สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 232 ไปฮ่องกงกับฉินซือ
บทที่ 232 ไปฮ่องกงกับฉินซือ
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อโจวเฉิงวางสาย คนที่อยู่ข้างเขาดูลังเลที่จะพูด
โจวเฉิงเหลือบมองเขา “ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาได้เลย”
หลี่เช่อจิบชาก่อนให้คำแนะนำเขา “ลู่ฉิวเยว่คนนี้เป็นคนที่มาจากชนบท ฉินซือ สามีของเธอก็ไม่ได้ทำธุรกิจเช่นกัน ถ้าพูดถึงค่าเช่าร้านในทำเลที่ดี คิดว่าพวกเธอคงไม่รู้เรื่องนี้มากนัก”
โจวเฉิงลังเลเล็กน้อย จะต้องมีการลงนามในข้อตกลงรักษาความลับ และค่าเช่าสำหรับแต่ละสถานที่ก็แตกต่างกัน เป็นเรื่องจริงที่ลู่ฉิวเยว่ไม่รู้เรื่องนี้ แต่การทำแบบนี้จะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?
“ว่ายังไงครับ?” ดวงตาของหลี่เช่อเป็นประกายเล็กน้อย
ในที่สุดโจวเฉิงก็พยักหน้า
วันต่อมา ขณะที่ลู่ฉิวเยว่กำลังตรวจสอบสมุดบัญชีของร้านอาหาร และตรวจสอบว่าสุขอนามัยว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ จู่ ๆ พนักงานเสิร์ฟก็มาบอกว่า “เจ้านาย มีคนมาหาคุณอยู่ข้างนอกครับ”
ลู่ฉิวเยว่หันไปเห็นเหอคุนเฟิ่งเดินถือกระเป๋าเข้ามา
“เหอคุนเฟิ่ง ทำไมคุณถึงมาที่นี่?” ลู่ฉิวเยว่ไม่มีความประทับใจในตัวเธอมากนัก และไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาหาตนอีกครั้ง
เหอคุนเฟิ่งยิ้มอ่อน แล้วเลือกโต๊ะนั่งตามใจ “ฉันมาที่นี่เพื่อกินข้าว และต้องการแสดงความยินดีกับคุณด้วยค่ะ” เธอได้ยินเรื่องการทำอาหารของลู่ฉิวเยว่ในโรงแรมจากพ่อของเธอ และยังได้เห็นสัญญาเมื่อวานก่อนจะมาที่นี่วันนี้
มือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ ลู่ฉิวเยว่นั่งลงตรงข้ามเธอด้วยสีหน้าอ่อนโยน แล้วบอกพนักงานเสิร์ฟให้นำชาที่เธอซื้อเมื่อวานมาเสิร์ฟ
ทั้งสองพูดคุยกันสักครู่ จากนั้นลู่ฉิวเยว่ก็ออกไปที่ร้านขายยา เธอมีอย่างอื่นที่ต้องทำ อีกทั้งเหอคุนเฟิ่งก็บอกเองว่ามาที่นี่เพื่อกินข้าว เธอจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ต้อนรับ
วันต่อมา เดิมทีลู่ฉิวเยว่ต้องการไปโรงเรียน แต่เธอไม่คิดว่าโรงแรมจะโทรมาบอก ว่าวันนี้ต้องเซ็นสัญญา เธอจึงขอหยุดเรียนอีกหนึ่งวัน
เมื่อไปถึงห้องที่ระบุไว้จากการคุยโทรศัพท์ ลู่ฉิวเยว่ก็เคาะประตู ในไม่ช้าก็มีเสียงจากข้างใน เธอเปิดประตูเข้าไป แล้วเห็นชายคนหนึ่ง
หลังจากทักทายกันอย่างเป็นกันเองแล้ว ทั้งสองคนก็เริ่มทำสัญญาทันที โดยไม่พูดอ้อมค้อม
ลู่ฉิวเยว่อ่านสัญญาอย่างจริงจัง แต่เพียงแค่มองปราดเดียว เธอก็สังเกตเห็นว่ามันแปลกไป “ทำไมราคาถึงสูงขนาดนี้ล่ะคะ?”
