สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 30 ฉินซือช่วยลู่ฉิวเยว่หาบ้าน
บทที่ 30 ฉินซือช่วยลู่ฉิวเยว่หาบ้าน
บทที่ 30 ฉินซือช่วยลู่ฉิวเยว่หาบ้าน
ลู่ฉิวเยว่พูดปลอบใจมารดา แต่ความแค้นในใจเธอไม่ได้ลดน้อยลงเลย
สองแม่ลูกอาจจะเป็นพวกสมองขี้เลื่อย แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคพวกของพวกเธอจะน่ากลัวน้อยไปกว่ากัน
การที่ลู่ฉิวเยว่มาเปิดร้านในบริเวณนี้ ย่อมทำให้ร้านอาหารที่เปิดอยู่ก่อนบางส่วนได้รับผลกระทบ อาจมีใครบางคนใช้พวกของลู่เจี๋ยหรงมาเป็นจุดโจมตีเธอก็ได้
ลู่ฉิวเยว่ต้องระมัดระวังตัว
แต่ยังไม่ทันที่ลู่ฉิวเยว่จะได้สอบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ก็มีคนเอาข้อมูลมาให้เธอเสียก่อน
“ฉินซือ?”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วสูงและจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความประหลาดใจ
เขามาทำอะไรที่นี่?
สีหน้าและแววตาของเขาบอกถึงความไม่สบายใจ
ดูเหมือนว่าหัวใจของฉินซือจะไม่สงบสุข
เขาแค่นเสียงในลำคอดังเหอะ ก่อนจะจ้องมองเห็นสาวอย่างใกล้ชิด เขาไม่ได้ซ่อนเร้นสายตาที่ร้อนแรงเลย
“ผมมีเรื่องจะบอกคุณ”
เมื่อได้ยินเขาพูด ลู่ฉิวเยว่ก็วางกระบวยตักแกงลงแล้วเช็ดมือ
“เข้ามาคุยข้างในเถอะค่ะ”เธอเทน้ำหวานใส่น้ำแข็งให้เขาดื่ม
ฉินซือพยักหน้า “ขอบคุณมาก”
ห้องด้านในมีโต๊ะและเก้าอี้เพียงตัวเดียวเท่านั้น ด้วยความที่ในห้องมีหน้าต่างเพียงบานเดียวและด้านนอกก็มีต้นไม้ใหญ่ขวางอยู่ ภายในห้องจึงมืดเพราะแสงสว่างส่องเข้ามาไม่ถึง
ตอนนั้นเอง ลู่ฉิวเยว่เพิ่งจะรู้สึกถึงความผิดปกติ พวกเขากำลังอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ด้วยกันเพียงสองต่อสอง บรรยากาศช่างเป็นใจยิ่งนัก
ลู่ฉิวเยว่ยกมือจับจมูกตนเองด้วยความเขินอาย เธอกำลังจะขอให้เขาเปลี่ยนที่คุย แต่แล้วก็ตัดสินใจได้ว่ารีบคุยให้จบ ๆ ไปจะดีกว่า
ลู่ฉิวเยว่ถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณฉินมีอะไรจะบอกฉันเหรอคะ? เรื่องที่โรงงานหรือเปล่า?”
ฉินซือรู้สึกแปลก ๆ กับบรรยากาศเช่นกัน เขาจ้องมองริมฝีปากสีกุหลาบของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่ใช่ครับ!” เขาตอบออกมาทันที “นี่เป็นเรื่องลูกพี่ลูกน้องของคุณ”
ลู่เจี๋ยหรง?
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาพูดเรื่องลู่เจี๋ยหรงได้นะ?
ฉินซือกระแอมไอ ก่อนจะหันหน้ามองไปทางอื่นด้วยความอึดอัด “ผมได้ยินว่าคุณถูกลูกพี่ลูกน้องมาก่อกวน ผมก็เลยสั่งให้เลขาหวังไปตรวจสอบดู”
ลู่ฉิวเยว่ชะงักไป เธอตกใจที่ฉินซือห่วงใยเธอถึงขนาดนี้
ความรู้สึกนี้มัน… ออกจะอ่อนหวานเกินไปหน่อยไหม?
