สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 242 ลูกน้องโดนซ้อม
บทที่ 242 ลูกน้องโดนซ้อม
ในตอนกลางคืน จู่ ๆ ลู่ฉิวเยว่ก็มีแรงขึ้นมา เธอหยิบบัญชีทั้งหมดในช่วงนี้ออกมาดู แล้วพบว่าเธอทำเงินได้มากมาย จนสามารถซื้อบ้านสวย ๆ หลังหนึ่งได้แล้ว
แต่ความคิดนี้แค่แวบขึ้นมาในใจของเธอเท่านั้น และถูกปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
หากในอนาคต เธออยากขยายสาขาร้านอาหารไปเรื่อย ๆ แล้วจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนนี้ล่ะ การใช้จ่ายให้หมดในคราวเดียวนั้นไม่ดีเลย ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง
ฉินซือออกมาจากห้องน้ำ เขาเช็ดผมด้วยผ้าขนหนู พลางเหลือบมองลู่ฉิวเยว่ และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้ววางผ้าเช็ดตัวไว้บนหัวของเธอ “เริ่มดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ยอมเช็ดผมให้แห้งอีกแล้วเหรอ?”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะ “ลืมนี่นา”
แม้ว่าฉินซือจะพูดเหมือนดุ แต่เขาก็ขยับมือเช็ดผมของเธออย่างอ่อนโยน จนผมแห้งอย่างรวดเร็ว
หลังจากดูสมุดบัญชีแล้ว เธอก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ช่วงนี้ฉันทำเงินได้เยอะมาก”
“นั่นไม่เลวเลย” ลู่ฉิวเยว่เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งทำให้ฉินซือรู้สึกมันเขี้ยวจนต้องหยิกแก้มเธอสักที
เมื่อพูดเรื่องเงิน ลู่ฉิวเยว่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “วันนี้ฉันติดต่อกับคนฮ่องกงเพื่อซื้อสินค้าจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อของมาถึงท่าเรือ ฉันต้องให้ใครสักคนมาส่งสินค้าให้ และค่าขนส่งก็ราคาหลายร้อยเหรียญ ถ้ามีเวลาฉันคงจะไปเอง เช่ารถนั้นไม่แพงเท่าไหร่ แถมยังขนผลไม้จากทางใต้มาขายได้ด้วย คงจะดีกว่ามาก”
ฉินซือวางผ้าเช็ดตัวไว้บนเก้าอี้แบบสบาย ๆ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเธอที่มีท่าทางเหมือนคนหมกมุ่นเรื่องเงิน “ลู่ฉิวเยว่ คุณทำเงินได้เยอะขนาดนี้ โดยไม่พักได้ยังไง คุณยุ่งจนหัวหมุนเหมือนลูกข่าง คุณจะไม่ให้เวลาตัวเองพักผ่อนบ้างเลยเหรอ?”
