สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 236 จับคู่ลูกพี่ลูกน้องกับหวงฉีฉี
บทที่ 236 จับคู่ลูกพี่ลูกน้องกับหวงฉีฉี
“เชิญเข้ามาได้” เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากข้างใน
ลู่ฉิวเยว่เปิดประตู ผู้จัดการแผนกที่เป็นชายวัยกลางคนวัยสี่สิบมองเธอด้วยความสงสัย
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ ฉันนำเข้าผลไม้มาจากทางใต้ชุดหนึ่ง ไม่ทราบว่าทางห้างสรรพสินค้าของคุณ มีความสนใจจะร่วมมือกันไหมค่ะ”
ทันทีที่ชายคนนั้นได้ยินคำว่าผลไม้จากทางใต้ นัยน์ตาก็เป็นประกายขึ้นทันที แล้วชี้ไปยังเก้าอี้ตรงหน้า “เข้ามาคุยกันก่อนเถอะครับ”
ลู่ฉิวเยว่ถือกระเป๋าเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างมีมารยาท “ฉันนำเข้าฝรั่งชุดหนึ่ง และเสาวรสจำนวนหนึ่งมาจากทางใต้ ถ้าคุณต้องการ ก็สามารถเจรจากันได้ค่ะ”
เธอนำรูปถ่ายผลไม้ที่ซื้อมาทางใต้ออกจากกระเป๋า เพื่อให้เขาเห็นคุณภาพของผลไม้
ชายคนนั้นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ก็ดูดีนะ แต่เราไม่สามารถพูดถึงเรื่องราคา และการทำสัญญาได้จนกว่าเราจะเห็นของจริง”
“ต้องบอกว่าตอนนี้ยังอยู่บนรถไฟค่ะ ยังไม่ได้ขนส่งมาถึงที่นี่ คุณคิดว่าเราจะสามารถ…” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็ประหม่าเล็กน้อย
ทันทีที่เขาได้ยินว่าของยังมาไม่ถึง สายตาเขาก็เปลี่ยนไปทันที “ไป ๆๆ ไม่มีใครกล้าหารือเรื่องความร่วมมือกับคุณ โดยไม่ได้เห็นสินค้าจริงหรอก”
หลังจากพูดแล้ว เขาก็รีบสั่งให้คนข้างนอกมาไล่เธอออกไป ไม่ว่าลู่ฉิวเยว่จะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ราวกับว่าเธอถูกมองว่าเป็นพวกต้มตุ๋น
ลู่ฉิวเยว่ถือกระเป๋า เดินออกจากห้างสรรพสินค้าด้วยความผิดหวัง ทั้งยังท้อแท้เล็กน้อย วันนี้เริ่มต้นได้แย่จริง ๆ
จากนั้นเธอก็ไปเจรจากับห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่ง สุดท้ายเธอก็สามารถเจรจากับห้างสรรพสินค้าเล็ก ๆ เท่านั้น ส่วนที่เหลือต้องการซื้อในราคาที่ต่ำเกินไป หรือไม่เต็มใจที่จะมีคำสั่งซื้อ หากไม่ได้เห็นสินค้าจริง
เมื่อเห็นว่าเกือบจะหกโมงเย็นแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับบ้านก่อน
“ใครกันทำให้คุณไม่สบายใจครับ?” เมื่อเปิดประตูแล้วเข้าไปข้างใน ฉินซือก็อยู่ที่บ้านแล้ว เมื่อเห็นหน้าตาเศร้าสร้อยของเธอ เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า “วันนี้ฉันไปเจรจาขายผลไม้กับหลายบริษัท สุดท้ายก็ได้แต่เจรจากับห้างสรรพสินค้าเล็ก ๆ ยังมีผลไม้อีกมากมายที่ยังเสนอขายไม่ได้”
ฉินซือพาเธอไปล้างมือที่ห้องครัว แล้วจัดอาหารให้เธอด้วยตัวเอง ก่อนจะปลอบใจเธอด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ผมจะช่วยคุณเอง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะลองอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ผลฉันจะกลับมาบอกคุณค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ตักซี่โครงชิ้นหนึ่งใส่ชาม แล้วเอ่ยปฏิเสธ
