สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 229 หมูผัดเต้าเจี้ยวหวานปักกิ่ง
บทที่ 229 หมูผัดเต้าเจี้ยวหวานปักกิ่ง
ลู่ฉิวเยว่หรี่ตามองเขา แล้วดึงมือเขาที่หยิกแก้มเธอออก ก่อนจะพูดหยอกล้อ “คุณชมฉันเก่งเหลือเกิน”
ฉินซือใช้ตะเกียบคีบเนื้อแกะลงในชามของเธอ แล้วพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ขอบคุณสำหรับคำชมครับ คุณภรรยา”
“ช่างพูดดีนัก” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะ แล้วก้มหน้ามุ่งความสนใจไปที่การกิน
การประมูลรอบแรกเริ่มขึ้นในไม่ช้า ลู่ฉิวเยว่ตรวจสอบข้อมูลของตนเองอย่างรอบคอบ แล้วส่งไปยังสำนักงานประมูล
โจทย์การคัดเลือกเบื้องต้นคือสุขอนามัยของร้านอาหาร คุณสมบัติของคนทำอาหาร และการบริหารจัดการร้านอาหาร
ก่อนผลการคัดเลือกจะออกมา ลู่ฉิวเยว่ได้รับโทรศัพท์จากโจวเฉิง
เธอแปลกใจเล็กน้อย “คุณโจว มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ?”
โจวเฉิงหัวเราะเบา ๆ “คุณอยากจะให้สำนักงานประมูลเรียกตัวคุณเลยไหมครับ?”
ลู่ฉิวเยว่เข้าใจว่าเป็นเพราะเรื่องนี้
“ขอบคุณนะคะคุณโจว แต่ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ถ้าฉันผ่านได้อย่างราบรื่น ก็แสดงว่าฉันมีความสามารถ แต่ถ้าไม่ผ่าน ก็แสดงว่าทักษะของฉันด้อยกว่าคนอื่น ฉันจะไม่ฝืนหรอกค่ะ” หลังจากคิดแล้วเธอก็ปฏิเสธ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอมีความมั่นใจในร้านอาหาร ทั้งยังไม่ต้องการรับผลประโยชน์จากเขามากเกินไป
โจวเฉิงหัวเราะเสียงดัง “คุณหนูลู่คิดไตร่ตรองได้ละเอียดถี่ถ้วน งั้นผมจะไม่เข้าไปรบกวนแล้ว ขอให้คุณผ่านได้อย่างราบรื่นนะครับ”
ลู่ฉิวเยว่กล่าวลาเขาหลังจากคุยอีกไม่กี่คำ เมื่อเธอวางสายก็หันไปเห็นว่าฉินซือกำลังดูทีวี แต่ท่าทางเอียงหูฟังเธอคุยโทรศัพท์นั้น ทำให้ร่างกายของเขาเกือบจะแนบชิดเธออยู่แล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
“ไม่ได้กลัวว่าคุณภรรยาจะถูกพวกปีศาจข้างนอกล่อลวงเอาหรอกน่า” ฉินซือหัวเราะ แล้วดึงร่างของเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน
ลู่ฉิวเยว่รู้ว่าเขาล้อเล่น แต่เธอก็ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามใจ และเอนกายลงในอ้อมแขนของเขาอย่างเกียจคร้าน
บ่ายวันรุ่งขึ้นผลคัดเลือกการประมูลเบื้องต้นออกมาแล้ว และลู่ฉิวเยว่ก็ผ่านฉลุย ด้วยเหตุนี้ ฉินซือจึงนำไวน์แดงหนึ่งขวดมาเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษ
ลู่ฉิวเยว่ก็อยากจะดื่มสักหน่อย จึงปล่อยเขาทำตามใจ
โจทย์การแข่งขันรอบที่สองต้องใช้ทักษะการทำอาหาร ลู่ฉิวเยว่รู้สึกว่าหลายครั้งก่อนหน้านี้ พ่อครัวในโรงแรมมีทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมมาก และครั้งนี้คงจะเหมือนเดิมอย่างแน่นอน เพื่อที่จะเอาชนะ เธอจึงตัดสินใจเข้าแข่งขันด้วยตัวเอง
ในช่วงไม่กี่วันก่อนเริ่มการแข่งขัน เธอได้คิดค้นอาหารสูตรใหม่ที่บ้าน และยังปรับปรุงอาหารจานใหม่นี้หลายครั้ง โดยใช้แต้มค่าความสุขที่เก็บไว้
