สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 38 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
บทที่ 38 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
บทที่ 38 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ฉินซือ… ไม่มีความสุข
แม่ของลู่ฉิวเยว่เป็นคนช่างสังเกต เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของฉินซือ เธอก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคุณฉินซือผู้มีความเก่งกาจด้านการทำธุรกิจจะจัดการเรื่องหัวใจของตนเองไม่ได้เลย
แม่ของลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า “คุณฉินซือ มานั่งตรงนี้เถอะ”
ฉินซือพยักหน้า เขาอาศัยจังหวะนี้หันไปชำเลืองมองเลขาหวังด้วยความอาฆาตแค้น แต่เลขาหวังเอาแต่นั่งจ้องมองอาหารบนโต๊ะโดยไม่สนใจโลกรอบข้างอีกแล้ว
นั่นเป็นเพราะว่าเลขาหวังได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดของโต๊ะอาหาร เพราะว่าเขานั่งอยู่ติดกับลู่ฉิวเยว่
เลขาหวังไม่ได้ตั้งใจ เพราะสมาธิทั้งหมดของเขาอยู่ที่เกาเหลาเนื้อตุ๋นบนโต๊ะเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่รับประทานอาหารเงียบ ๆ เธอไม่ได้ร่วมวงสนทนาบนโต๊ะอาหาร ในหัวของเธอได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นเป็นระยะว่า [เก็บเกี่ยวค่าความสุข +1 +1 +1… ไปจนถึง +100]
เมื่อได้ยินเสียงคะแนนดังขึ้น เธอก็หันไปมองที่ฉินซือ เขายังคงมีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม การเคลื่อนไหวของเขายังคงสง่างาม ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมีเสียงแจ้งเตือนจากระบบ เธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังอร่อยกับอาหารมื้อนี้มาก
ชอบกินก็ไม่บอก!
ลู่ฉิวเยว่อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ฉินซือกำลังแอบสังเกตความเคลื่อนไหวของเธออยู่ก่อนแล้ว ฉินซือเห็นเธอมองมาที่เขาแล้วก็ยิ้มแถมยังหลุดหัวเราะ ดังนั้นฉินซือจึงรีบหันไปมองหน้าเลขาหวัง
เพราะอยากจะถามว่ามีอะไรติดอยู่บนใบหน้าเขาหรือเปล่า?
เลขาหวังเพ่งตามองอย่างจริงจัง สุดท้ายก็ส่ายหน้าตอบกลับมาว่า ‘ไม่มีครับ’
ฉินซือขมวดคิ้ว ‘งั้นเธอจะหัวเราะฉันทำไมกัน?’
เลขาหวังทำปากขมุบขมิบว่า ‘เพราะว่าคุณหล่อไงล่ะ!’
ฉินซือยิ้มอย่างมีความสุข ถึงเขาจะคิดว่าไม่น่าใช่ แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเชื่อเช่นนั้น
ทุกคนรับประทานอาหารอย่างมีความสุข แต่สุดท้าย ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นจากนอกลาน
“เดี๋ยวฉันไปเปิดประตูเองค่ะ”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงและเดินออกไปด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาเคาะประตูในเวลานี้
ประตูเหล็กถูกเปิดพร้อมกับเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด มีแต่เธอเท่านั้นที่เห็นว่าแขกนอกประตูคือสวีต้าหลิน
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สภาพมอมแมมเหมือนสุนัขข้างถนน ไม่ใช่มนุษย์ที่อยู่ร่วมสังคมกับคนทั่วไปอีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ เขาเอาฝิ่นมาใส่ความเธอในครั้งก่อน ตอนนี้ยังมีหน้ากลับมาหาเธออีกเหรอ?
“มีอะไร?” เธอจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
สวีต้าหลินเห็นแววตาเหยียดหยามของเธอ เขาต้องกัดฟันพูดด้วยความไม่พอใจ “ฉันไม่ได้มาหาเธอ ฉันมาหาลู่เจี๋ยหรง!”
ลู่เจี๋ยหรง?
ลู่ฉิวเยว่มองกลับไปด้วยความไม่อยากเชื่อ แล้วถามว่า “ทำไมถึงคิดว่าลู่เจี๋ยหรงมาอยู่กับฉันล่ะ?”