ฉินซือไม่ค่อยพอใจเมื่อเห็นเธอดื้อรั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้เธอไม่ได้ทำตัวห่างเหินเหมือนช่วงก่อนแต่งงานมากแล้ว อย่างน้อยเธอก็คงจะขอความช่วยเหลือจากเขา ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังลำบาก
“ก็ได้ครับ ถ้าคุณไม่มีหนทางจริง ๆ ก็มาขอความช่วยเหลือจากผมได้” ฉินซือหัวเราะเบา ๆ แล้วตักเนื้อสองชิ้นให้เธอ “กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงขายของ”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้ม แล้วตักให้เขาสองชิ้น
วันต่อมา ลู่ฉิวเยว่แต่งหน้าเบา ๆ แล้วออกไปข้างนอกอย่างเปี่ยมพลังอีกครั้ง
เป้าหมายยังคงเป็นห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในเมืองหลวง
“พี่ลู่”
ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านข้าง ลู่ฉิวเยว่หันหน้าไปมอง ก็เห็นหวงฉีฉี คุณพ่อหวง และคุณแม่หวงเดินตามหลังเธอมา
เธอหัวเราะเบา ๆ “เสี่ยวฉีก็อยู่ที่นี่ด้วย”
“ค่ะ พี่ลู่ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” หวงฉีฉีวิ่งถือกระเป๋ามากอดแขนเธอด้วยความดีใจ
หวงฉีฉีและหวังเซวียนเซวียนสนิทกัน และลู่ฉิวเยว่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอเช่นกัน ลู่ฉิวเยว่จึงไม่ได้ปฏิเสธการเข้าใกล้ของเธอ แต่ลูบหัวของเธอเบา ๆ “อืม ไม่เจอกันนานเลย ถ้ามีเวลาก็มานั่งเล่นที่บ้านของพี่สิ”
หวงฉีฉีพยักหน้า
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าให้คนที่อยู่ข้างหลังเธออีกครั้ง “คุณหวงและคุณนายหวง”
“เรามาเลี้ยงอาหารกลางวันฉิวเยว่กันเถอะ” คุณพ่อหวงเหลือบมองนาฬิกา แล้วเสนอ “ตอนนี้เที่ยงแล้ว คุณลู่ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหมครับ?”
คุณแม่หวงก็เชื้อเชิญ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ยังไม่ได้ทานค่ะ ขอบคุณคุณหวงสำหรับคำชวนนะคะ”
พูดจบ ทุกคนก็เดินออกไปนอกห้างสรรพสินค้าด้วยกัน
ร้านอาหารถูกเลือกโดยคุณพ่อหวง เป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีใกล้กับห้างสรรพสินค้า
คุณแม่หวงเป็นคนพูดเก่ง คุ้นเคยกับการใช้สำนวนโวหาร บนโต๊ะอาหารกลางวันจึงไม่เงียบเหงา การสนทนามีชีวิตชีวาขึ้นมาก
“โอ้ ฉันอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยจังเลย” หวงฉีฉีพูดทันทีด้วยแววตาปรารถนา
คุณพ่อหวงประหลาดใจ “ลูกมีความคิดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ลูกสาวไม่เคยบอกเขามาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน การเรียนหนังสือให้มากขึ้นย่อมถูกต้องเสมอ
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้ว “ตอนนี้ฉันก็กำลังเตรียมตัวสอบอยู่เหมือนกัน และเข้าเรียนในโรงเรียนกวดวิชาด้วย เราจะได้อยู่ด้วยกันแน่นอน”
“จริงเหรอ? ดีจังค่ะ!” ดวงตาของหวงฉีฉีเป็นประกาย ขณะมองเธอด้วยความดีใจ
เดิมทีความคิดนี้ยังไม่ค่อยแน่นอน แต่ตอนนี้มันเริ่มแน่นอนแล้ว
เธอแทบรอไม่ไหว ที่จะถามเกี่ยวกับชั้นเรียนกวดวิชาของลู่ฉิวเยว่ ส่วนลู่ฉิวเยว่ก็อธิบายให้เธอฟัง