เมื่อถึงกำหนดการแข่งขัน ลู่ฉิวเยว่ก็ขับรถของฉินซือไปยังสถานที่แข่งขันอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสถานที่ในร่มและกว้างขวางอย่างมาก
ฉินซือยืนกรานจะจูบให้กำลังใจเธอก่อนจากมา ทำให้ลู่ฉิวเยว่หัวเราะ
ทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เธอก็ตระหนักได้ว่าการแข่งขันนั้น เข้มข้นกว่าที่เธอคาดเดาไว้มาก เพราะผู้เข้าแข่งขันทุกคนล้วนแต่เป็นคนเก่งที่สุดในสาขานี้
ลู่ฉิวเยว่มุ่งความสนใจไปที่การทำอาหาร
เมนูที่เธอทำในวันนี้คือหมูผัดเต้าเจี้ยวหวานปักกิ่ง ซึ่งเป็นเมนูโบราณที่มีรสชาติแปลกใหม่ ด้วยเทคนิคพิเศษของเธอ
เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม อร่อยจนกินเท่าไหร่ก็ไม่พอ แม้แต่นักชิมอาหารหลายคน ที่ทางโรงแรมจ้างมาเป็นพิเศษ ก็ยังตกตะลึงกับเมนูนี้
เชฟหลายคนที่เป็นคู่แข่งก็ถูกอาหารของเธอดึงดูดด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกระตือรือร้น
“คุณคะ ไม่ทราบว่าจานนี้ใช่ฝีมือของคุณหรือเปล่าคะ?” กรรมการคนหนึ่งมีสีหน้าตื่นเต้น ขณะถือไมโครโฟนถามอย่างกระตือรือร้น
รสชาติน่าทึ่งมาก! ทำให้อยากจะกินจนหมดจาน
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเบา ๆ โดยไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่ง “นี่ไม่ใช่อาหารเมนูใหม่หรอกค่ะ แต่เป็นเมนูโบราณ ฉันนำมาปรับปรุงเพื่อให้ได้รสชาตินี้ค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น กรรมการหลายคนก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าพึงพอใจ
โดยไม่ต้องสงสัยเลยเพราะเมนูนี้ ทำให้ลู่ฉิวเยว่ผ่านรอบสองไปได้อย่างราบรื่น
หลังจากประกาศผลการแข่งขันแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็นึกได้ว่าฉินซือบอกจะมารับเธอ และเธอก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับคนเหล่านี้ จึงหันไปหยิบกระเป๋าเดินออกประตูไป
“ที่รัก ทางนี้” ฉินซือพิงประตูรถโบกมืออย่างมีความสุข เมื่อเห็นเธอออกมา
ลู่ฉิวเยว่วิ่งไปหาเขาพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อทั้งสองกินข้าวกลางวันข้างนอกเสร็จแล้ว ฉินซือก็ไปส่งลู่ฉิวเยว่ที่ร้านอาหาร แล้วไปบริษัทเพียงลำพัง
ลู่ฉิวเยว่คาดไม่ถึงว่าจะเจอโจวเฉิง เธอเก็บสมุดบัญชีกลับเข้าไปในลิ้นชัก แล้วเดินเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม “ทำไมคุณโจวถึงมาอยู่ตรงนี้ กรุณาเข้ามาเถอะค่ะ”
โจวเฉิงมองไปรอบ ๆ ร้านอาหารอย่างพิจารณา สายตาของเขาไม่อาจปกปิดความประหลาดใจได้ “ร้านอาหารนี้เป็นของคุณหนูลู่จริง ๆ” เป็นความผิดของเขาที่ไม่ได้สังเกตว่าร้านอาหารร้านนี้ มีชื่อว่าร้านฉิวเยว่ เขาไม่ทันได้คิดเรื่องนี้
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเบา ๆ และชงชาให้เขาด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับ คุณหนูลู่” โจวเฉิงยื่นมือไปรับมาด้วยรอยยิ้มชื่นชม “คุณหนูลู่ประสบความสำเร็จมาก ตั้งแต่อายุยังน้อย อนาคตจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนครับ”
“คุณโจวก็พูดเกินไปค่ะ” ลู่ฉิวเยว่กระแอม แล้วบอกให้พนักงานเสิร์ฟ นำขนมอบอีกสองชิ้นมาเพิ่มให้ที่โต๊ะ
