สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 44 ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่?
บทที่ 44 ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่?
บทที่ 44 ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่?
“ฉันรู้แล้ว คุณไม่ต้องพูดหรอก” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน เธอรู้ว่าเขามีโรงงานเฟอร์นิเจอร์มาก่อน และโรงงานของเขาก็ผลิตแต่เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง มันจะมาเหมาะกับบ้านพักอาศัยของคนธรรมดาอย่างเธอได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาให้เฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นกับเธอมาฟรี ๆ เธอคงรู้สึกไม่สบายใจไปจนตาย
ลู่ฉิวเยว่วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะไปดูโต๊ะและเก้าอี้ชุดใหม่จากร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสอง และเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าของร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองก็เพิ่งติดต่อมาว่าพวกเขามีเฟอร์นิเจอร์ไม้จันทร์ชุดใหม่เข้ามาอีกแล้ว
เมื่อได้ยินแผนการของเธอ ฉินซือก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า “คุณย้ายเข้าบ้านใหม่ทั้งที จะซื้อเฟอร์นิเจอร์เก่าได้ยังไง? ย้ายบ้านใหม่ก็ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่สิ ทำไมต้องไปซื้อของที่คนอื่นใช้แล้วด้วย? คุณฟังผมนะ…”
แต่ลู่ฉิวเยว่ไม่ยอมฟังเขาอีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร เธอก็ไม่ยอมรับฟัง ทำเอาฉินซือรู้สึกหมดหวัง
วันต่อมา ลู่ฉิวเยว่เดินทางไปที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองเพื่อดูเฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์ชุดใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วยตู้เสื้อผ้าแกะสลักและโต๊ะกาแฟที่สวยงามอีก 2 ตัว พวกมันมีสภาพดีมากกว่าเฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์ชุดก่อน ๆ หลายเท่า
ลู่ฉิวเยว่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เธออารมณ์ดีไปอีกหลายวัน เธอถึงกับทำอาหารชุดใหญ่ในวันธรรมดาเพื่อเลี้ยงทุกคน
ดวงตาของเลขาหวังเป็นประกายระยิบระยับ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ
[ค่าความสุข: +1, +1, … +100]
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบในสมอง ลู่ฉิวเยว่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี ทำไมค่าความสุขของฉินซือถึงมีจำนวนเยอะมากกว่าคนอื่น หรือว่าระบบของเธอให้คะแนนตามหน้าตา?
ลู่ฉิวเยว่เริ่มเขินอายให้กับความคิดแปลก ๆ ของตัวเอง
“คุณลู่กำลังคิดอะไรที่มีความสุขอยู่เหรอครับ?” ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงและพูดอย่างอบอุ่น
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่นึกถึงเรื่องเก่า ๆ น่ะ”
ฉินซือพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก เขาชี้ไปที่ชามหมูตุ๋นบนโต๊ะและถามว่า “แม่ผมชอบรับประทานอาหารชนิดนี้มาก คุณช่วยทำให้ผมหน่อยได้ไหม? ผมจะเอากลับไปฝากแม่ที่บ้าน แม่ผมคงดีใจมาก”
“คุณจะกลับแล้วเหรอคะ?” ลู่ฉิวเยว่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ได้เลยค่ะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็กำลังจะเข้าไปที่ห้องครัว แล้วหญิงสาวก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปถามเขาว่า “พ่อแม่ของคุณโกรธฉันเรื่องที่เกิดขึ้นกับจ้าวซูซินเมื่อครั้งที่แล้วหรือเปล่าคะ?”
ตระกูลฉินกับตระกูลจ้าวคบหากันมายาวนาน พวกเขาคงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก แต่กลับต้องมาเกิดความขัดแย้งกันในครั้งนี้ ลู่ฉิวเยว่ไม่ทราบเลยว่าตระกูลฉินคิดอย่างไรกับตนเองบ้าง
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกปวดหัว พ่อแม่ของฉินซือคงไม่ได้มองว่าเธอเป็นตัวปัญหาหรอกใช่ไหม?
