำงานอยู่ในร้านฮุยอันถังใช่ไหมคะ?” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมา เธอสงสัยอยู่เหมือนกันว่าชายชราตกงานได้อย่างไร ในยุคนี้ ฮุยอันถังเป็นร้านขายยาชื่อดัง มีฐานลูกค้ามากมาย
คำตอบของลุงเซิงจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเธอว่าจะจ้างเขามาดูแลร้านขายยาจีนของเธอหรือไม่
เมื่อลุงเซิงได้ยินคำถาม เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะบอกเหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ได้ทำงานที่ฮุยอันถังอีกต่อไปแล้ว
ชายชราเคยทำงานที่นั่นนานหลายปี เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสงบสุข ทักษะเรื่องยาจีนของเขาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก เขาเป็นที่รู้จักและได้รับความเคารพจากผู้คนในชุมชน
ชายชราคิดว่าตนเองจะได้ใช้ชีวิตอย่างนี้ไปจนถึงช่วงเกษียณอายุ แต่เมื่อปีที่แล้ว ร้านฮุยอันถังเปลี่ยนเจ้าของใหม่ ยาจีนคุณภาพสูงที่ถูกวางขายอยู่ก่อนหน้านี้ถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็นยาจีนคุณภาพต่ำ
ลูกค้าที่มาซื้อยาย่อมมองไม่ออก แล้วลุงเซิงจะยอมได้อย่างไร เขาจึงลาออกมาใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังที่นี่ และคอยรักษาชาวบ้านข้างเคียงบ้างเป็นครั้งคราว
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง เธอไม่คิดเลยว่าชายชราจะมาอยู่ที่นี่เพราะเหตุผลนี้ แต่ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้นั่นเองที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจในตัวของลุงเซิงมากยิ่งขึ้น
ต่อให้เธอจะไม่ใช่หมอ แต่เธอก็รู้ว่าหลักการของจรรยาบรรณแพทย์คืออะไร ในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอเปิดร้านขายยาจีน เธอก็ยึดหลักการเดียวกันนี้เช่นกัน และในชาตินี้ เธอก็จะยังคงยึดหลักการเดิมต่อไป
สิ่งที่ลู่ฉิวเยว่ต้องการก็คือหมอจีนที่มีความรับผิดชอบ มีความสามารถ และมีจรรยาบรรณอย่างลุงเซิงนี่เอง
“ลุงเซิงคะ ถ้าลุงไม่ว่าอะไร ลุงมาทำงานที่ร้านขายยาของหนูไหมคะ ถึงแม้ว่าร้านขายยาของหนูจะยังไม่ได้เปิดตัว แต่หนูก็เห็นความสำคัญของชีวิตและสุขภาพลูกค้ามาเป็นอันดับแรก วัตถุดิบยาจีนที่เราจะนำมาขายล้วนแต่เป็นของคุณภาพดีทั้งนั้นค่ะ” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าของเธอไม่ต่างจากคนที่กำลังเจรจาธุรกิจระดับชาติ แต่ความจริงแล้วนี่เป็นธุรกิจระหว่างพวกเขาเท่านั้น
ลุงเซิงหันไปมองหน้าฉินซือก่อนจะพยักหน้าให้กับลู่ฉิวเยว่ “ในเมื่อเธอเป็นแฟนของฉินซือ ฉันก็เชื่อมั่นในสายตาของเขา คุณลู่ฉิวเยว่ พวกเรามาร่วมมือกันอย่างมีความสุขกันเถอะ”
ชายชราอยู่บ้านมานานมากกว่า 1 ปีแล้ว เขาคิดถึงการทำงานในร้านขายยาจีนเสมอ เมื่อมีโอกาสมาถึงตรงหน้า เขาจึงอยากจะลองดู
“พวกเราจะร่วมมือกันอย่างมีความสุขค่ะ”
ระหว่างทางกลับ ลู่ฉิวเยว่ยังคงรู้สึกประทับใจในความมุ่งมั่นแน่วแน่ของหมอจีนอาวุโสผู้นั้น จนเธอไม่ได้สังเกตเลยว่าฉินซือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แอบชำเลืองมองเธอหลายครั้งและลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ลู่ฉิวเยว่” แต่ในที่สุด เขาก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมาอย่างอ่อนโยน
เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดข้างทาง ลู่ฉิวเยว่กลับมาได้สติทันทีและจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรเหรอคะ?”
เขากำลังจะพูดอะไร? ทำเป็นลึกลับไปได้
“แม่ผมบอกมาตลอดว่าอยากเจอคุณ คุณอยากไปเจอแม่ผมไหม?” ฉินซือไอออกมา ใบหน้าแดงระเรื่อ
ลู่ฉิวเยว่เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าในยุคสมัยนี้ การมีแฟนถือเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วเมื่อคบหากันก็จะลงเอยด้วยการแต่งงาน การพาคนรักไปพบเจอพ่อแม่จึงถือเป็นเรื่องปกติ
พวกเขาทั้งสองคนยืนยันในความสัมพันธ์กันแล้ว นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะไปพบพ่อแม่ของเขาแล้วจริง ๆ
เธอไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ของเขาจะเป็นคนดีอย่างที่เขาพูดถึงไหม ในครอบครัวที่ร่ำรวยมักจะมีคนดีและคนชั่วปะปนกันไป ฉินซือมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อแม่ของเขาคงคาดหวังในตัวคนรักของลูกชายเอาไว้สูงมาก แล้วเธอจะเข้ากับพวกเขาได้ไหม?
นี่คือเหตุผลใหญ่ที่ลู่ฉิวเยว่ไม่มีแฟนในชาติที่แล้ว เพราะเธอกลัวว่ามันจะเป็นปัญหา คิดไม่ถึงเลยว่าได้กลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้ เธอก็ยังหนีปัญหาข้อนี้ไม่พ้นอยู่ดี
แต่ว่า… เธอชำเลืองมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกาย ถ้าเพื่อฉินซือ เธอก็ยินดีทำ
ใบหน้าของลู่ฉิวเยว่เริ่มร้อนผ่าว “คุณนัดเวลามาก็แล้วกัน”
เธอตกลงใช่ไหม? ดวงตาของฉินซือเปล่งประกาย สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า หากไม่ใช่เพราะว่ากำลังนั่งอยู่ในรถยนต์ เขาคงจับมือเธอเต้นระบำไปรอบ ๆ แล้ว
ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกได้เพียงอย่างเดียวว่าเขากำลังจับจ้องมองเธอมากเกินไป ซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอร้อนมากขึ้นจนเกือบจะทอดไข่ได้แล้ว
“ขับรถต่อได้แล้ว” เธอดุเขา ดวงตาของเธอเบิกโต เธอคิดว่าตนเองทำตัวดุร้ายแล้ว แต่เธอไม่รู้เลยว่าในสายตาของเขา มันช่างเป็นกิริยาที่น่ารักเหลือเกิน
หญิงสาวจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตางดงาม ขนตางอนยาวพริ้วไหว ซึ่งทำให้หัวใจของฉินซือเต้นรัวได้เช่นกัน