สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 26 ลู่เจี๋ยหรงสร้างข่าวลืออีกครั้ง
บทที่ 26 ลู่เจี๋ยหรงสร้างข่าวลืออีกครั้ง
บทที่ 26 ลู่เจี๋ยหรงสร้างข่าวลืออีกครั้ง
“จะว่าไปแล้ว แม่สาวน้อยที่ร้านฝั่งตรงข้ามมีความสามารถมาก ใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับเธอคงโชคดีมาก” หญิงชราเฝ้ามองลูกค้าที่เข้าร้านตรงข้ามมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้า
นับตั้งแต่ที่ลู่ฉิวเยว่มาเปิดร้านที่นี่ ถนนก็มีคนมากขึ้น ร้านของคนอื่น ๆ ก็พลอยมีลูกค้ามากขึ้นตามไปด้วย
หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว เมื่อวันก่อนเธอยังเอาเค้กข้าวมาให้ฉันลองกินดูเลย เธอนิสัยดีมาก…”
“หึ” ลู่เจี๋ยหรงขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองคนในที่สุด
เธอหัวเราะเยาะว่า “ลู่ฉิวเยว่เป็นนางมารร้ายต่างหาก! พวกคุณยังไม่รู้จักเธอ เธอคบกับพวกอันธพาลในหมู่บ้านเรา ยังจะมีใครกล้าแต่งงานกับเธออีกเหรอ?”
“เธอเป็นใครไม่ทราบ? กล้าดียังไงมาสร้างข่าวลือ เดี๋ยวก็แจ้งตำรวจจับเลยนี่!” หญิงสาวพูดด้วยความไม่พอใจ เพราะเธอคิดว่าลู่ฉิวเยว่น่าจะเป็นคนดี
ส่วนผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน ต้องเป็นพวกชอบโกหกแน่นอน!
“ไม่อยากจะเชื่อเลย พวกคุณถูกลู่ฉิวเยว่หลอกลวงแล้ว นี่พวกคุณเห็นแก่ของกินถึงขนาดนี้เลยหรอ?” ลู่เจี๋ยหรงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อ จึงรู้สึกโกรธเคือง
“เหอะ เธอคือผู้หญิงที่ถูกตำรวจจับเมื่อครั้งที่แล้วไม่ใช่เหรอ? ยังจะกล้ามาปล่อยข่าวลืออีกนะ”หญิงชราจำลู่เจี๋ยหรงได้จึงเดินไปหยิบไม้กวาด “ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ”
“ฉันจำได้แล้ว เธอคือผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ ด้วย” หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นเช่นกัน
“คนอะไรหน้าด้านเหลือเกิน ยังจะกล้ามาที่นี่อีกนะ!”
ลู่เจี๋ยหรงโกรธแค้นและหวาดกลัวว่าหญิงชราจะเอาไม้กวาดฟาดตัวเองจริง ๆ สุดท้ายเธอก็ต้องรีบหนีออกมา “พวกแกมันก็เป็นพวกเดียวกับลู่ฉิวเยว่! พวกแกทุกคน…”
ในบรรดาผู้คนที่นั่งอยู่ในร้าน มีบางคนเป็นเพื่อนร่วมงานของสวีต้าหลิน เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ถูกถ่ายทอดกันปากต่อปาก ในไม่ช้าก็ไปถึงหูสวีต้าหลินที่อยู่ในโรงงาน
ทุกคนรู้ดีว่าสวีต้าหลินมีภรรยาที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว ชายหนุ่มจึงรู้สึกเดือดดาลยิ่งนัก
“โครม!” สวีต้าหลินเตะประตูห้องนั่งเล่นให้เปิดออกเมื่อกลับถึงบ้าน
ลู่เจี๋ยหรงสะดุ้งโหยงและหันไปมองด้วยความตื่นกลัว
“คุณ… กลับมาแล้วเหรอคะ?” เธอพยายามข่มความกลัวไว้และเดินเข้าไปช่วยถือกระเป๋าให้เขา
แต่หลังจากประตูปิดลง สวีต้าหลินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาระบายความโกรธแค้นกับเธอเหมือนหมาบ้า
เพี้ยะ!
ลู่เจี๋ยหรงรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า
เธอถูกเขาตบหน้าอย่างแรง “คุณจะบ้าเหรอ คุณมาตบฉันทำไม?”
“ยังจะถามอีกเหรอ?” สวีต้าหลินกัดฟัน เขาหยิบของที่วางอยู่บนโต๊ะปาใส่เธอ “เธออยู่เฉย ๆ ไม่เป็นใช่ไหม ทำไมต้องสร้างปัญหาให้ฉันตลอด ทำไมไม่ทำตัวให้เหมือนลู่ฉิวเยว่บ้าง?”
เขาไม่น่าแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เลย
ถ้าเขาได้แต่งงานกับลู่ฉิวเยว่…
เมื่อคิดถึงธุรกิจของลู่ฉิวเยว่ในปัจจุบัน สวีต้าหลินก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลู่เจี๋ยหรงรีบเก็บของที่ตนเองถูกปาใส่ด้วยความหวาดกลัว แต่พอเธอได้ยินคำว่า ‘ลู่ฉิวเยว่’ เธอก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาทันที สวีต้าหลินเอาเธอไปเปรียบเทียบกับลู่ฉิวเยว่ เธอจึงรู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก
เธอวิ่งเข้าไปจับเสื้อของสวีต้าหลิน “คุณหมายความว่ายังไง สวีต้าหลิน! คุณยังชอบเธออยู่ใช่ไหม! คุณถึงได้ทำกับฉันแบบนี้!”