“ไม่ว่ายังไง ผมก็พูดตามความจริงครับ ผมเคยได้พบกับผู้คนมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบคนอายุน้อย หน้าตาดี แถมยังมีความสามารถเหมือนคุณหนูลู่ครับ” โจวเฉิงกล่าวชื่นชม
“ผมได้ยินมาว่าคุณผ่านการคัดเลือกแล้ว ก็เลยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดี ผมเชื่อว่าคุณหนูลู่จะชนะรอบสามอย่างง่ายดาย และเราอาจจะเป็นหุ้นส่วนกันในอนาคตครับ” เขาจิบชาแล้วยิ้ม
ไม่ว่าใครต่างก็ชอบฟังคำพูดดี ๆ นัยน์ตาของลู่ฉิวเยว่ฉายแววพึงพอใจ “ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ”
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพัก ในที่สุดโจวเฉิงก็ลุกขึ้นเดินออกไป เพราะเขามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ลู่ฉิวเยว่ไปส่งเขาที่หน้าประตูเป็นพิเศษ
รอบสุดท้ายจะเริ่มในอีกสามวันต่อมา หลังผ่านการคัดเลือกมาสองรอบ รอบนี้เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงสิบห้าคนเท่านั้น หากชนะแปดในสิบห้าคน ก็จะได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านภัตตาคารรสเลิศในโรงแรม
สถานที่จัดการแข่งขันเป็นห้องนิทรรศการในร่มขนาดใหญ่ ลู่ฉิวเยว่เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ และมาถึงก่อนเวลา
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ ทางโรงแรมได้เชิญนักชิมหลายคนมาเป็นพิเศษ ลู่ฉิวเยว่รู้สึกว่านักชิมหลายคนดูคุ้นเคย เธอน่าจะเคยเห็นพวกเขาในหนังสือพิมพ์หรือในทีวี
เธอดูหันไปมองอยู่ครู่หนึ่งเท่านั้น เพราะต้องมุ่งความสนใจไปที่การทำอาหาร
มีการจัดบูธจำนวนสิบห้าบูธ สำหรับผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน โดยผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกอาหารจานพิเศษสามจานมาจัดแสดง นักชิมสามารถสั่งอาหารได้ตามต้องการ จากนั้นผู้เข้าแข่งขันก็จะลงมือทำอาหารที่สั่งทันที
สุดท้ายนักชิมทุกคนก็โหวตให้ผู้เข้าแข่งขันแปดคน ที่พวกเขาคิดว่ามีความโดดเด่น จากนั้นจะตัดสินผู้ชนะจากจำนวนโหวตในรอบสุดท้าย
ตอนแรกลู่ฉิวเยว่บริการนักชิมสองคน พวกเขาทั้งสองพึงพอใจ สายตาฉายแววทึ่งในรสชาติ หนึ่งในนั้นถึงกับยกนิ้วให้ลู่ฉิวเยว่
แต่คนที่สามค่อนข้างบริการยาก เขาเป็นชายชราวัยหกสิบ เขาสั่งอาหารสามจานทันทีที่มาถึง
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอย่างสุภาพ แล้วจัดเตรียมวัตถุดิบอย่างดี จากนั้นอาหารทั้งสามจานก็ถูกเสิร์ฟในบูธอย่างรวดเร็ว
เธอนำตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งมาให้ชายชราด้วยตัวเอง “รบกวนชิมหน่อยนะคะ”
ชายชราหยิบตะเกียบขึ้นมา ไม่รู้ว่าลู่ฉิวเยว่ตาฝาดหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ชายชราส่งเสียงฮึดฮัด เหมือนไม่พอใจเธอ
ลู่ฉิวเยว่ครุ่นคิดอยู่นาน แต่เธอก็แน่ใจว่าตนมีความทรงจำเกี่ยวกับชายชราคนนี้หรือไม่ เธอไม่น่าจะเคยรู้จักเขามาก่อน แล้วสายตาอาฆาตพยาบาทมาจากไหน?
“หมูทอดซอสเปรี้ยวหวานของคุณรสชาติแย่มาก เชฟธรรมดายังทำได้ดีกว่าคุณมาก ผมไม่เข้าใจว่าคุณผ่านเข้ารอบมาได้ยังไง”