สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 32 การสืบสวน
บทที่ 32 การสืบสวน
บทที่ 32 การสืบสวน
สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกล ลู่ฉิวเยว่ลงมาจากรถตำรวจไม่นานหลังจากนั้น
ในห้องสอบสวน เธอนั่งเงียบบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเยือกเย็น
เจ้าหน้าที่หลินประหลาดใจ นับตั้งแต่ที่เธอมาปรากฏตัวหน้าร้านจนถึงตอนนี้ เธอตั้งสติได้อย่างดีเยี่ยม เธอไม่เหมือนเด็กสาวอายุ 18 ปีเลยแม้แต่น้อย แต่เหมือนกับหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน
“พวกเราพบฝิ่นในร้านของคุณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็จ้องมองไปที่นายตำรวจซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มันไม่ใช่ของร้านเราค่ะ พวกเราถูกใส่ร้าย”
เจ้าหน้าที่หลินพยักหน้า “ว่าต่อเลย”
“อย่างแรก…” ลู่ฉิวเยว่นั่งหลังตรง สีหน้าจริงจัง “ฉันรู้ว่าฝิ่นเป็นยาเสพติด การใส่ฝิ่นลงไปในอาหารคือการทำลายสังคม มันเป็นการทำลายสุขภาพของผู้อื่นและเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย พวกเราเป็นเพียงร้านค้าเล็ก ๆ ไม่มีทางทำผิดกฎหมายแบบนั้นแน่นอนค่ะ”
เจ้าหน้าที่หลินพยักหน้า ผู้หญิงคนนี้มีทัศนคติที่ดีและรู้กฎหมายพอสมควร
“อย่างที่สอง ฉันคิดว่าคุณตำรวจคงให้คนไปตรวจสอบร้านของฉันดูแล้ว ร้านของฉันมีแต่ส่วนผสมที่เป็นเครื่องปรุงอาหารปกติ ไม่มีฝิ่นอยู่ในส่วนผสมเด็ดขาด คุณก็รู้ อาหารของพวกเราค่อนข้างขึ้นชื่อ พวกเราไม่จำเป็นต้องทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองเลย มันไม่คุ้มค่าหรอกค่ะ” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เจ้าหน้าที่หลินหยุดชะงัก การสอบปากคำพ่อของเธอเสร็จสิ้นลงแล้ว ข้อมูลที่ได้มาก็ไม่ต่างไปจากลู่ฉิวเยว่สักเท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่าสองพ่อลูกไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ
แต่ที่สำคัญก็คือ เขาได้นำโร่วเจียโม๋กับเค้กข้าวที่เธอทำมาตรวจสอบดูแล้ว พวกมันไม่มีส่วนผสมของฝิ่นปะปนอยู่เลย
“งั้นผมขอถามได้ไหมครับว่าคุณพอจะสงสัยใครบ้างไหม?”
ลู่ฉิวเยว่ส่ายศีรษะ “ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครค่ะ ครอบครัวของเราเพิ่งจะทะเลาะกับญาติเมื่อไม่นานมานี้ แต่ฉันว่าคงไม่ใช่เธอ เพราะเธอไม่เคยไปโรงเรียน เธอไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ อีกอย่าง เธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นเจ้าของร้านนั้น มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพวกเจ้าของร้านที่อยู่แถวนั้นก็ได้ค่ะ ฉันแน่ใจว่าการที่ตนเองจะไปเปิดร้านใหม่ในทำเลตรงนั้น คงทำให้พวกเขาสูญเสียรายได้ไปไม่น้อย…”
เจ้าหน้าที่หลินพยักหน้าและพูดว่า “เราได้ยินมาจากลูกพี่ลูกน้องของคุณว่ามีผู้หญิงแปลกหน้าไปที่ร้านเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอบอกว่าจะเข้าไปตรวจดูห้องครัว ไม่ทราบว่าคุณลู่รู้เรื่องนี้ไหม?”
ผู้หญิงแปลกหน้างั้นเหรอ?