เธอจำได้ว่าเหอคุนเฟิ่งที่มาเมื่อวาน บอกว่าค่าเช่าประมาณแปดร้อยต่อเดือน แล้วจู่ ๆ จะเป็นพันกว่าต่อเดือนได้อย่างไร?
ผู้รับผิดชอบอีกฝ่ายขมวดคิ้ว ดูไม่ค่อยพอใจ แต่เขายังคงพูดอย่างมั่นใจ “ทำเลนี้ดีที่สุดในโรงแรมแล้ว ราคาแพงสักหน่อยย่อมเป็นเรื่องปกติ กรุณารีบเซ็นสัญญา อย่าทำให้พวกเราต้องเสียเวลาเปล่ากันทั้งคู่เลยนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันจะกลับไปหารือกับครอบครัวของฉันก่อน” ลู่ฉิวเยว่ไม่เชื่อคำพูดของเขา จึงหาข้อแก้ตัวเพื่อกลับไป
ชายคนนั้นเม้มปากด้วยความไม่พอใจ
ฉินซือกลับมาในบ่ายวันนี้ และทำอาหารเย็นด้วยตัวเอง ลู่ฉิวเยว่จึงได้กินอาหารเย็นทันทีที่กลับไป
“เป็นอะไรไป ดูหงุดหงิดจัง” ฉินซือสังเกตเห็นว่าลู่ฉิวเยว่ไม่พูดอะไรเลย ตั้งแต่เธอกลับมา เขาจึงถามเธอตอนตักซุปให้
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว “เมื่อวานเหอคุนเฟิ่งมาที่ร้านเพื่อกินข้าวเย็น และแสดงความยินดีกับฉันที่ผ่านการประมูล แล้วยังบอกด้วยว่าค่าเช่าที่เขียนไว้ในสัญญาคือแปดร้อย คาดไม่ถึงว่าเมื่อฉันไปเซ็นสัญญาวันนี้ มันระบุไว้ว่าหนึ่งพันหนึ่งร้อย ฉันเลยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
ฉินซือลูบมือเพื่อปลอบใจเธอ “กินข้าวกันก่อน พรุ่งนี้ผมจะหาทนายความมาคุยกับคุณ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า สีหน้าผ่อนคลายลง ก่อนจะตักซี่โครงชิ้นหนึ่งให้เขา
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองออกไปสำนักงานกฎหมายที่เดียวกันกับครั้งที่แล้วด้วยกัน
“สวัสดี คุณฉินและคุณลู่ใช่ไหมครับ เชิญทางนี้เลยครับ” ทนายที่นัดหมายไว้มีสายตาเฉียบคม เพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเป็นพวกเขา จึงเดินเข้ามาถาม
ทั้งสองนั้นตรงเวลาจริง ๆ ไม่สายแม้แต่หนึ่งนาที
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “สวัสดีค่ะ ทนายจ้าว”
ทุกคนเดินเข้าไปนั่งในห้อง ลู่ฉิวเยว่อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียด ทนายจ้าวตั้งใจฟัง แล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องง่าย หากคุณไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็แค่ไปถามที่กรมสรรพากร หากตัวเลขไม่ตรงกัน ก็หมายความว่าพวกเขาโกงคุณ และคุณสามารถฟ้องพวกเขาข้อหาเลี่ยงภาษีได้”
ลู่ฉิวเยว่และฉินซือมองหน้ากัน ทั้งสองคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะมอบหมายให้ทนายจ้าวช่วยคดีนี้” ฉินซือพยักหน้า แล้วไปจ่ายค่าทนายพร้อมลู่ฉิวเยว่
ทนายจ้าวเก่งมาก ได้ยินมาว่าเขาไปที่โรงแรมเพื่อตามหาโจวเฉิงในบ่ายวันนั้นเลย แต่ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้สนใจเรื่องที่เหลือ และไม่ได้กลับไปโรงเรียน แต่กลับไปบริการแขกที่ร้านอาหารแทน
เนื่องจากคำแนะนำของเจียงฉี่ ทำให้ผู้คนจำนวนมากมาที่ร้านอาหาร บางส่วนก็เป็นคนดูแลสถานที่ เช่นโรงแรมและร้านอาหาร หลังจากเห็นสถานการณ์ของร้านอาหาร และชิมอาหารแล้ว พวกเขาก็อยากจะร่วมมือด้วย
ลู่ฉิวเยว่ไม่ปฏิเสธ และเริ่มมองหาโอกาสจากโรงแรมอื่น เพราะโรงแรมฉาอี่นั้นไม่จริงใจ เธออาจต้องเลือกพันธมิตรรายอื่น
ในตอนกลางคืน ลู่ฉิวเยว่กลับดึกอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะไม่เห็นฉินซือ เธอรอสักพักจึงจะเห็นว่าเขากลับถึงบ้าน
เขาเปิดประตูเข้ามา เธอกำลังวางจานและตะเกียบลงบนโต๊ะ แล้วหันไปยิ้มให้เขา “ทำไมวันนี้คุณกลับมาดึกจัง?”