“ไม่ต้องห่วง พ่อแม่ของผมเป็นคนมีเหตุมีผล เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ พวกท่านไม่โทษคุณหรอก” ฉินซือมีดวงตาเป็นประกายแวววาว เขายิ้มออกมา “ผมชอบใคร แม่ผมก็ชอบด้วยเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ ลู่ฉิวเยว่ถึงได้รู้ว่าตัวเองพูดอะไรโง่ ๆ ออกไปจนทำให้เกิดการเข้าใจผิด ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงขึ้นด้วยความเขินอาย
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ อย่าเข้าใจผิดสิ!” เธอจ้องมองเขาและบอกให้เขาหยุดพูด
ฉินซือเคยเห็นแต่สีหน้าที่ใช้ความคิดด้านการหาเงินของลู่ฉิวเยว่มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เห็นยามที่ลู่ฉิวเยว่เขินอายเหมือนผู้หญิงทั่วไปแล้ว ฉินซือจึงยิ้มออกมาอย่างมีความสุขมากขึ้น
เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างกระตือรือร้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง “งั้นคุณหมายความว่ายังไง?”
แววตาของเขามีความลึกซึ้งมากเกินไป และยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เหมือนกับจะดึงดูดวิญญาณของผู้คน ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะจนต้องรีบหันหน้ามองไปทางอื่น
เธอไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว เธอเดินชนนู่นชนนี่เพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ฉินซือจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเธอพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขาแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความรักเพียงข้างเดียวอีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่คิดว่าทำอาหารไปฝากแค่เมนูเดียวดูจะน้อยไปหน่อย ลู่ฉิวเยว่จึงตัดสินใจทำอาหารให้ฉินซือกลับไปฝากพ่อแม่ที่บ้านเพิ่มเติมอีกหลายเมนู
ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจะขับรถจากที่นี่ไปถึงบ้านตระกูลฉิน หญิงสาวกลัวว่าเมื่ออาหารเย็นลงจะไม่อร่อยเหมือนตอนรับประทานร้อน ๆ เธอจึงค้นหากล่องเก็บความร้อน
“งั้นผมไปได้แล้วใช่ไหม?” ฉินซือรับกล่องใส่อาหารชนิดเก็บความร้อนแต่ก็ยังไม่ได้กลับไป เขาจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อคิดว่าเขาจะไม่ได้เจอเธออีกหลายวัน เขาก็ปรารถนาที่จะเก็บเธอใส่กระเป๋ากลับบ้านไปด้วย
ลู่ฉิวเยว่หลบตาเขาและผลักเขาไปที่รถยนต์ “รีบกลับไปเถอะค่ะ ขับรถตอนกลางคืนอันตรายนะ”
เธอต้องการไล่เขาไปแล้วสินะ
ฉินซือเข้าไปนั่งในรถอย่างไม่เต็มใจ “ฉิวเยว่ รอผมกลับมาด้วยนะ!”
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ตอบรับคำใด เธอหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ใครจะไปอยากรอเขากัน บ้าไปแล้ว!
ในบ้านมีอากาศอบอุ่นไม่หนาวเย็นเหมือนข้างนอก เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีที่เดินผ่านประตูบ้านเข้ามา
“ส่งเขาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” แม่ของเธอกำลังนั่งปอกเปลือกแอปเปิลอยู่บนโซฟา เมื่อเห็นลูกสาวเดินเข้ามา จึงถามพร้อมกับอมยิ้ม
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและนั่งลงข้างแม่
แม่ของเธอถามอีกครั้ง “เยว่เยว่ บอกแม่มาตามตรงนะ ลูกสนใจคุณฉินซือเขาหรือเปล่า?”