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่รู้เลยค่ะ ร้านของฉันจ้างงานกันเอง ไม่ได้มีใครมาตรวจสอบแน่ ๆ กระทรวงสาธารณสุขก็ส่งคนมาตรวจสอบไปแล้ว พวกเขาคงไม่ส่งคนมาตรวจสอบซ้ำแน่ ๆ”
“เท่าที่พวกเรารู้ กระทรวงสาธารณสุขก็ไม่มีเจ้าหน้าที่หญิงแบบนั้นนะครับ” นายตำรวจที่ยืนอยู่ข้างเจ้าหน้าที่หลินพูด
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มขึ้นมาทันที “คุณตำรวจพอจะอธิบายลักษณะของผู้หญิงคนนั้นได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ”
หลังจากนั้น เธอก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินลักษณะของหญิงปริศนา
ผู้หญิงคนนั้นแต่งชุดหรูหรา น้ำเสียงเย่อหยิ่ง อายุประมาณ 20 ปี… ลู่ฉิวเยว่ไม่เคยรู้จักคนในลักษณะนี้มาก่อน
หมายความว่าหญิงปริศนาคนนั้นอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่เธอจะไปหาตัวผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร?
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เจ้าหน้าที่หลินก็คงคิดแบบเดียวกับเธอ เขาถอนหายใจออกมาขณะมองไปที่ประตู ไม่มีใครรู้ว่านายตำรวจหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่
บรรยากาศในห้องสอบปากคำเคร่งเครียดมากขึ้น
“คุณตำรวจคะ คุณคิดว่า… เราจะล่อคนร้ายออกมายังไงดี?” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับอย่างเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอก
ล่อคนร้ายออกมาอย่างนั้นเหรอ?
เจ้าหน้าที่หลินนั่งหลังเหยียดตรง มองเธอด้วยความสนใจ “ผมฟังอยู่”
“พวกเราปล่อยข่าวลือออกไปก็ได้ค่ะ ว่าเราเจอหลักฐานที่จะสาวไปถึงตัวคนร้ายแล้ว รอแค่ส่งหลักฐานไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์เท่านั้น หลังจากนั้น…”
เจ้าหน้าที่หลินและผู้ใต้บังคับบัญชาคิดว่าวิธีนี้เข้าท่าไม่น้อย พวกเขาจึงสั่งให้คนออกไปปล่อยข่าวลือในวันต่อมา
ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วในวันเดียวเท่านั้น
เป็นไปได้อย่างไร? ลู่ฉิวเยว่จะสามารถกลับมาเปิดร้านได้อย่างราบรื่นแล้วเหรอ?
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ลู่เจี๋ยหรงก็โกรธจนตัวสั่น ในวันนั้นเธอไปที่ตลาดและได้ยินว่าร้านค้าร้านใหม่นั้นเป็นของลู่ฉิวเยว่ เธอโกรธจนอยากจะร้องกรี๊ดออกมา สองชั่วโมงต่อมา ร้านค้าร้านใหม่ก็ถูกปิดเพราะมีคนเจอฝิ่นในร้าน คืนนั้นลู่เจี๋ยหรงมีความสุขเหลือเกิน
คิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะพ้นข้อสงสัยเร็วถึงขนาดนี้
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
คนอะไรจะโชคดีขนาดนั้น?!
“เพล้ง!”
ลู่เจี๋ยหรงกัดฟันและทุบทำลายข้าวของในบ้านด้วยความบ้าคลั่ง
เสียงดังโครมครามทำให้เพื่อนบ้านตกใจ เพื่อนบ้านตะโกนด่าเข้ามา นั่นยิ่งทำให้ลู่เจี๋ยหรงโมโหมากยิ่งขึ้น
เธอหยิบวิทยุขึ้นมา กำลังจะทุ่มลงไปบนพื้น แต่แม่ของเธอก็เข้ามาห้ามเอาไว้อย่างรวดเร็ว “นี่ วิทยุแพงจะตาย อย่าทุ่มนะ ถ้าแกโกรธจริง ๆ ก็ไปทุบลู่ฉิวเยว่ดีกว่า แกจะมาทำลายข้าวของในบ้านตัวเองทำไม”
“แม่!” เมื่อเห็นแม่ของตน ลู่เจี๋ยหรงก็น้ำตาไหลออกมาทันที “ทำไมกัน! ทำไมลู่ฉิวเยว่ถึงมีชีวิตที่ดีกว่าหนู! ทั้งๆ ที่หล่อนเป็นคนร้ายกาจขนาดนั้น!”
