สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 245 ลู่ฉิวเยว่รับลูกน้อง
บทที่ 245 ลู่ฉิวเยว่รับลูกน้อง
หวังเซวียนเซวียนรีบบอกโม่วั่งซิ่งและหวังเอ้อร์ไฉ ที่กำลังพักฟื้นอยู่ในวอร์ด เรื่องเกาเกิ่งถูกปรับและถูกยึดสินค้า
เมื่อทั้งสองได้ยินดังนั้น พวกเขาก็พ่นลมหายใจออกมา แล้วหัวเราะเสียงดัง และบอกว่าอยากจะขอบคุณลู่ฉิวเยว่ด้วยตัวเอง
“อาการบาดเจ็บของพวกนายยังไม่หายดี ไม่ควรไปเดินเหินสุ่มสี่สุ่มห้า” หวังเซวียนเซวียนยกมือแตะหน้าผากตัวเอง
“อะไรกันครับ มันก็แค่แผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผิวหนัง มันแค่ดูน่ากลัวเฉย ๆ ครับ” โม่วั่งซิ่งโบกมือหน้าตาเฉย แล้วก้มลงสวมรองเท้า
หวังเอ้อร์ไฉพูดเสริมด้วยรอยยิ้ม “ใช่ครับ มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหรือกระดูก ถ้าพวกพี่ไม่ยืนกรานให้เราอยู่พักฟื้นที่นี่ เราคงออกจากโรงพยาบาลไปนานแล้วครับ”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองตื่นเต้นมาก หวังเซวียนเซวียนก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกไปจ้างรถสามล้อ แล้วทั้งสามคนก็ไปบ้านของลู่ฉิวเยว่ด้วยกัน
วันนี้ลู่ฉิวเยว่กลับมากินข้าวเที่ยง เธอกำลังจะล้างจาน เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอล้างมือพร้อมเลิกคิ้วขึ้น แล้วออกไปเปิดประตู ทันทีที่เห็นคนสองสามคนยืนอยู่นอกประตู เธอก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมพวกนายถึงมาที่นี่?”
พูดจบเธอก็เปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป แล้วหันหลังกลับเข้าไปในครัว เพื่อหยิบถ้วยมารินชาให้พวกเขา
“พวกเราอยากจะมาขอบคุณพี่ลู่ด้วยตัวเองครับ” โม่วั่งซิ่งรับถ้วยด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอ่อน แล้วโบกมือ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
ทั้งสี่คนพูดคุยกันสักพัก แล้วจู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องเทปขึ้นมา โม่วั่งซิ่งพูดด้วยความลังเลว่า “ตอนนี้เกาเกิ่งโดนลงโทษไปแล้ว แล้วถ้าเขาทำลายธุรกิจเทปของเราล่ะครับ?”
“ฉันคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว” ลู่ฉิวเยว่จิบชา “ฉันวางแผนจะรีบล้มเลิกธุรกิจเทป”
โม่วั่งซิ่งไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เขารู้ว่าธุรกิจเทปทำกำไรได้แค่ไหน แต่ลู่ฉิวเยว่กำลังจะล้มเลิกแล้ว
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองหวังเอ้อร์ไฉที่อยู่ข้าง ๆ “แล้วเราสองคนก็ต้องล้มเลิกด้วยเหรอครับ?”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้ว เธอไม่รู้ว่าทั้งสองคนคิดอะไรอยู่ ก่อนที่หวังเอ้อร์ไฉจะตัดสินใจ เธอก็รีบพูดว่า “ฉันไม่แนะนำให้พวกนายทำธุรกิจนี้ต่อไป”
“ทำไมล่ะครับ?” โม่วั่งซิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาถือว่าเป็นคนที่รู้จักกันแล้ว หากพวกเขาคิดจะทำต่อ เธอก็จะได้ไม่ต้องออกไปหาคนอื่นมาทำแทน นั่นจะไม่ช่วยแก้ปัญหาได้หรอกเหรอ?