“ฉันหมายความว่ายังไงน่ะเหรอ? นี่เธอกล้าถามฉันได้ยังไง!” เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงงานวันนี้ เขาก็ยิ่งทุบตีเธออย่างบ้าคลั่ง
ผู้คนในโรงงานรู้จักกันหมด เมื่อคนหนึ่งมีปัญหา คนอื่น ๆ ก็จะรู้กันทั่ว
ลู่เจี๋ยหรงไม่รู้หรือไงว่าภาพลักษณ์ของเขาในตอนนี้ย่ำแย่หมดแล้ว สวีต้าหลินคนนี้ต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะทุกวัน
ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวซวย!
ลู่เจี๋ยหรงถูกสวีต้าหลินซ้อมอย่างหนัก เธอวิ่งหนีออกมาจากบ้านเพื่อจะกลับไปบ้านแม่
กลางดึกอันเงียบสงัด มีคนอยู่บนท้องถนนไม่มากนัก จะมีก็เพียงคนเมาเดินผ่านไปบ้างเป็นครั้งคราว บางคนจ้องมองลู่เจี๋ยหรง บางคนถึงกับจะเดินเข้ามาหาเธอ นั่นทำให้ลู่เจี๋ยหรงรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้นจนต้องรีบเร่งฝีเท้าของตัวเอง
“นี่!” เธอได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนเรียก
ลู่เจี๋ยหรงไม่รู้ว่าใครชนเธอ เธอล้มลงไปนั่งบนพื้น บาดแผลที่ถูกสามีซ้อมยังคงเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนมีคนเอาเกลือมาราดลงบนบาดแผล
เธอกรีดร้อง
“ลู่เจี๋ยหรง!”
เขาคนนั้นคือสวีหมิงที่ออกมาจากสถานีตำรวจ และเขาได้พบกับตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องถูกควบคุมตัว
“คุณอาคะ คุณอา ไม่นะ!” ลู่เจี๋ยหรงเห็นเขาเดินเข้ามาก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น
คน ๆ นี้ไม่ปล่อยเธอไปแน่
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันจะต้องมาเดือดร้อนเพราะลู่ฉิวเยว่แบบนี้ไหม? เธอมันตัวปัญหา!” สวีหมิงตบเธออย่างแรง
ลู่เจี๋ยหรงถูกตบหน้าจนเจ็บปวดอีกครั้ง แต่เธอก็ยิ่งตื่นกลัวเมื่อได้ฟังคำพูดของสวีหมิง
ลู่เจี๋ยหรงรีบกอดขาเขาพร้อมกับพูดว่า “คุณอาช่วยหนูอีกครั้งนะคะ”
“เธอจะบ้าหรือไง!” สวีหมิงเตะเธอด้วยความเดือดดาล
แต่หญิงสาวก็ยังคลานเข้ามากอดขาเขา “ได้โปรดเถอะนะ ช่วยหนูอีกสักครั้ง…”
นับตั้งแต่ที่เธอถูกตำรวจพาตัวไปเมื่อครั้งที่แล้ว สวีต้าหลินก็ไม่เคยให้เงินลู่เจี๋ยหรงใช้อีกเลย
เธอไม่มีที่ให้พึ่งพิงแล้ว เธอจึงมีแต่ต้องขอความช่วยเหลือจากสวีหมิงเท่านั้น
สวีหมิงรู้สึกอุ่นที่ต้นขา ผู้หญิงคนนี้กำลังลูบขาเขาอยู่!
ชายวัยกลางคนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“หนู… หนูจะติดตามคุณอานับจากนี้ไป…” ลู่เจี๋ยหรงถูใบหน้ากับต้นขาของสวีหมิง เช่นเดียวกับนิ้วมือของเธอที่เคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา
“เธอจะให้ฉันทำอะไร?” สวีหมิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เขาเอื้อมมือไปจับใบหน้าที่งดงามของลู่เจี๋ยหรงและลากเธอตรงเข้าไปในซอยเปลี่ยว
ผิวหนังของหญิงสาวครูดไปกับพื้น เธอเจ็บปวดแต่ไม่ร้องออกมา เพราะเธอกลัวว่าโอกาสของเธอจะหลุดมือไป
ลู่ฉิวเยว่ รอดูให้ดีเถอะ!
หลังจากนั้นลู่เจี๋ยหรงก็ถูกโยนทิ้งที่มุมซอยราวกับกระสอบเก่าขาด ๆ ใบหนึ่ง
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เธอก็อยากจะอาเจียนออกมา
“คุณอาคะ คุณอารับปากหนูแล้วนะว่าจะช่วยสั่งสอนลู่ฉิวเยว่” ลู่เจี๋ยหรงจ้องมองไปที่สวีหมิง
เขากลืนน้ำลายขณะจ้องมองความงดงามของเธอ และนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ด้วยความสุข
“ไม่มีปัญหา แต่ฉันต้องจัดการบางอย่างให้เสร็จก่อน…” สวีหมิงจ้องมองไปที่เรือนร่างเปลือยเปล่าของลู่เจี๋ยหรง
เธอกอดตัวเองแน่นและรับปากว่า “หนูสัญญา”
เธอจะต้องจัดการลู่ฉิวเยว่ให้ได้ และเธอจะกลายเป็นคนที่ได้หัวเราะในท้ายที่สุด
เธอต้องใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ทำไมลู่ฉิวเยว่ถึงมีชีวิตที่ดีกว่าล่ะ!
ลู่ฉิวเยว่ควรลงนรกไปซะ! เธอจะเป็นคนเหยียบย่ำลู่ฉิวเยว่ด้วยตัวเธอเอง!