สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 237 ลูกพี่ลูกน้องหมั้นหมาย
บทที่ 237 ลูกพี่ลูกน้องหมั้นหมาย
ลู่ฉิวเยว่เข้าใจแล้ว นี่เป็นการขอให้เซวียนเซวียนพยายามจัดการกับเรื่องนี้มากขึ้น
เธอเหลือบมองหญิงสาวข้าง ๆ แล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ตอนนี้ลุงของฉันก็เร่งเร้าเหมือนกัน เดี๋ยวฉันจะบอกเซวียนเซวียนว่าควรพยายามให้มากกว่านี้นะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งคู่ก็พึงพอใจมาก และมีข้อตกลงร่วมกัน
ปัญหาเรื่องขายผลไม้เกือบคลี่คลายแล้ว ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกว่าภาระที่เธอแบกรับนั้นหายไปแล้ว จึงโล่งใจมาก หลังจากคิดดูเธอก็ไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านลุงมาสักระยะหนึ่งแล้ว เธอจึงเลือกซื้ออาหารเสริมแล้วไปให้เขา
คุณป้าออกมาเปิดประตู เมื่อเห็นเธอมา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วรีบเปิดประตูให้เธอเข้าไป “ทำไมฉิวเยว่ถึงมาที่นี่ วันนี้ไม่ยุ่งเหรอจ๊ะ?”
“ค่ะ พอดีจัดการงานเสร็จแล้วค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะวางอาหารเสริมลงบนโต๊ะ
ป้าของเธอเดินไปที่ห้องครัว เพื่อนำน้ำและผลไม้ออกมาให้เธออย่างร่าเริง
ลู่ฉิวเยว่ทักทายเธอ แล้วถามขึ้นทันทีว่า “วันนี้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ เซวียนเซวียนไปไหนเหรอคะ?”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ลูกพี่ลูกน้องมาทั้งที ยังไม่ออกมาพูดคุยกันอีก ป้าจะไปเรียกเขามาเอง ไม่สุภาพเลยจริง ๆ” เมื่อคุณป้าพูดจบ เธอก็หงุดหงิดเล็กน้อย และอยากจะไปเคาะประตูห้องหวังเซวียนเซวียนเสียเดี๋ยวนี้
ลู่ฉิวเยว่รั้งเธอไว้ “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูจะไปคุยกับเขาเอง เขาน่าจะซ่อมเครื่องจักรอยู่ข้างในเลยไม่ได้ยินเสียงค่ะ”
พูดจบเธอก็เดินไปเคาะประตู เมื่อมีเสียงตอบรับจากข้างใน เธอก็เปิดประตูเข้าไป
“พี่สาว” นัยน์ตาของหวังเซวียนเซวียนฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะรีบเก็บชิ้นส่วนกลไกที่กองอยู่บนเก้าอี้ เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับเธอ
ลู่ฉิวเยว่มองชิ้นส่วนต่าง ๆ เหล่านั้น และไม่ต้องการรบกวนเวลาของเขามากเกินไป เธอจึงเข้าประเด็น “วันนี้ฉันไปกินข้าวนอกบ้านกับครอบครัวของหวงฉีฉีมา”
ท่าทางผ่อนคลายแต่เดิมของหวังเซวียนเซวียน กลับกลายเป็นตึงเครียดและจริงจังทันที
เมื่อลูกพี่ลูกน้องมาพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
“เรื่องระหว่างนายกับหวงฉีฉีตอนนี้เป็นยังไงบ้าง มันก็นานมากแล้วน่ะ นายยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่ให้ชัดเจนเหรอ?” ลู่ฉิวเยว่นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วมองเขาด้วยแววตาหยอกล้อ
ใบหน้าของหวังเซวียนเซวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาเกาหัวลังเลอยู่นาน ก่อนจะพูดอย่างเขินอาย “หวงฉีฉีกับผมไปกันได้ดีมาก แต่ว่า… “
ลู่ฉิวเยว่มองออก “นายเขินอายเกินกว่าจะบอกพ่อแม่เหรอ?”