“ว่าแต่พี่ลู่มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเหรอคะ? เดี๋ยวไปร้านหนังสือ และหาอุปกรณ์เตรียมสอบด้วยกันทีหลังไหมคะ?” หวงฉีฉีนั่งข้างลู่ฉิวเยว่ ด้วยท่าทางเหมือนเกาะติดเธอ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกเศร้า และถอนหายใจ “ไม่ได้หรอก ตอนนี้ฉันยังไม่มีเวลาเลย ฉันนำเข้าผลไม้จำนวนมากจากทางภาคใต้มา เมื่อกี้ไปถามคนที่ห้างสรรพสินค้ามาว่าต้องการรับซื้อไปขายต่อหรือเปล่า เดี๋ยวจะต้องไปคุยที่อื่นต่อน่ะ”
“นี่เป็นเรื่องง่ายมาก พี่คุยกับพ่อของฉันสิคะ!” เมื่อหวงฉีฉีได้ยินดังนั้น ก็รีบบอกเธออย่างกระตือรือร้น พร้อมเผยรอยยิ้มหวาน
คุณพ่อหวงหัวเราะ “นี่เป็นเรื่องง่าย ถ้าคุณสนใจ ก็สามารถนำผลไม้มาขายให้ผมได้”
ลู่ฉิวเยว่ประหลาดใจ
หลังจากการอธิบายแล้ว ก็รู้ว่าคุณพ่อหวงมีโกดังขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นด้านหลังห้างสรรพสินค้า ปกติแล้วสหกรณ์จะจัดหาสินค้าและการตลาด รวมถึงผู้ขายรายอื่นมักจะมาซื้อสินค้าจากพวกเขา
“ขอบคุณคุณหวงมากนะคะ” ลู่ฉิวเยว่กล่าวขอบคุณ
คุณพ่อหวงโบกมือ “เรื่องเล็กน้อยครับ”
ผลไม้ภาคใต้มีน้อยในภาคเหนือ ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ได้ และ…
คุณพ่อหวงเหลือบมองลูกสาวที่อยู่ตรงข้าม
ลูกสาวของเขารู้สึกดีกับลูกพี่ลูกน้องของลู่ฉิวเยว่ หากให้ความช่วยเหลือ ก็สามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองครอบครัวได้
คุณแม่หวงรู้ทันทีว่าสามีของเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ เธอค่อนข้างพึงพอใจหวังเซวียนเซวียนเช่นกัน เธอจึงถามลู่ฉิวเยว่ด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอเซวียนเซวียนมานานแล้ว ช่วงนี้เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”
ลู่ฉิวเยว่เหลือบมองเด็กสาวที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งจู่ ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา จากนั้นมองไปยังคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงข้าม แล้วเธอก็เข้าใจว่าแผนการของพวกเขาคืออะไร
เธอชอบหวงฉีฉีมาก เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของหวังเซวียนเซวียน ที่มีต่อหวงฉีฉี ก็ดูเหมือนว่าเขาจะชอบเธอเช่นกัน จึงจงใจจะจับคู่ให้พวกเขา เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาเข้าร่วมการแข่งขันเทคโนโลยีและได้รับรางวัลค่ะ จากนั้นก็พัฒนาเทคโนโลยีบางอย่างในโรงงาน ตอนนี้ทางโรงงานบอกว่าจะจัดห้องทำงานส่วนตัวให้เขา เพราะตำแหน่งงานขึ้นมาเป็นระดับสูงแล้วค่ะ” น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความภาคภูมิใจและความสุข
“ประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย เซวียนเซวียนคนนี้เป็นเด็กที่เก่งมากจริง ๆ” คุณแม่หวงพูดแฝงความนัย เมื่อเห็นใบหูของลูกสาวแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ
“เก่งมากจริง ๆ แต่เด็กหนุ่มก็คงรู้สึกเหงาบ้าง ทำไมจนถึงตอนนี้ เขายังไม่พูดถึงเรื่องแฟนสาวบ้างเลย” คุณพ่อหวงก็พยักหน้าเช่นกัน
เขาเข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวหวังเซวียนเซวียน และลู่ฉิวเยว่ก็เป็นคนดีเช่นกัน ถ้าลูกสาวของเขาแต่งงานกับหวังเซวียนเซวียนได้ เขาคงจะพอใจมาก