สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 34 ผู้หญิงคนหนึ่ง
บทที่ 34 ผู้หญิงคนหนึ่ง
บทที่ 34 ผู้หญิงคนหนึ่ง
ในสถานีตำรวจ ลู่ฉิวเยว่รับฟังเจ้าหน้าที่หลินด้วยความตั้งใจ
“คนของเราซุ่มดูอยู่ในร้านเป็นเวลาหลายวัน คนร้ายร้ายกาจมากครับ มันไม่ปรากฏตัวออกมาเลยจนกระทั่งตอนตี 1 เมื่อคืนนี้” เจ้าหน้าที่หลินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สายสืบของเราที่ซุ่มดูอยู่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว แต่คนร้ายคงระวังตัวอยู่แล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี คนร้ายก็เลยหลบหนีไปได้สำเร็จ”
ยิ่งลู่ฉิวเยว่ฟังก็ยิ่งรู้สึกปวดหัว ขนาดตำรวจยังจับไม่ได้ แล้วใครจะไปจับคนร้ายได้อีก
สรุปก็คือคนร้ายคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี
คนร้ายอาจจะเป็นคนแถวนั้น อาจจะอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง หรือไม่ก็อาจจะได้รับความช่วยเหลือจากคนนอกในการหลบหนีไป
“สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลยนะ” ฉินซือตบหลังลู่ฉิวเยว่เบา ๆ เป็นการปลอบโยนและยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง พวกเราจับตัวคนร้ายได้เสมอ”
ถ้าตำรวจจับตัวคนร้ายไม่ได้ ฉินซือก็ตั้งใจจะจ้างนักสืบเอกชน เขาเชื่อว่าเมื่อคนร้ายบุกเข้าไปในร้านของลู่ฉิวเยว่ คนร้ายต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างแน่นอน
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ความเศร้าในหัวใจเลือนหายไปครึ่งหนึ่ง
แม้ว่าพวกเธอจะถูกใส่ความ แต่ภาพลักษณ์ของร้านอาหารก็เสื่อมเสียไปแล้ว หากยังปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ลู่ฉิวเยว่อาจกอบกู้ภาพลักษณ์ร้านของตนเองกลับมาไม่ได้อีกเลย
“มีใครเห็นหน้าคนร้ายแบบชัด ๆ บ้างไหมคะ?” เธอถามออกมาในทันที
ถ้าเป็นชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น เธออาจจะพอรู้จัก
เจ้าหน้าที่หลินหันไปพยักหน้าให้กับนายตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกาย “บอกเธอเลยสิ”
นายตำรวจคนนั้นกระแอมไอในลำคอ พูดว่า “คนร้ายมีอายุประมาณ 24 – 25 ปีครับ เป็นผู้ชาย ท่าทางไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ สูง 175 เซนติเมตรพอ ๆ กับผม…”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง ภาพของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวใจ
ลักษณะของคนร้ายมีความคล้ายคลึงกับสวีต้าหลิน แต่ว่า…
เธอเองก็เข้าใจในตัวตนของสวีต้าหลินอยู่พอสมควร ถึงเขาจะเป็นคนเจ้าเล่ห์และร้ายกาจขนาดไหน แต่เขาก็ไม่โง่มากพอที่จะเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแน่ๆ
เพราะในยุคสมัยนี้ การยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษขั้นต่ำสุดคือถูกจำคุก โทษขั้นรุนแรงคือถูกจับตัวไปยิงเป้า มีแต่คนโง่เท่านั้นที่กล้านำฝิ่นมาใส่ร้ายเธอ
แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ลู่ฉิวเยว่ไม่สามารถคาดเดาจิตใจของมนุษย์ได้อยู่แล้ว
เธอลังเลแต่ก็พูดออกไปว่า “จากลักษณะที่คุณอธิบายมา ฉันนึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ พวกเราเคยมีปัญหากันด้วยค่ะ”