“ลู่ฉิวเยว่จะไปคู่ควรได้ยังไง? ลูกแม่ต่างหากที่ควรได้สิ่งที่ดีที่สุด อย่าเพิ่งโมโหไปเลยนะ สวรรค์เข้าข้างคนดีเสมอ!” ป้าลู่พยายามปลอบโยนบุตรสาว “แต่ตอนนี้ไปทำงานก่อนเถอะ พวกเรากำลังจะไปสายแล้ว”
ยังจะต้องไปทำงานอีกเหรอ? น่ารำคาญเหลือเกิน!
แต่ถ้าเธอไม่ไปทำงาน เจ้านายก็จะไล่เธอออก พวกเธอแม่ลูกก็จะไม่มีห้องพักและอาหารให้กิน
กรี๊ดดดด!
ทำไมลู่ฉิวเยว่ถึงมีชีวิตที่ดีกว่าเธอนะ?
ลู่เจี๋ยหรงยกมือปาดน้ำตา ก่อนจะเดินชนผู้ชายคนหนึ่งตอนที่เปิดประตูเข้าไปในร้านที่เธอทำงานอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอล้มลงนั่งก้นจ้ำเบ้าด้วยความเจ็บปวด
“แก…” ลู่เจี๋ยหรงกัดฟัน เธออยากจะตะโกนด่า แต่เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับรองเท้าหนังราคาแพง หัวใจของเธอก็เต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้
มีคนไม่มากนักที่จะใส่รองเท้าหนังชนิดนี้ได้ในปัจจุบัน คน ๆ นี้ต้องเป็นคนรวยอย่างแน่นอน
ลู่เจี๋ยหรงเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ เหนือรองเท้าหนังเป็นกางเกงสีดำ เขาอาจจะดูอ้วน กางเกงจึงคับแน่น สูงขึ้นไปเป็นเสื้อแจ็คเก็ตที่ไม่ได้ติดกระดุม ด้านในเป็นเสื้อยืดสีขาวที่เผยให้เห็นพุงป่อง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” เสียงนุ่มนวลของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ หญิงสาวเห็นใบหน้าของเขาเต็มตา
ลู่เจี๋ยหรงตัวแข็งทื่อ ดวงตามีน้ำตาคลอเต็มเบ้าขึ้นมาทันที เธอยกมือป้ายน้ำตา ก่อนพูดอย่างอ่อนแอว่า “ฉัน… ฉันเจ็บเท้าจังเลย คุณช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลหน่อยได้ไหมคะ?”
“ขอโทษจริง ๆ ครับ คุณเจ็บมากหรือเปล่า? เดี๋ยวผมจะไปเอารถมาให้นะ” ชายหนุ่มรีบช่วยประคองเธอลุกขึ้น ลู่เจี๋ยหรงไม่ทราบเลยว่าตนเองรู้สึกไปเองเปล่า แต่เธอรู้สึกว่ามือของเขากำลังลูบคลำก้นของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
ว่าแต่ว่าผู้ชายคนนี้มีรถยนต์ด้วยหรือ?
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นคนรวยแน่!
ลู่เจี๋ยหรงยิ้มอย่างเขินอาย เธอแกล้งเอาหน้าอกไปชนกับแขนของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจเลย “ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกค่ะ แต่ฉันคงต้องหาที่นั่งพักสักหน่อย…”
เธอไม่สนใจอาการบาดเจ็บแล้ว ลู่เจี๋ยหรงได้แต่หวังว่าชายหนุ่มคนนี้จะหลงเสน่ห์ของเธอ
เมื่อมองใบหน้าอันงดงามของหญิงสาว ชายหนุ่มก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ควรมีขึ้นมา “ทุกอย่างเป็นความผิดผมเอง เดี๋ยวผมจะพาคุณไปนั่งพักนะครับ”