ฉินซือเข้ามากอดเอวบางของเธอ ใบหน้าประทับอยู่บนคอของลู่ฉิวเยว่ “อีกไม่กี่วัน ผมจะไปฮ่องกงเพื่อเดินทางไปเจรจาธุรกิจ ต้องจัดการเรื่องบริษัทก่อน ถึงจะมั่นใจได้”
“ฮ่องกง… จะไปกี่วัน?” ลู่ฉิวเยว่หดคอ เมื่อถูกลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอ ก่อนจะเอ่ยถาม
ฉินซือพูดด้วยความเศร้า “หลายวันเลย คุณอยากไปกับผมด้วยไหม?” หลังจากแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน ทั้งสองก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้เจอเธอสองสามวัน ก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าแล้ว
ลู่ฉิวเยว่กะพริบตาและพยักหน้า “ไปสิคะ” เธอไม่เคยเห็นฮ่องกงในช่วงปีหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบ จึงอยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร
“ที่รักใจดีมาก” ฉินซือไม่คาดคิดว่าเธอจะยอมไปด้วยจริง ๆ เขาดีใจมาก และหอมแก้มเธออย่างแรง
ลู่ฉิวเยว่ผลักหัวของเขาออกไป “กินข้าว กินข้าว” เขาหอมเธอแรงมากจนทำให้เธอเจ็บ
ฉินซือเห็นใบหน้างามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง จึงกระแอมออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เขาตื่นเต้นเกินไปหน่อย จนไม่สามารถควบคุมแรงได้
ไปเพียงไม่กี่วัน ลู่ฉิวเยว่จึงไม่ได้เก็บสัมภาระไปมากนัก เธอเตรียมเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดและอุปกรณ์อาบน้ำนิดหน่อย ก่อนออกเดินทางไปกับฉินซือ
ในวันแรก ลู่ฉิวเยว่พาฉินซือออกไปเดินเล่น เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น และความอยากรู้อยากเห็น
ต่างจากแผ่นดินใหญ่ มีรถรางสองชั้นจำนวนมากบนท้องถนนในฮ่องกง และเสื้อผ้าของทุกคนก็ดูทันสมัยกว่าเสื้อผ้าในแผ่นดินใหญ่มาก ไม่น่าแปลกใจเลย ที่สไตล์ฮ่องกงจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในภายหลัง
สิ่งที่ดึงดูดลู่ฉิวเยว่มากที่สุด คือเครื่องสำอางที่ตระการตา ลู่ฉิวเยว่เข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าหลายแห่งติดต่อกัน ฉินซือไม่ค่อยรู้เรื่องของใช้ผู้หญิงเหล่านี้มากนัก เขาจึงเดินตามเธอเงียบ ๆ และช่วยจ่ายเงินให้เธอด้วยความพอใจ
ตอนที่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ลู่ฉิวเยว่ไม่เต็มใจใช้เงินของเขา แต่ตอนนี้ เมื่อสามารถช่วยจ่ายให้เธอได้อย่างเปิดเผย ฉินซือก็รู้สึกพึงพอใจมากขึ้น แต่งงานกันแล้วย่อมทำให้สบายใจกว่า