เสียงที่นุ่มนวลของแม่ดังกึกก้องอยู่ในหูของลู่ฉิวเยว่ เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบออกมาว่า “ไม่สนใจค่ะ”
“งั้นลูกจะไปถามทำไมว่าพ่อแม่เขาโกรธลูกหรือเปล่า?” คนเป็นแม่หยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม
ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงมากกว่าเดิม เธอพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หนูไม่รู้ เดี๋ยวค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังก็แล้วกัน”
ลู่ฉิวเยว่ยังคงหน้าแดงมาจนถึงตอนนี้ หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นปกติ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่
“นี่เป็นเรื่องสำคัญของชีวิต ไม่ว่าลูกตัดสินใจยังไง พ่อแม่ก็จะสนับสนุนลูกเสมอ ลูกแค่ถามใจตัวเองให้ดีก็พอ” แม่ของลู่ฉิวเยว่ยื่นแอปเปิลที่ปอกแล้วส่งให้เธอพร้อมกับพูดอย่างอ่อนโยน
ลู่ฉิวเยว่เป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เธอเชื่อว่าตนเองสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ดี และคนเป็นแม่ก็ดูออกว่าระหว่างลูกสาวของเธอกับฉินซือย่อมมีความรู้สึกดี ๆ มอบให้กัน
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอจ้องมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างด้วยความสับสน
…
บ้านตระกูลฉิน
ทันทีที่ฉินซือก้าวลงจากรถ แม่ของเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความประหลาดใจ “ฉินซือกลับมาแล้ว!”
เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้างและดึงเธอเข้าไปในห้อง
“นั่นอะไรน่ะ?” แม่ของเขาเห็นกล่องเก็บอุณหภูมิที่อยู่ในมือลูกชายตั้งแต่แรก มันเป็นกล่องสีชมพู แน่นอนว่าลูกชายของเธอคงไม่ใช้กล่องสีชมพูแน่ ๆ แสดงว่ามันต้องเป็นกล่องของผู้หญิง
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงและพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แม่ของผมตาดีเสมอ ฉิวเยว่ทำอาหารให้ผมมาฝากแม่ครับ”
ฉิวเยว่…ชื่อนี้ถูกเอ่ยถึงอย่างนุ่มนวล ดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เธอจ้องมองลูกชายอย่างคาดหวัง “รีบบอกแม่มาเดี๋ยวนี้ ผู้หญิงคนนั้นรับรักลูกแล้วหรือยัง? เมื่อไหร่ลูกจะพาเธอมาให้พ่อแม่ดูตัวบ้าง?”
ในขณะนี้ เธอแทบลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ฉินซือชอบชื่อว่าอะไร
“ยังเลยครับ” ฉินซือไอแห้ง ๆ เขาวางกล่องเก็บความร้อนไว้บนโต๊ะและพูดด้วยความสับสน “น่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเลยครับ”
ความสุขบนใบหน้าของผู้เป็นแม่สลายไปทันที คนเป็นแม่ตีแขนลูกชายด้วยความไม่พอใจทันที “ใช้ไม่ได้ นานขนาดนี้ทำไมถึงยังจีบไม่ติดอีก”
เป็นเพราะลูกชายของเธอพยายามไม่มากพอหรือไง? เห็นได้ชัดว่าลู่ฉิวเยว่ไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย!
ฉินซือขมวดคิ้ว เขากำลังคิดอยู่ว่าตนเองจะสารภาพรักอีกครั้งเมื่อไหร่ดี
“นี่!” แม่ของเขายื่นมือออกไปเปิดกล่องเก็บความร้อนอย่างระมัดระวัง แล้วกลิ่นที่หอมหวนก็ลอยขึ้นมาเตะจมูกชวนให้น้ำลายสอ
พ่อของฉินซือก็ได้กลิ่นเช่นกัน เขามองมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ในมือลงโดยไม่สนใจเนื้อหาข่าวอีกแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อกับแม่ ฉินซือก็แอบยิ้มมุมปากเบา ๆ เหมือนเขาเป็นคนทำอาหารพวกนี้ด้วยตนเอง
“ลู่ฉิวเยว่เป็นคนทำเองกับมือเลยนะครับ!” เขายิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวและหยิบชามกับตะเกียบออกมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ของฉินซือได้ยินชื่อลู่ฉิวเยว่ เธอสงสัยจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันถึงทำให้ฉินซือลุ่มหลงได้หน้ามืดตามัวขนาดนี้?
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วยังคงเป็นปมในใจของเธอ แม่ของฉินซือจึงตัดสินใจว่าจะต้องเห็นด้วยตาของตนเองให้ได้สักวันหนึ่งว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีหรือไม่ดีกันแน่?