“จริงเหรอครับ?” เจ้าหน้าที่หลินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ฉินซือหันไปมองหน้าเธอด้วยความอยากรู้
ลู่ฉิวเยว่พูดออกมาช้า ๆ ว่า “ผู้ชายคนนั้นคือสวีต้าหลิน เขาเป็นคู่หมั้นเก่าของฉันเองค่ะ แต่ตอนหลังญาติของฉันแย่งเขาไป เธอใส่ร้ายว่าฉันไปมีอะไรกับอันธพาลในหมู่บ้าน เขาก็เลยถอนหมั้น ตอนนี้เขาแต่งงานอยู่กินกับญาติของฉันค่ะ”
ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองหน้าเจ้าหน้าที่หลินแล้วยิ้ม “คงต้องรบกวนให้คุณตำรวจจัดการเรื่องนี้แล้วนะคะ”
เจ้าหน้าที่หลินพยักหน้า เขารับรู้เรื่องนี้แล้ว เขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องสาวของเธอเช่นกัน เพราะเขานี่แหละเป็นคนจับตัวลู่เจี๋ยหรงเมื่อครั้งก่อน
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ฉิวเยว่ ฉินซือก็มีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น เมื่อไหร่จะถึงคราวที่ลู่ฉิวเยว่ได้แก้แค้นคนอื่นบ้างนะ?
มันต้องมีสักวันสิน่า!
“แต่เขาก็ผิดหวังกับการแต่งงานค่ะ สวีต้าหลินเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เขาเคยพยายามจะเล่นงานฉันมาแล้วหลายครั้ง ฉันสงสัยว่าน่าจะเป็นฝีมือของเขา” ลู่ฉิวเยว่พูดออกมาอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่หลินรีบส่งคนไปรับตัวสวีต้าหลินมาที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำโดยทันที
…
สวีต้าหลินกำลังนอนไขว่ห้างดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในบ้านของตนเองอย่างสบายอารมณ์ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
สวีต้าหลินขมวดคิ้ว เขาใส่รองเท้าแตะและเดินไปเปิดประตูอย่างไม่พอใจ “ใครมาทำอะไรตอนนี้?”
“โครม!”
เมื่อเขาเปิดประตูออก ใครบางคนก็ผลักตัวเขา สวีต้าหลินถูกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูจับกดให้นอนอยู่บนพื้น
“คุณตำรวจครับ นี่มันอะไรกัน?” เขาแกล้งทำเป็นใจเย็น แต่หัวใจเต้นเร็วจนเกือบจะทะลุหน้าอกออกมาแล้ว
หรือว่าตำรวจจะรู้ความจริงแล้ว?
เมื่อนายตำรวจทั้ง 2 คนหันไปมองโทรทัศน์ที่อยู่ด้านใน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ชัดเจน
ในยุคสมัยนี้ มีเพียงเศรษฐีเท่านั้นที่มีโทรทัศน์ สวีต้าหลินเป็นเพียงพนักงานโรงงานธรรมดา เขาได้รับเงินเดือนประมาณ 70 หยวน แน่นอนว่าไม่สามารถซื้อหาโทรทัศน์ได้อยู่แล้ว อีกอย่าง โทรทัศน์เครื่องนี้ดูเป็นของใหม่ สติกเกอร์ยังไม่ได้แกะออกจากมุมจอเลยด้วยซ้ำ
เงินก้อนใหญ่ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป หญิงสาวปริศนา และบุคคลลึกลับที่แอบเข้าไปในร้านยามวิกาล คำตอบทั้งหมดค่อย ๆ เปิดเผยออกมา
“แกรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรลงไป ตามพวกเราไปที่โรงพักซะ!” นายตำรวจไม่อยากจะทำตัวสุภาพกับสวีต้าหลิน เมื่อจับกุมเรียบร้อย พวกเขาก็เดินทางไปที่สถานีตำรวจทันที
“ไม่นะครับคุณตำรวจ นี่มันอะไรกัน? ผมเป็นพลเมืองดีนะ ผมไม่เคยทำผิดกฎหมาย พวกคุณ…” หลังจากถูกจับยัดเข้าไปในรถตำรวจ สวีต้าหลินก็ยังคงพยายามพูดแก้ต่างให้แก่ตนเองอย่างไม่ยอมแพ้
แต่นายตำรวจทั้ง 2 คนทำงานมาหลายปีแล้ว พวกเขาเคยพบกับอาชญากรมาหลายร้อยคน มีตั้งแต่โจรกระจอกไปจนถึงเจ้าพ่อขาใหญ่ แล้วพวกเขาจะหลงกลคำพูดของสวีต้าหลินได้อย่างไร
“หุบปาก!”