หวังเซวียนเซวียนพยักหน้า แล้วมองดูเธออย่างกระตือรือร้น หวังว่าลูกพี่ลูกน้องจะให้คำแนะนำแก่เขาได้
“นี่จัดการได้ไม่ยากเลย” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะ “ตอนนี้พ่อแม่ของเธอจำนายได้แล้ว นายก็แค่เอาของขวัญไปเยี่ยมก็ได้ ฉันจะไปกับนายที่นั่นด้วย แล้วดูว่าพวกเขาจะพูดยังไง”
หวังเซวียนเซวียนกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณครับพี่”
ลู่ฉิวเยว่โบกมือ มันเป็นเรื่องเล็กน้อย และเธอรู้สึกจริง ๆ ว่าครอบครัวของสาวน้อยหวงฉีฉีนั้นดีมาก และนิสัยก็เข้ากับลูกพี่ลูกน้องของเธอได้
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าฉินซือบอกจะทำอาหารเองเมื่อวานนี้ ลู่ฉิวเยว่จึงปฏิเสธคำชวนของคุณป้าที่จะให้อยู่ต่อ และพูดคุยกับหวังเซวียนเซวียนสักพักหนึ่ง จึงกลับบ้าน
ต้องบอกว่าคุณพ่อหวงทำงานมีประสิทธิภาพมาก ในช่วงบ่ายของวันต่อมา ลู่ฉิวเยว่ก็ได้รับสายโทรศัพท์ของเขา
“คุณหวงเหรอคะ?” เธอแปลกใจเล็กน้อยเมื่อรับสาย
คุณพ่อหวงยิ้มกว้าง “วันนี้ผมได้ติดต่อสหกรณ์ด้านอุปทาน และการตลาดหลายแห่งให้คุณแล้ว มันผ่านไปด้วยดี ถ้าคุณมีเวลาก็มาเซ็นสัญญาได้เลย ทางที่ดีควรรีบหน่อยนะครับ”
“ดีมากเลยค่ะ ช่วงนี้ฉันมีเวลาว่างพอดี คุณหวงสะดวกเวลาไหนค่ะ ฉันสามารถไปได้เลย” ลู่ฉิวเยว่รู้สึกประหลาดใจมาก และแทบรอไม่ไหวที่จะบอกว่า เช้านี้ผลไม้ถูกขนออกจากโกดังแล้ว หากเป็นไปได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะเกรงว่ามันจะเน่าเสียก่อน
“งั้นเรามาพบกันที่โรงแรมจั่งเฉิง ตอนบ่ายสามโมงวันนี้จะได้ไหมครับ?”
ลู่ฉิวเยว่เหลือบมองเวลา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว เธอยังพอมีเวลาเตรียมตัว จึงตอบว่า “ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณหวง”
หลังจากวางสายเธอก็รีบไปแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกเดินทาง
บ่ายสองโมงครึ่งก็ไปถึงโรงแรม
“ฉิวเยว่ ทางนี้” คุณพ่อหวงเดินเข้ามาทักทายเธอ
เมื่อลู่ฉิวเยว่ได้ยิน ก็หันไปมอง และเห็นว่ามีคนหลายคนมารออยู่แล้ว เธอเดินเข้าไปอย่างประหม่า “ฉันปล่อยให้ทุกคนรอนาน ขอโทษด้วยค่ะ”
“ไม่ ๆๆ พวกเราก็เพิ่งมาถึงครับ” ทุกคนเป็นเพื่อนเก่าที่ทำงานกับคุณพ่อหวง และพวกเขาก็สุภาพกับเธอมาก
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนนั่งทานอาหารร่วมกัน ยืนยันเงื่อนไขของสัญญาและลงนามในสัญญา
หลังจากได้รับเงินมัดจำแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็รับรองว่า “ฉันจะตรวจสอบคุณภาพของผลไม้เหล่านี้ก่อนส่งให้พวกคุณ พวกคุณไม่ต้องกังวลนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็รู้สึกว่าเธอจริงใจมาก จึงเอ่ยชมเธอซ้ำ ๆ “คุณลู่มีน้ำใจตั้งแต่อายุยังน้อย พวกเรามั่นใจ และยินดีที่ได้ร่วมมือกันครับ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วออกมาส่งพวกเขาพร้อมกับคุณพ่อหวง เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของเธอมีคุณสมบัติเหมาะสม ก่อนที่จะส่งไปให้พวกเขา ส่วนหนึ่งก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา อีกส่วนคือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทขึ้น เธอจะได้สบายใจ