เมื่อลู่ฉิวเยว่คิดดู ก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เพราะตั้งแต่ทั้งสองกลับมาจากฮ่องกง เธอก็ไม่ได้พักผ่อนเลย ไม่ว่าจะขายเทปหรือไปโรงเรียน และยังมีอีกหลายเรื่อง เช่นการขายผลไม้และคุมร้านอาหาร
“เอาล่ะ รีบไปนอนกันดีกว่า” ฉินซือหยิบเครื่องเป่าผมมาเป่าผมเธอให้แห้งสนิท ก่อนจะลูบไหล่เธอ แล้วเร่งเร้า
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า รีบเก็บของ แล้วเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม
“พรุ่งนี้ออกไปเดินเล่นกันไหม?” ฉินซือเข้ามาจูบหลังคอของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่า
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ไปซื้อของที่ห้างกัน” หลังจากทำเงินได้มากมาย เธอก็คิดอยากจะซื้อของให้ทุกคนอยู่เสมอ และจัดโต๊ะอาหารเพื่อเฉลิมฉลองด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน แล้วซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเสื้อผ้ากันหนาวมากมายให้กับทุกคน
ตอนนี้หน้าหนาวแล้ว ถึงเวลาซื้อเสื้อผ้าใหม่
จากนั้นจัดเตรียมอาหารเย็นที่บ้านของคุณพ่อและคุณแม่ลู่ โดยบอกคุณลุงกับคุณป้าไว้ตอนเที่ยงว่า ถ้าพวกเขาสองคนไม่มีอะไรทำในช่วงบ่าย ก็ให้มาช่วยทำอาหารด้วยกัน
หลังรับประทานอาหาร ลู่ฉิวเยว่หยิบของขวัญออกมาแจกจ่ายให้ทุกคน
“โอ้โห หลานซื้อเสื้อผ้าให้เรามากมาย ตั้งแต่ตอนที่ไปฮ่องกงคราวนั้น แล้วตอนนี้ก็ยังซื้อมาให้อีก จะใส่หมดไหมเนี่ย?” ใบหน้าคุณป้าเต็มไปด้วยความสุข เธอยกเสื้อคลุมผ้าฝ้ายทาบกับตัว ยิ่งมองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชอบมันมากขึ้นเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเบา ๆ “ไม่มีใครคิดว่ามีเสื้อผ้าเยอะเกินไปหรอกค่ะ”
“ถูกต้อง” คุณแม่ลู่เห็นด้วย และสวมเสื้อผ้าใหม่ทันที
ในห้องนั่งเล่น บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก
ฉินซือเม้มปาก สีหน้าของเขาอ่อนโยนขณะบอกข่าวดี “ตอนนี้เซวียนเซวียนมีบ้านแยกส่วนตัวแล้ว อีกไม่นานเขาก็สามารถอยู่ที่นั่นได้แล้วครับ”
“จริงเหรอ? เยี่ยมไปเลย!” คุณป้ายิ้มกว้างจนถึงหู
ทุกคนมีความสุขมากขึ้นไปอีก พวกเขาขับรถพาคุณลุงและคนอื่น ๆ กลับบ้าน จนกระทั่งสี่ทุ่ม
ระหว่างทาง หวังเซวียนเซวียนมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง และจู่ ๆ ก็นึกถึงอะไรบางอย่าง “พี่ครับ คนที่ผมให้ช่วยขายเทปให้ บอกว่าอยากนำของเหล่านี้ไปขายต่างจังหวัดด้วย พี่คิดว่ายังไงครับ?”
ลู่ฉิวเยว่คิดสักครู่ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันคิดว่าดี”
เทปเพลงนั้นอัปเดตเร็ว ภายในหนึ่งหรือสองเดือน เพลงอื่น ๆ ก็เริ่มได้รับความนิยมแล้ว ยิ่งใหม่ก็ยิ่งดัง คนอื่นก็อยากติดตามหามาฟัง แต่ก็ต้องตามให้ทัน นี่คือข้อดีของธุรกิจพวกเขา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากต้องการขนส่งสินค้ามาจากฮ่องกง จะต้องยื่นขอใบอนุญาตก่อน ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนทั่วไปจะทำได้
และถึงจะทำได้ แต่สุดท้ายก็ต้องไปหาคู่ค้าที่ไว้ใจได้ในฮ่องกง สรุปว่า แม้ธุรกิจเทปจะทำในต่างจังหวัดได้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถแข่งขันกับพวกเขาในตลาดได้
หลังจากอธิบายเรื่องนี้กับหวังเซวียนเซวียน โดยละเอียดแล้ว นัยน์ตาเขาก็เป็นประกายขึ้นเรื่อย ๆ และอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ด้วยความชื่นชม “พี่เป็นนักธุรกิจที่เก่งมากจริง ๆ น่าทึ่งมากครับ”