นายตำรวจที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันมาตวาดใส่สวีต้าหลินจนเขาไม่กล้าพูดอะไรอีก
สวีต้าหลินถูกพาตัวเข้าไปในห้องสอบสวนอย่างรวดเร็ว ในห้องไม่มีหน้าต่าง รอบด้านมีเพียงกำแพงสีขาว พื้นที่คับแคบ นี่อาจจะเป็นเหตุผลทางด้านจิตวิทยา ทันทีที่เข้าไปในห้องสอบสวน สวีต้าหลินก็รู้สึกทรมานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สวีต้าหลินตัวสั่น รู้สึกเสียใจอย่างแรง
เจ้าหน้าที่หลินเดินเข้ามาและจับเขานั่งบนเก้าอี้สอบสวนหน้าโต๊ะทำงานอย่างแรง
“โอ๊ย!”สวีต้าหลินร้องออกมาด้วยความตกใจ
“หุบปาก!” เจ้าหน้าที่หลินตวาด ก่อนส่งสัญญาณให้ลูกน้องปิดประตู
หลังจากนั้น ห้องสอบสวนก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
สวีต้าหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้สอบสวน เขาเผชิญหน้ากับนายตำรวจผู้ขึงขัง 2 นาย เขาตัวสั่นเป็นลูกไก่ ในหัวมีแต่ภาพจุดจบของตนเอง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นจุดจบที่เลวร้ายทั้งสิ้น
“สวีต้าหลิน!” เจ้าหน้าที่หลินพูดเสียงแข็ง ดวงตาคมกริบจ้องมองไปที่สวีต้าหลินราวกับว่าต้องการจะอ่านใจของผู้ต้องหา
สวีต้าหลินรู้สึกผิดอยู่ก่อนแล้ว เขายิ่งตื่นกลัวจนตัวสั่นมากขึ้น
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้! แกเอาฝิ่นไปไว้ในร้านของลู่ฉิวเยว่ทำไม? ฝิ่นพวกนั้นมาจากที่ไหน!”
“ฝิ่นอะไรกันครับ? ผมไม่ได้ทำนะ” สวีต้าหลินพูดออกมาเหมือนคนกำลังจะตาย
เจ้าหน้าที่หลินหัวเราะอย่างเย็นชา “งั้นเมื่อคืนนี้แกแอบปีนเข้าไปในร้านของลู่ฉิวเยว่ทำไม? ทุกคนรู้ดีว่าตำรวจสั่งปิดร้านนั้น ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วแกไปทำอะไรที่นั่นไม่ทราบ? ใช่แล้ว แกคือผู้ต้องสงสัยของพวกเรา! สารภาพออกมาซะดี ๆ บอกพวกเรามาซะว่าใครเป็นคนสั่งแกให้ทำแบบนี้!”
ตำรวจเห็นหน้าเขาเมื่อคืนนี้อย่างนั้นหรือ?
สวีต้าหลินไม่ได้มีจิตใจที่กล้าหาญอยู่แล้ว ตอนนี้เขาลุ่มหลงในเงินตรา เมื่อได้ยินคำขู่ของนายตำรวจ เขาจะปิดบังความจริงได้อย่างไร? น้ำตาเขาไหลนองเต็มใบหน้า “คุณตำรวจครับ ผมขอสารภาพ… มีผู้หญิงคนหนึ่งสั่งผมมา ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ”