สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 29 น้ำตาของป้าลู่
บทที่ 29 น้ำตาของป้าลู่
บทที่ 29 น้ำตาของป้าลู่
“พวกเราไม่ต้องการคนจัดการบัญชีหรอกค่ะ” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ “อย่าลืมนะคะ ว่าพวกเราตัดญาติกันแล้ว พวกหนูไม่อยากเห็นหน้าพวกคุณอีก รีบกลับไปเถอะค่ะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ”
ป้าลู่ยกมือปิดหน้า ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นและล้มลงไปนั่งพับเพียบบนพื้นดินหน้าร้านอย่างน่าสงสาร
ลู่ฉิวเยว่ส่งสัญญาณบอกให้พ่อแม่ไม่ต้องสนใจและกลับเข้าไปทำงานในร้านต่อ
เมื่อป้าลู่เห็นว่าไม่มีใครสนใจ เธอก็กลัวว่าตำรวจจะมาลากตัวไปอีกครั้งจึงรีบลุกขึ้นปั้นหน้ายิ้ม “เยว่เยว่ เธอยังไม่ลืมเรื่องในอดีตไปอีกเหรอ? เลือดย่อมข้นกว่าน้ำอยู่แล้ว คนเราจะตัดญาติขาดมิตรกันง่าย ๆ ได้ยังไง ตอนนั้นพวกเราโกรธก็เลยพูดไปแบบนั้น อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังไปเลย”
ลู่ฉิวเยว่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่านี้มาก่อน
เธอหัวเราะ แต่อีกฝ่ายกลับเห็นว่ามีความหวังจึงเล่นละครต่อไป
ป้าลู่ยกมือปาดน้ำตาแล้วพูดว่า “เธอเองก็รู้ว่าครอบครัวของฉันต้องลำบากเพราะการหย่าร้างในครั้งนี้ เธอจะไม่ดูแลน้องสาวตัวเองจริง ๆ เหรอ? ทำไมถึงได้ใจร้ายอย่างนี้? ถ้าเธอไม่เรียกตำรวจมาจับพวกเรา ครอบครัวของเราก็คงไม่มาถึงจุดนี้หรอก…”
ลู่เจี๋ยหรงเองก็ยกมือปาดน้ำตาและยิ้มอย่างน่าสงสารเช่นกัน แต่พวกเธอจะมาโทษว่าเป็นความผิดลู่ฉิวเยว่ได้อย่างไร?
ลู่ฉิวเยว่พูดกลับไปอย่างเย็นชาว่า “แล้วมันเกี่ยวกับหนูตรงไหน? ลูกสาวป้าเป็นคนมาใส่ความหนูก่อน แถมยังสั่งให้คนมาทำร้ายหนูด้วย โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว! มีน้องสาวที่ไหนบ้างใส่ร้ายพี่สาวตัวเองทุกวัน? คนแบบนี้ไม่ใช่พี่น้องหรอก!”
ลูกค้าที่อยู่ในร้านหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาอยากจะดูว่าหญิงสาวชั่วร้ายผู้เลื่องลือมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ในเมื่อการแสดงละครฉากนี้ไม่ได้ผล ป้าลู่ก็ไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอขึ้นเสียงด้วยความโกรธแค้นว่า “ลู่ฉิวเยว่ แกมันเลวจริง ๆ! แกมันเหมือนแม่แกไม่มีผิด! ฉันจะบอกให้นะ พวกแกไล่เราไปไม่สำเร็จหรอก!”
หลังจากพูดจบ ป้าลู่ก็เดินไปหยิบเก้าอี้มานั่งหน้าตาเฉย
แม่ของลู่ฉิวเยว่เดินไปหยิบไม้กวาดมาด้วยความโกรธแค้น
“แม่อย่าไปสนใจเลยค่ะ คนแบบนี้ไม่คู่ควรหรอก” ลู่ฉิวเยว่พับแขนเสื้อของตนเองขึ้นและทำงานในร้านต่อไป ลูกค้าของเธอรออาหารนานแล้ว
แม่ของเธอก็คิดแบบเดียวกัน เธอขี้เกียจจัดการกับสองแม่ลูกตัวแสบคู่นี้อีกแล้ว
แต่พวกเธอคิดไม่ถึงว่าป้าลู่กับลู่เจี๋ยหรงจะไม่ยอมกลับไปจริง ๆ ทั้งสองคนถึงกับยอมนอนบนพื้นในร้าน ในขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันปิดร้าน
“พวกเราจะปิดร้านแล้ว รีบกลับไปซะ!” แม่ของลู่ฉิวเยว่กัดฟันด้วยความโกรธ
ป้าลู่ยิ้มก่อนจะพูดอย่างไร้ยางอาย “ปิดร้านก็ปิดไปสิ พวกฉันจะนอนที่นี่ เอาไว้พวกฉันหางานทำได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวพวกฉันไปเอง”
นี่มันหน้าด้านเกินไปแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ขี้เกียจพูดอีกต่อไป วันนี้ลูกค้าเยอะมาก เธอไม่อยากจะมีเรื่อง ในเมื่ออีกฝ่ายอยากจะนอนที่นี่ก็ให้นอนไปเถอะ คงไม่นอนแข็งตายอยู่แล้ว ลู่ฉิวเยว่เก็บเงินในลิ้นชักไป เหลืออยู่เพียงโต๊ะ เก้าอี้ หม้อต้ม และกระทะเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่ไม่กลัวว่าสองแม่ลูกตัวแสบจะขโมยของ ถ้าพวกเธอกล้าขโมยจริง ๆ เธอก็มีเหตุผลในการแจ้งตำรวจมาจับสองแม่ลูกไปเข้าคุกอีกครั้ง นี่เป็นการแก้ปัญหาที่มั่นคงที่สุด!
เช้าวันต่อมา ทันทีที่ลู่ฉิวเยว่เปิดประตูร้าน สองแม่ลูกก็รีบร้อนออกมา
เพราะว่าในร้านไม่มีห้องน้ำ พวกเธออยากเข้าห้องน้ำจะแย่แล้ว
สมน้ำหน้า!
แม่ของลู่ฉิวเยว่มองด้วยความสมเพช
แม้จะเป็นรุ่งเช้า แต่ก็มีลูกค้ามายืนรออยู่หน้าร้านแล้ว
เมื่อทุกคนหันมาเห็นอีกที ป้าลู่ก็กำลังยุ่มย่ามอยู่กับขนมปังอบสำหรับทำโร่วเจียโม๋
“นี่! เธอ!” แม่ของลู่ฉิวเยว่ทำหน้าบึ้ง
“ทำไมขนมปังของเธอมันเหม็นหืนแบบนี้เนี่ย?” ป้าลู่กลอกตาแล้วหัวเราะเยาะ
ลู่เจี๋ยหรงยืนอยู่ข้างหลังไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องมองมาที่ลู่ฉิวเยว่
พ่อของลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเคร่งเครียด เขาเป็นผู้ชาย ไม่สมควรไปยุ่งเรื่องของผู้หญิง เขาได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธเกลียด ขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น
“แหม พวกคุณมาขออยู่กับเขาฟรี ๆ ยังจะมาปากดีอีกนะ”
เสียงหัวเราะจากกลุ่มลูกค้าที่ยืนรออยู่หน้าร้านดังขึ้น “เชฟลู่ไม่ต้องสนใจหรอกครับ ทุก ๆ ครอบครัวก็ต้องมีตัวปัญหาแบบนี้แหละ เพียงแต่คุณมีตัวปัญหาที่หน้าด้านมากเกินไปเท่านั้นเอง ช่างโชคร้ายจริง ๆ”
“เฮ้อ มือเท้าก็ดี ทำตัวเป็นขอทานไปได้ หน้าไม่อาย”
“ฉันก็อยากจะพูดแบบนั้นเหมือนกัน แม่ลูกคู่นี้หน้าด้านเกินไปแล้ว เพราะแบบนี้ไงถึงได้ถูกผัวไล่ออกจากบ้าน”
“ใครจะชอบผู้หญิงแบบนี้กันล่ะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าผ่านมือผู้ชายมามากขนาดไหนแล้ว”
พวกลูกค้าส่งเสียงหัวเราะเยาะ
ลู่เจี๋ยหรงและแม่ของเธอตกเป็นเป้าแห่งความเกลียดชังของทุกคน
สองแม่ลูกโกรธแค้นมากขึ้นกว่าเดิม ถึงกับหันไปตะโกนด่าลูกค้าที่อยู่หน้าร้าน “พวกแกหัวเราะเยาะไปเถอะ ทำมาเป็นปากดี คิดว่าตัวเองดีกว่าฉันนักหรือไง…”
กลุ่มลูกค้าไม่พอใจ ลูกค้าผู้หญิงหลายคนถึงกับพับแขนเสื้อเตรียมตัวเดินเข้ามาชำระแค้น
ลู่เจี๋ยหรงและแม่ของเธอตื่นตระหนก
ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเย็นชา เธอกำลังจะเข้าไปขับไล่สองแม่ลูกออกจากร้าน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่ของเธอจะลงมือเร็วกว่า
“ไสหัวไปซะ!”
แม่ของลู่ฉิวเยว่โกรธจนตัวสั่น ก่อนจะหยิบไม้กวาดจากมุมร้านขึ้นมาโบกสะบัด
เมื่อวานนี้เธอเห็นใจที่สองแม่ลูกที่น่าสงสารจึงไม่ได้ไล่ออกไป คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเธอยังสร้างปัญหาเช่นนี้อีก!
“เธอทำอะไรของเธอเนี่ย!”
ป้าลู่ถูกไม้กวาดไล่ตีจนต้องวิ่งหนีออกไป ก่อนจะตะโกนกลับมาด้วยความโกรธแค้น “พวกแกทุกคนต้องไม่ตายดี!”
ว่าอย่างไรนะ?
ลู่ฉิวเยว่กัดฟัน เธอเดินไปที่มุมร้านและหยิบแม็กเย็บถุงเขวี้ยงออกไป
ใบหน้าลู่เจี๋ยหรงซีดขาว เธอเชื่อว่าหญิงอำมหิตอย่างลู่ฉิวเยว่สู้กับเธอได้โดยไม่ลังเล
ลู่เจี๋ยหรงวิ่งหนีออกไปพร้อมกับแม่ด้วยความรวดเร็ว “พวกเราไปกันเถอะค่ะแม่! ครอบครัวนี้บ้าไปแล้ว!”
หลังจากนั้น ลู่เจี๋ยหรงก็หายหน้าไปหลายวัน ไม่มีใครรู้ว่าเธอกับแม่หายไปไหน แต่ได้ข่าวว่าพวกเธอได้งานทำในที่สุด
ลู่ฉิวเยว่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีคนจ้างตัวปัญหาอย่างนั้นไปทำงานด้วย
แม่ของเธอคิดด้วยความเศร้า “ลูกบอกว่าพวกเธอหางานใหม่ได้แล้วใช่ไหม? แต่หายไปนาน ๆ แบบนี้ พวกเธอจะไปวางแผนอะไรอีกหรือเปล่า? พวกเธอทำงานที่ไหน? แล้วจะกลับมาที่นี่อีกไหม?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและตบหลังแม่เบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าพวกเธอคิดจะทำอะไรอีก เราก็แค่แจ้งตำรวจ อีกอย่าง คนโง่สมองนิ่มเป็นเต้าหู้แบบนั้นคิดอะไรซับซ้อนไม่ได้หรอกค่ะ”
หญิงวัยกลางคนหัวเราะให้กับคำว่าสมองนิ่มเป็นเต้าหู้ด้วยความขบขัน ก่อนที่จะส่ายศีรษะและกลับไปทำงานต่อ
ในตอนนี้ ลู่ฉิวเยว่และครอบครัวกำลังยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปคิดถึงพวกของลู่เจี๋ยหรงอีกแล้ว
เธอได้แต่หวังว่าลู่เจี๋ยหรงและแม่จะสามารถหางานทำได้อย่างสงบสุขจริง ๆ