“เธอสร้างเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าคะ?” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยความรำคาญใจเมื่อนึกถึงลู่เจี๋ยหรง ลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้เหมือนแมลงวัน ถึงจะสร้างผลเสียร้ายแรงไม่ได้ แต่ก็ทำให้รำคาญยิ่งนัก
เธอจ้องมองฉินซือด้วยความจริงจัง “แล้วทำไมคุณถึงสนใจเรื่องนี้ล่ะ?”
เขามีเวลาว่างมากเหรอ?
ฉินซือไอออกมาอีก 2 ครั้ง
“ผมกลัวว่าจะเกิดเหตุกับคุณเหมือนครั้งที่แล้ว ผมก็เลยให้คุณยายร้านฝั่งตรงข้ามช่วยจับตาดูร้านของคุณ”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิวขึ้นสูง คุณยายร้านฝั่งตรงข้ามเหรอ?
เกรงว่าฉินซือคงไม่ได้ข่าวอะไรแน่ ๆ
“คุณจ่ายเงินให้เธอด้วยหรือเปล่า?”
“จ่าย” ฉินซือพยักหน้าอย่างอึดอัด
“คุณจ่ายไปเท่าไหร่?”
“100 หยวน”
มุมปากของลู่ฉิวเยว่กระตุกอย่างแรง ทำไมเขาไม่เอาเงิน 100 หยวนนั้นมาให้เธอแทน? เธอจะรายงานกับเขา 24 ชั่วโมงต่อวันเลยก็ยังได้
เมื่อเห็นแววตาไม่พอใจของลู่ฉิวเยว่ ฉินซือก็ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาเช่นกัน “ตกลงคุณจะฟังไหม!”
เขารู้ดีว่าตนเองกำลังทำเรื่องโง่ ๆ อยู่
ลู่ฉิวเยว่ไอและเหยียดหลังตรง “ฟังค่ะ ฟัง”
ปรากฏว่าลู่เจี๋ยหรงไม่ได้หย่ากับสวีต้าหลินจริง ๆ เธอตั้งใจมาที่ร้านของลู่ฉิวเยว่เพื่อกลั่นแกล้งเท่านั้น เพราะเธอไม่อยากอยู่บ้านให้สามีทุบตี และพ่อของเธอก็ไม่ยอมรับกลับไปเลี้ยงดูอีกแล้ว
จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาลูกสาวมาก่อกวนที่นี่
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เธอได้แต่ด่าอยู่ในใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่านอกจากสวีต้าหลินจะเป็นเศษสวะใช้การไม่ได้แล้ว เขายังเป็นพวกที่ชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัวอีกด้วย
ข้างนอกมีลูกค้ามากแล้ว แม่ของลู่ฉิวเยว่เข้ามาเรียก เธอจึงขอบคุณฉินซือและออกไปรับลูกค้า
เมื่อทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องเล็ก ๆ พวกเขาก็พบกับชายหนุ่มที่มาช่วยงานในร้าน
เมื่อเห็นหน้าลู่ฉิวเยว่ หวังเซวียนเซวียนก็ยกมือเกาหัวและยิ้มว่า “พี่ครับ”
“ว่าไง” ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง “ได้ยินว่านายเพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อวานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พักอีกสักหน่อยล่ะ?”
ในช่วงก่อนหน้านี้ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะมาช่วยงานในวันหยุดบ้างเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้เขามาทำเป็นงานประจำแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ชอบใจญาติคนนี้มาก ถึงเขาจะดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เวลามีหวังเซวียนเซวียนช่วยงาน ก็สามารถเบาแรงเธอไปได้เยอะ
“อยู่บ้านผมก็ไม่มีอะไรทำ มาทำงานที่นี่ดีกว่า” หวังเซวียนเซวียนส่ายหน้า
ลู่ฉิวเยว่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเด็กวัยรุ่นคนนี้ถึงใสซื่อขนาดนี้ เธอพยักหน้าด้วยความเอ็นดู “งั้นพอดีเลย นายอยู่ช่วยแม่ฉันก็แล้วกันนะ วันนี้ฉันว่าจะออกไปหาร้านใหม่สักหน่อย”
เธอมีเงินเยอะแล้ว ได้เวลาไปดูร้านใหม่เสียที
หวังเซวียนเซวียนพยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น “ได้เลยครับ ผมจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่”
“ดีมาก เดี๋ยวพี่ซื้อของกินอร่อย ๆ มาฝาก”
ลู่ฉิวเยว่อดหยิกแก้มอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ทำเอาหวังเซวียนเซวียนร้องลั่นด้วยความเจ็บ
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ! พี่เลิกหยิกแก้มผมได้แล้ว!”