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย จึงไอแห้ง ๆ
เมื่อเธอลงจากรถ คว้าแขนเสื้อของลูกพี่ลูกน้อง แล้วพูดกับเขาว่า “ฉันได้เพลงล่าสุดมาจากฮ่องกงแล้ว และตอนนี้ฉันก็อัดไปเยอะแล้ว ใกล้จะขายได้เร็ว ๆ นี้ ไปบอกลูกน้องสองคนของนายให้เตรียมตัวให้พร้อม”
“ได้เลยครับพี่” หวังเซวียนเซวียนรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะพยักหน้าหลายครั้ง
พวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าเทปของพวกเขาขายดีมาก จนเกือบจะผูกขาดธุรกิจเทปในพื้นที่นี้ ซึ่งดึงดูดความสนใจของพวกคนขายวิดีโอหลายราย
พวกเขาทำธุรกิจเทปในย่านนี้มาเป็นเวลานานแล้ว รายได้ก็ค่อนข้างดี คาดไม่ถึงว่าเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่ง จะเริ่มขายเทปละเมิดลิขสิทธิ์แบบพวกเขา โดยไม่รู้ว่าเขาได้มันมาจากไหน แต่ได้มาในราคาถูกกว่าของพวกเขามาก ทำให้สามารถขายถูกกว่าพวกเขาได้
เมื่อมีเทปราคาถูกขาย ลูกค้าก็ไม่ยอมซื้อของพวกเขา คนที่มารับซื้อรายก่อน ๆ บอกว่าพวกเขาจะขาดทุน จึงหยุดการซื้อขาย และไม่เต็มใจจะร่วมมือกับพวกเขาอีกเลย
พ่อค้าหลายรายถูกแย่งลูกค้า ยิ่งพวกเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น หลังจากการช่วยกันสืบ พวกเขาก็พบว่าเป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อลู่ฉิวเยว่
หากเป็นนักธุรกิจธรรมดา พวกเขาคงสอนบทเรียนให้แล้ว แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะมีตระกูลฉินคอยหนุนหลังเธออยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่นในตอนนี้
แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเฝ้าดูตลาดของตัวเองถูกคนอื่นแย่งชิงไป หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ก็มีคนคนหนึ่งคิดวิธีแก้ปัญหาได้ในที่สุด
“หรือว่าพวกเราจะเริ่มลงมือจัดการ ตัวแทนจำหน่ายเทปสองคนของลู่ฉิวเยว่ก่อนดี? ลู่ฉิวเยว่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา เลยยังไม่สามารถเล่นงานเธอได้ แต่ถ้าเล่นงานลูกสมุนสองคนนั้นก็ง่ายมาก”
ทันทีที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา คนในกลุ่มก็เห็นด้วย
วันหนึ่ง ขณะที่ลู่ฉิวเยว่อยู่ที่บ้าน หวังเซวียนเซวียนก็มาหา เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเขา เธอก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?”
“เมื่อกี้มีคนมาหาผม แล้วบอกผมว่าสองคนที่ช่วยผมขายเทปโดนซ้อมครับ” หวังเซวียนเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “บางทีอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเรื่องขายเทปครับ”
ลู่ฉิวเยว่ตกใจ “คนพวกนั้นเป็นอะไรมากไหม?”
หวังเซวียนเซวียนส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรมากครับ”
ลู่ฉิวเยว่พาเขาออกไปซื้อผลไม้และอาหารเสริมข้างนอก ก่อนจะจ้างรถสามล้อไปโรงพยาบาลด้วยกัน เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
วอร์ดเป็นห้องเตียงคู่ สองคนนั้นพักอยู่ด้วยกัน เมื่อลู่ฉิวเยว่และหวังเซวียนเซวียนเข้าไปในห้อง ก็มีคนอยู่ในนั้นหลายคน พวกเขาน่าจะเป็นญาติของทั้งสอง
เมื่อนึกถึงอาการของทั้งสอง ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เธอกระแอม แล้ววางอาหารเสริมในมือลงบนโต๊ะ “สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้าทุกคน”