ทุกคนที่รับประทานอาหารอยู่ในลานหันมามอง พวกเขาต่างก็มีความพิศวงสงสัยเช่นเดียวกัน
เว้นแต่ฉินซือ
เขามีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง ฉินซือจ้องมองสวีต้าหลินเหมือนอยากจะออกไปกินเลือดกินเนื้อ
สวีต้าหลินรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรจึงหันหน้ามามอง แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบเข้ากับฉินซือ
เขาจะมีเรื่องกับคุณชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด สวีต้าหลินต้องพบเจอเรื่องซวยอย่างต่อเนื่องก็เพราะผู้ชายคนนี้
ตอนแรกสวีต้าหลินถูกคุมขังแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ถูกบังคับให้อยู่ในศูนย์กักกันนานถึงครึ่งเดือน และเขาก็ได้ยินมาว่าทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของฉินซือ
แม้แต่วันที่สวีต้าหลินออกมาจากศูนย์กักกัน เขาก็ถูกผู้ชายคนนี้และเพื่อนรุ่นน้องยืนขวางในซอยแคบและถามว่า “แกคือสวีต้าหลินใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งใจมาหาเรื่อง สวีต้าหลินจึงรีบส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล “ไม่ใช่ครับ”
แต่ชายหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ควักรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋า พลางจ้องมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “หมอนนี่แหละ”
ชายหนุ่มคนนี้เลิกคิ้วสูง ก่อนจะหัวเราะเยาะและลงมือชกต่อยสวีต้าหลินเหมือนเขาเป็นกระสอบทราย
สวีต้าหลินจำไม่ได้อีกแล้วว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่จำได้คือตนเองถูกนำมาโยนทิ้งในซอยสกปรก มีสภาพที่น่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก
สวีต้าหลินสาบานว่าเขาไม่เคยอับอายและหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต และเขาก็โกรธแค้นไม่น้อยเช่นกัน แต่สวีต้าหลินก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่จะกลับมาแก้แค้นเลย
เขารู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่เขาจะมีปัญหาด้วยไม่ได้เด็ดขาด สวีต้าหลินทำได้เพียงกัดฟันและกลืนเลือดของตนเองลงไปเท่านั้น
แววตาที่ตื่นตระหนกของสวีต้าหลินทำให้ลู่ฉิวเยว่หันมองตามการจ้องมองของเขา และเมื่อพบว่าสวีต้าหลินกำลังจ้องมองฉินซือ เธอก็ต้องประหลาดใจ ฉินซือก็จัดการหมอนี่ด้วยเหรอเนี่ย?
ฉินซือกัดฟันและหัวเราะในลำคอ ‘ทำไมล่ะ? หรือว่าเธอยังรักมันอยู่?’
ถ้าลู่ฉิวเยว่กล้าพยักหน้า เขาก็จะทาสีโต๊ะอาหารใหม่ให้เป็นสีแดงด้วยเลือดของสวีต้าหลินเอง!
โชคดีที่ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้พยักหน้า อันที่จริง เธอจ้องมองเขาด้วยความพิศวง
แต่เธอไม่ใช่คนโง่
“บอกฉันมา ทำไมคุณถึงคิดว่าลู่เจี๋ยหรงมาอยู่กับพวกเรา?” ลู่ฉิวเยว่ยกมือกอดอกและหันไปมองหน้าสวีต้าหลิน เธออยากจะรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่
เมื่อมีฉินซืออยู่ด้วย สวีต้าหลินก็ยินดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาตอบคำถามทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง
ปรากฏว่าลู่เจี๋ยหรงถูกเขาซ้อมอย่างหนัก นั่นเป็นเหตุผลที่เธอหนีออกจากบ้าน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อกลับไปที่บ้านพ่อแม่ของตนเอง ลู่เจี๋ยหรงกลับถูกพ่อของเธอขับไล่ออกมาเสียอย่างนั้น
สุดท้ายลู่เจี๋ยหรงก็ต้องออกมาจากบ้านพร้อมกับแม่ของเธอ
เมื่อสวีต้าหลินกลับไปที่หมู่บ้านลู่เจี๋ยเพื่อตามหาพวกเธอ เขาก็รู้สึกว่าลู่เจี๋ยหรงพร้อมด้วยผู้เป็นมารดาไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว พวกเธอน่าจะมาที่นี่ จากนั้นเขาจึงได้เดินทางไปสอบถามที่ร้านโร่วเจียโม๋ของลู่ฉิวเยว่
ใช่แล้ว ลู่เจี๋ยหรงและแม่ของเธอไปก่อกวนที่ร้านของลู่ฉิวเยว่จริง ๆ สวีต้าหลินจึงเดินมาตามหาตัวที่ร้านใหม่ของลู่ฉิวเยว่
หลังจากได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ลู่ฉิวเยว่ก็มีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาในพริบตา “เธอไม่ได้อยู่กับฉัน ฉันไล่เธอไปแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่มั่นใจว่าตนเองไม่ใช่คนดีอะไรนัก ถึงแม้ลู่เจี๋ยหรงจะไม่ใช่คนดีเช่นกัน แต่การที่สวีต้าหลินซ้อมลู่เจี๋ยหรงอย่างรุนแรงถือสิ่งที่เลวร้ายมากเกินไป
คู่รักคู่นี้เหมาะสมกันเหมือนผีเน่ากับโลงผุ แต่ว่า…
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง ลู่เจี๋ยหรงมีแฟนใหม่เป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวยแล้วไม่ใช่เหรอ? ต่อให้สวีต้าหลินตามหาตัวหล่อนจนเจอ แล้วหล่อนจะยอมกลับไปกับเขาหรือไง?