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว ก่อนจะทำท่าเหมือนอยากจะหยิกต่อ
อีกอย่าง ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เป็นเสมือนหลานชายของเธอ เธอจึงไม่ได้เกิดความรู้สึกแบบชายหญิงเลย
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะและขอโทษด้วยความจริงใจ “ครั้งหน้าไม่หยิกแล้วก็ได้”
“เชอะ!” หวังเซวียนเซวียนตอบรับและรีบวิ่งไปช่วยงานในร้าน
“แล้วนี่คุณจะตามฉันมาทำไมเนี่ย?” ลู่ฉิวเยว่เดินไปตามทางและพบว่าฉินซือยังคงเดินตามมาทางด้านหลัง เธอจึงขมวดคิ้ว
ฉินซือยิ้ม “ผมมีประสบการณ์ ผมช่วยคุณหาร้านใหม่ได้”
ลู่ฉิวเยว่มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้ห้าม เขาน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าเธอจริง ๆ
และฉินซือมีรถยนต์ เธอก็ไม่ต้องเดินอีกด้วย
ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปนั่งในรถของฉินซืออย่างมีความสุข
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ปฏิเสธ ฉินซือก็แอบมองเธอด้วยความดีใจอยู่หลายครั้ง
“นั่นไงคะ”
เมื่อขับมาได้ครึ่งทาง ลู่ฉิวเยว่ก็ชี้มือไปที่อาคารหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ข้างทางและพูดว่า “ไปดูร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองร้านนั้นกันเถอะ”
เธออยากจะดูว่ามีอะไรที่พอจะซื้อได้อีกไหม
ฉินซือพยักหน้า
ร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงเจ้าของร้านนั่งสูบไปป์อยู่ด้านใน เมื่อเขาเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นยืนต้อนรับทันที “อ้าว คุณลู่มาอีกแล้ว”
เขาชี้ไปยังกองเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่มุมร้าน “คุณชอบเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ ใช่ไหมครับ? ลองเดินดูก่อนได้เลยครับ”
ลู่ฉิวเยว่เบิกตาโตขณะจ้องมองไปทิศทางนั้น เธอพบว่ามันเป็นกองเฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์
สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดคือโต๊ะลิ้นชักแกะสลัก ถึงจะไม่ได้สวยงามอะไรแต่ก็ยังสภาพดีมาก
เธอยิ้ม “ขอเหมาทั้งกองนี้ในราคา 50 หยวนได้ไหมคะ?”
“กองใหญ่มากเลยนะ ผมขอ 60 หยวนดีกว่า” เจ้าของร้านขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
ลู่ฉิวเยว่ยืนยันคำเดิม “50 หยวนขาดตัว ไม่ต่อรองแล้ว”
เจ้าของร้านไม่ต่อรองจริง ๆ ลูกค้าคนนี้รู้มากเหลือเกิน เขาเถียงเธอไม่ได้เลย อีกอย่าง เฟอร์นิเจอร์กองนั้นเขาซื้อมาด้วยเงินไม่ถึง 30 หยวน ขายไป 50 หยวนก็ถือว่าได้กำไรแล้ว
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูง
ลู่ฉิวเยว่มีทักษะในการต่อรองราคาจนน่าตกใจ
หลังจากที่พวกเขาออกมาจากร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสอง พวกเขาก็ออกดูร้านค้าและทำเลที่ตั้ง แต่ก็ไม่เจอร้านที่ถูกใจ จนกระทั่งเย็นมากแล้ว ลู่ฉิวเยว่ตัดสินใจว่าจะกลับบ้านก่อน วันหลังค่อยออกมาหาใหม่