นอกจากนี้เธอไม่เคยขายผลไม้มาก่อน เธอจึงกังวลมากว่าผลไม้จะเน่าเสีย
ในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอไปตรวจสอบที่โกดังก็พบว่าผลไม้ไม่เน่าเสียโชคดีจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน คนจากสหกรณ์และการตลาด ก็มารับมอบสินค้าอย่างราบรื่น
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องการขายผลไม้ เธอก็สบายขึ้นมาก ลู่ฉิวเยว่เดินทางไปกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ ทั้งสองช่วยกันเลือกของขวัญที่จะนำไปมอบให้กับครอบครัวหวง และยังนัดหมายเวลากับคุณพ่อหวงไว้ด้วย เพื่อจะไปเยี่ยมบ้านสกุลหวง
ทั้งสองครอบครัว ย่อมเข้าใจจุดประสงค์ของการมาเยือนครั้งนี้อยู่แล้ว พ่อแม่สกุลหวงต้อนรับพวกเขาอย่างชื่นมื่น และชงชาชั้นดีมาต้อนรับพวกเขา
ลู่ฉิวเยว่เข้าไปในบ้าน และเห็นว่ามีผู้สูงอายุสองคนอยู่ข้างใน พวกเขาน่าจะเป็นปู่ย่าหรือไม่ก็ตายายของหวงฉีฉี เธอทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ
“เอาล่ะ นั่งลงเถอะ อย่าสุภาพมากไปเลย” ผู้เฒ่าทั้งสองมองด้วยสายตาเปี่ยมเมตตา ขณะบอกให้พวกเขานั่งลงก็มองไปที่หวังเซวียนเซวียน
บางทีพ่อแม่สกุลหวง น่าจะเคยยกย่องหวังเซวียนเซวียนต่อหน้าชายชรา ทั้งสองคนจึงดูพึงพอใจมาก
“เคยได้ยินฉีฉีของเราพูดถึงคุณมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอคุณ คุณเป็นเด็กดีจริง ๆ” หญิงชราที่มีรอยย่นบนใบหน้าคลี่ยิ้ม ส่วนหวงฉีฉีที่นั่งอยู่ด้านข้างก็แก้มแดงราวกับลูกตำลึง
ครอบครัวหวงเข้ากับคนได้ง่าย หวังเซวียนเซวียนรู้สึกกังวลเล็กน้อยในตอนแรก แต่ต่อมา เมื่อได้เริ่มพูดคุยกับพวกเขา ก็รู้สึกว่าบรรยากาศดีขึ้นมาก
คุณพ่อหวงไม่ลืมจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้ และพูดสัพยอก “เมื่อไหร่เซวียนเซวียนจะมาปักหลักอยู่กับฉีฉีของเรากันนะ?”
ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่ที่โต๊ะก็มองหวังเซวียนเซวียนโดยไม่รู้ตัว ทำให้หูของเขาแดงก่ำ ก่อนจะมองหวงฉีฉีโดยไม่รู้ตัว “ผมตามใจฉีฉีน่ะครับ”
“เด็กคนนี้น่าจะเป็นคนกลัวภรรยานะนี่” ชายชราหัวเราะ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความสุขในสายตาได้
หวงฉีฉีกัดฟัน และแอบเตะเขาใต้โต๊ะด้วยความเขินอายระคนหงุดหงิด
เมื่อเห็นว่าคู่รักหนุ่มสาวทั้งสองเขินอาย ลู่ฉิวเยว่จึงพูดว่า “เรามาคุยเรื่องหมั้นหมายกันดีไหมคะ พวกคุณคิดยังไง?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หวงฉีฉีก็ไม่สามารถนิ่งเงียบได้อีกต่อไป เธอเหลือบมองหวังเซวียนเซวียนข้างเธอด้วยความเขินอาย แล้วรีบพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็ดีค่ะ”