สวีต้าหลินตั้งใจมาตามหาคน แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายถูกขับไล่ออกไป เขาต้องวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวเหมือนสุนัขข้างถนน
ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจที่ฉินซือไม่ได้วิ่งไล่ตามมา
หลังจากความกลัวหายไปแล้ว สวีต้าหลินก็ยืนพักเหนื่อยด้วยความเดือดดาล เป็นเพราะฉินซือลุ่มหลงในมารยาของลู่ฉิวเยว่ เขาถึงได้โดนซ้อมอย่างนี้!
ตอนนั้นเขาไม่ควรคิดแต่งงานกับเธอเลย ลู่ฉิวเยว่เป็นหญิงแพศยา ต่อให้เขาแต่งงานกับเธอ สุดท้ายเธอก็ต้องไปมั่วกับคนอื่นอยู่ดี
สวีต้าหลินคิดด้วยความขยะแขยง
ในเวลาเดียวกันนี้ที่ลานหลังร้านใหม่ของลู่ฉิวเยว่ เนื่องจากมีแขกไม่ได้รับเชิญมาทำลายบรรยากาศ งานเลี้ยงอาหารค่ำจึงกร่อยลงไปบ้าง
โดยเฉพาะฉินซือที่รำคาญใจไม่หาย เขาสามารถทานอาหารที่ลู่ฉิวเยว่ทำได้หลายจาน แต่ตอนนี้เขากินไม่ลงอีกแล้ว
เขากลัวว่าตนเองจะกินไปแล้วสำลักด้วยความหงุดหงิดใจ
ทำไมลู่ฉิวเยว่ถึงได้ตาต่ำแบบนั้น เธอรักสวีต้าหลินจนอยากจะแต่งงานด้วย แต่ไม่รับรักเขาเนี่ยนะ? สงสัยต้องพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสายตาของเธอสักหน่อยแล้ว!
“กินกันต่อเถอะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่มึนงงกับสีหน้าของฉินซือ ก่อนจะหันไปพูดกับทุกคนอย่างอบอุ่น
ฉินซือยิ่งรู้สึกโมโหมากกว่าเดิมหลายเท่า
…
ในเวลาเดียวกันนี้ บ้านตระกูลเถา
เสียงประตูถูกเปิดจากด้านนอกดังกริ๊ก ลู่เจี๋ยหรงรีบปิดทีวีและหันหน้าไปถามด้วยความประหลาดใจ “ที่รักคะ กลับมาแล้วเหรอ”
ชายคนนี้มีชื่อว่าเถาหลินเซิน เขาคือชายหนุ่มผู้ร่ำรวยที่เธอพบเจอก่อนหน้านี้ ถึงเขาจะเป็นพวกหมกมุ่นในกาม แต่อย่างน้อยก็มีงานที่ดีและมีฐานะที่ร่ำรวย
แถมยังไม่ตบตีผู้หญิงเหมือนสวีต้าหลิน แค่นี้ลู่เจี๋ยหรงก็พอใจมากแล้ว
เถาหลินเซินยิ้มกว้าง เขาเดินเข้ามาสวมกอดร่างกายที่บอบบาง ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะจูบลงไปบนลำคอของเธอ “รอผมอยู่ใช่หรือเปล่า?”
“ค่ะ ฉันต้องรอคุณอยู่แล้ว” ลู่เจี๋ยหรงพยักหน้าอย่างยั่วยวน เธอโน้มตัวเข้าไปและจูบเขา แต่เมื่อได้กลิ่นน้ำหอม เธอก็หยุดชะงัก
ลู่เจี๋ยหรงใช้โอกาสนี้ถามด้วยความสงสัยว่า “คุณไปเจอผู้หญิงคนอื่นมาเหรอ?”
ถ้าใช่แล้วจะทำไม?
เถาหลินเซินหัวเราะเยาะอยู่ในใจแต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า เขาพอใจกับรูปลักษณ์ภายนอกของลู่เจี๋ยหรง และเขาก็ได้ยินมาว่าครอบครัวของเธอร่ำรวยมาก ผู้หญิงคนนี้สมควรเป็นภรรยาของเขาที่สุดแล้ว
“ที่รัก เมื่อไหร่คุณถึงจะยอมให้ผมไปพบผู้ใหญ่ของคุณ? พวกเราจัดการนัดผู้ใหญ่ให้มาเจอกันเลยดีกว่า ผมอยากแต่งงานแล้ว คุณไม่อยากสร้างครอบครัวกับผมหรือไง? ถ้าเราแต่งงานกัน คุณก็จะได้ไม่ต้องระแวงแบบนี้อีก”