“ธุรกิจนี้ยุ่งยากเกินไป” ลู่ฉิวเยว่อธิบายให้พวกเขาฟัง “หนึ่งเลย พวกนายยังบอกเมื่อกี้นี้ว่า ถ้าพวกนายรับช่วงต่อ เกาเกิ่งจะไม่ปล่อยพวกนายสองคนไป แล้วปัญหาก็จะดำเนินต่อไป สองคือเทปพวกนี้เป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ว่าทางการจะยังไม่ปราบปรามในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่ปราบปรามอย่างหนัก หากวันหนึ่งปราบปรามหนักขึ้นมาจริง ๆ ก็จะเป็นเรื่องร้ายแรง”
คุณลู่ฉลาดมาก
โม่วั่งซิ่งรู้สึกชื่นชมในใจ ความมุ่งมั่นของเขายิ่งเข้มแข็งขึ้น เขาถามเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง “พี่ลู่ ผมยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ในอนาคตไหมครับ?”
หวังเอ้อร์ไฉก็มองด้วยสายตาชื่นชมเช่นกัน ทั้งคู่รู้สึกว่าในอนาคต คุณลู่จะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
อีกทั้งพวกเขายังต้องการติดตามเธอ เพราะความภักดีที่เกิดจากการที่เธอช่วยล้างแค้นให้พวกเขาทั้งสอง
นี่คือสิ่งที่ลู่ฉิวเยว่กำลังรอคอย “ได้สิ”
“ถ้าอย่างนั้น… พี่ลู่ พวกเราควรทำยังไงต่อไปเหรอครับ?” โม่วั่งซิ่งมองเธออย่างจริงจัง
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเบา ๆ ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แต่พวกเขากลับไม่กลัวว่าจะโดนเธอหักหลังเลย
“ฉันมีร้านอาหาร”
ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หวังเอ้อร์ไฉพูดด้วยความลำบากใจเล็กน้อย “พี่ลู่ พวกเราทำอาหารไม่เป็นครับ”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเสียงดัง “ฉันไม่ได้จะให้พวกนายเป็นเชฟ ฉันอยากให้พวกนายมาที่ร้านอาหาร เพื่อช่วยฉันจัดการเรื่องต่าง ๆ”
“จัดการเหรอครับ?” โม่วั่งซิ่งนั่งตัวตรง
“ฉันวางแผนจะเปิดร้านอาหารหลายสาขา และงานของพวกนาย คือช่วยฉันแก้ไขข้อพิพาทในร้านอาหาร และรับผิดชอบด้านการขาย” ลู่ฉิวเยว่หยุดชั่วคราว “สรุปก็คือต้องเป็นผู้จัดการร้าน”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า “ผู้จัดการ” ทั้งสองก็ตกใจ ในความคิดของพวกเขา ผู้จัดการคือคนสำคัญ และมีเพียงผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นที่สามารถได้ตำแหน่งนั้น
“ได้ไหม?”
“ได้ครับ ขอบคุณพี่ลู่ที่ให้โอกาสพวกเรา ต่อไปพวกเราจะพยายามอย่างหนักครับ” โม่วั่งซิ่งและหวังเอ้อร์ไฉพยักหน้าซ้ำ ๆ
เมื่อเห็นว่าพวกเขาตกลง ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มอ่อน และรู้สึกว่าภาระของเธอเบาลงมาก
การเรียน ร้านขายยาและร้านอาหาร บางครั้งก็ปะปนกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกมากมาย เธอจะจัดการเองคนเดียวได้อย่างไร เธออยากวางมือมานานแล้ว ถ้ามีคนฉลาดสองคนอยู่ ก็ได้เวลานำมาแบ่งเบา
ทันใดนั้นโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ลู่ฉิวเยว่บอกให้หวังเซวียนเซวียนคุยกับทั้งสองคนไปก่อน จากนั้นจึงเดินไปรับโทรศัพท์
ปรากฏว่าปลายสายคือเจียงฉี่ ลู่ฉิวเยว่แปลกใจ “เจียงฉี่ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เนื่องจากทั้งสองพบกันในนิทรรศการครั้งล่าสุด นอกจากความสัมพันธ์ของเขากับฉินซือแล้ว ทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ที่ดี แต่ไม่ได้ติดต่อกันมากนัก เคยคุยเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
“รบกวนด้วยครับ คราวนี้มีเพื่อนมาบอกให้ผมถามคุณว่า ร้านอาหารของคุณจะเปิดในห้างสรรพสินค้าได้ไหมครับ” เจียงฉี่ยิ้มกว้าง
ลู่ฉิวเยว่ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้เกิดขึ้น เธอจึงรีบตอบว่า “เราคุยกันได้ ขอบคุณมากนะคะ” เธอคิดว่าเจียงฉี่น่าจะเป็นฝ่ายริเริ่มช่วยเธอหาพันธมิตร
เจียงฉี่ยิ้ม “ฉิวเยว่ คุณอาจเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนไปเสนอให้ เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายริเริ่มก่อน และบังเอิญรู้ว่าผมรู้จักคุณ พวกเขาจึงฝากบอกผมมาครับ”
“ทำไมล่ะคะ?” ลู่ฉิวเยว่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย ร้านอาหารของเธอมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมากขนาดนั้น ถึงขนาดมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งมาหาเธอเพื่อขอความร่วมมือด้วย
“ตอนนี้คุณไม่ได้ร่วมมือกับโรงแรมฉาอี่เหรอครับ ต้องขอบคุณร้านอาหารของคุณ ที่ทำให้โรงแรมฉาอี่กลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุด ในด้านของการจัดเลี้ยง และยังได้ขับเคลื่อนการพัฒนาโรงแรมด้วย ตอนนี้ไม่ว่าใครก็อยากจะร่วมมือกับคุณครับ”
ทันใดนั้นลู่ฉิวเยว่ก็ตระหนักได้ และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าเราจะเจอกันได้ตอนไหนคะ นัดพบที่ร้านอาหารได้ไหมคะ?” จะได้ช่วยให้พวกเขาเห็นสภาพแวดล้อมของร้านอาหารได้ด้วย
เจียงฉี่ตกลงเรื่องเวลากับเธอ ในไม่ช้าทั้งสองก็วางสาย
ลู่ฉิวเยว่เห็นว่ามีแขกอยู่ที่บ้าน เธอจึงเข้าไปพูดกับทั้งสองอย่างลำบากใจ “ขอโทษจริง ๆ เมื่อกี้เพื่อนโทรมาหา”
โม่วั่งซิ่งโบกมือ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ พี่ลู่ ตามสบายเลยครับ”
ลู่ฉิวเยว่จิบชา แล้วพูดประเด็นเมื่อครู่นี้ต่อ “เมื่อพวกนายกลับไป ก็ไปปล่อยข่าวว่าธุรกิจเทปของเรากำลังจะถูกเปลี่ยนมือแล้ว ตอนนี้ทั้งเทปและเครื่องอัดเทปกำลังจะถูกขายออกไป และสามารถติดต่อมารับช่วงต่อได้”
โม่วั่งซิ่งพยักหน้า แล้วพาหวังเอ้อร์ไฉออกไป
พวกเขารู้ชัดเจนว่าธุรกิจเทปของตนทำกำไรได้มากแค่ไหน ทันทีที่มีข่าวนี้ออกมา ผู้คนมากมายก็รีบมาที่ประตูบ้าน แล้วบอกว่าต้องการรับช่วงต่อ
ลู่ฉิวเยว่ดูใบเสนอราคาของทุกคน แล้วเลือกอันที่มีราคาสูงสุด
ไม่นานวันที่นัดหมายกับเจียงฉี่ก็มาถึง ลู่ฉิวเยว่ขอลาโรงเรียนไว้ก่อนแล้ว และไปร้านอาหารแต่เช้าเพื่อรอรับแขก
หลังจากพบปะผู้มาเยือนแล้ว เธอก็ตระหนักได้ว่าคนเหล่านี้หน้าตาคุ้นเคย ซึ่งก็คือคนที่มาครั้งที่แล้วนั่นเอง
เนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนเก่า จึงรับมือได้ง่ายขึ้น คราวที่แล้วพวกเขาเคยมาสำรวจร้านแล้ว ครั้งนี้จึงไม่ต้องเข้าไปสำรวจ เพียงแค่ทักทายกัน แล้วปล่อยให้ครัวเสิร์ฟอาหารตามเมนู