สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 225 บรรยากาศในโรงแรมแตกต่างกัน
บทที่ 225 บรรยากาศในโรงแรมแตกต่างกัน
“ผมทำตัวดี มีรางวัลให้ผมหรือเปล่า?” ฉินซือหัวเราะเบา ๆ ลมหายใจอุ่นของเขารดต้นคอของลู่ฉิวเยว่ ชวนให้รู้สึกเสียวซ่าน
ลู่ฉิวเยว่เผลอหดคอกลับโดยไม่รู้ตัว “คุณต้องการอะไร?”
“ผม…” ฉินซือมองคอยาวระหงของหญิงสาว ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงวูบหนึ่ง แล้วโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของเธอ “ฉิวเยว่ คืนนี้เราไปที่โรงแรมกันเถอะ ได้ยินมาว่าบรรยากาศของที่นั่นแตกต่างจากที่อื่นด้วยนะ”
สายตาของเขาฉายแววคาดหวังระคนลุ่มหลง
ผู้ชายคนนี้ทะลึ่งจริง ๆ
ใบหน้าของลู่ฉิวเยว่ร้อนผ่าว ก่อนจะกระแอมด้วยความเขินอาย “โรงแรมจะตรวจสอบคนเข้าพักตอนกลางคืน” เธอไม่ต้องการถูกตำรวจจับในยามวิกาล และอายเกินกว่าจะทำแบบนั้น
นัยน์ตาของฉินซือเป็นประกาย “ผมเอาทะเบียนสมรสมาด้วย” เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบเอกสารสีแดงออกจากกระเป๋า
ใช่ เขาได้เตรียมการทุกอย่างมานานแล้ว
ลู่ฉิวเยว่จ้องเขม็ง ไม่คิดเลยว่าเขาจะ…ทะลึ่งขนาดนี้หลังจากแต่งงานกัน
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ปฏิเสธ ฉินซือก็เม้มปากด้วยความพึงพอใจ แล้วจับมือเธอเดินออกจากห้างสรรพสินค้า
ตั้งแต่เธอเริ่มไปที่โรงเรียน เขาก็งดกิจกรรมตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้รบกวนการเรียนของเธอ
ผู้หญิงที่รักนอนอยู่ข้าง ๆ เขาได้แต่มอง ทว่าสัมผัสไม่ได้ ผู้ชายคนไหนจะทนได้?
เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะพาเธอเข้าโรงแรมให้ได้!
ในไม่ช้า รถก็จอดอยู่หน้าโรงแรม ใบหน้าของลู่ฉิวเยว่แดงก่ำอีกครั้ง
ฉินซือเปิดประตูรถให้เธอ แต่ลู่ฉิวเยว่รู้สึกละอายใจจึงหันหน้าหนี และไม่เต็มใจจะลงจากรถ
“ลู่ฉิวเยว่ คุณไม่ต้องการเหรอ?” เมื่อเห็นว่าเธอไม่เต็มใจจะลงจากรถ ฉินซือจึงฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครมอง กระซิบข้างหูด้วยเสียงแผ่วเบาและแหบพร่า
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเหมือนมีดอกไม้ไฟระเบิดในหัว ในหัวใจเริ่มว้าวุ่น เธอเป็นหญิงสาววัยเจริญพันธุ์แล้ว จะไม่มีความต้องการได้อย่างไร
“แค่ครั้งเดียวนะ” เธอกัดฟันแล้วเดินลงจากรถตามเขาไป
เมื่อเห็นว่ากำลังจะสมหวัง รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของฉินซือ เขาเอื้อมจับมืออันอ่อนนุ่มของเธอไว้
หลังจากเปิดห้องที่แผนกต้อนรับอย่างราบรื่น ฉินซือก็จูงมือลู่ฉิวเยว่ขึ้นไปชั้นบนอย่างกระตือรือร้น ท่ามกลางสายตาหยอกล้อของพนักงานต้อนรับ
ทันทีที่เปิดประตู เขาก็ดันร่างของลู่ฉิวเยว่ไว้กับประตู ลมหายใจของทั้งสองคนผสานกัน ทำให้สภาพแวดล้อมที่มืดสลัวดูน่าค้นหายิ่งขึ้น
ก่อนที่ลู่ฉิวเยว่จะเห็นสภาพห้องอย่างชัดเจน ริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็เข้าซุกไซ้ ลมหายใจแล่นเข้าปากเธออย่างรุนแรง
ลู่ฉิวเยว่อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคราง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว กัดริมฝีปากกลั้นเสียงที่น่าอายกลับเข้าไปในท้อง
ฉินซือเงยหน้าขึ้นจากซอกคอของเธอ จับใบหน้าเนียนนุ่มของหญิงสาวไว้ สายตาของเขาเร่าร้อนมากจนดูเหมือนจะแผดเผาลู่ฉิวเยว่ให้ละลาย เสียงแผ่วเบาของเขาแหบพร่าเย้ายวน “ครางออกมาเถอะ ผมอยากฟัง”
ลู่ฉิวเยว่หน้าแดงก่ำ เธอมองหน้าเขา ในที่สุดก็ให้สิ่งที่เขาต้องการ
ฉินซือหายใจถี่เร็ว ขณะที่อุ้มเธอขึ้นและเริ่มเดินไปที่เตียง
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เขาขมวดคิ้ว วางลู่ฉิวเยว่บนเตียง แล้วโน้มตัวไปจูบปากเธอ
ลู่ฉิวเยว่ผลักใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยสีหน้าขบขันเล็กน้อย “ไปเปิดประตูก่อน บางทีอาจมีคนมาตรวจที่นี่จริง ๆ ก็ได้”
ฉินซือจุมพิตเธออีกครั้ง แล้วเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าหงุดหงิด
เมื่อเปิดประตูก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ข้างนอก เขาคือนักสืบที่มาช่วยสืบสวน สีหน้าของฉินซือยิ่งหงุดหงิด “นายหาที่นี่เจอได้ยังไง?”
“เรามีความสามารถในการทำแบบนี้ในสายงานของเรา ไม่งั้นนายคงไม่เลือกใช้บริการฉันหรอกใช่ไหม?” หลีเหนียนยืนพิงกรอบประตู สีหน้าของเขาฉายแววขบขัน
ฉินซือเหลือบมองเขา “มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเร็ว ๆ อย่ามัวพูดไร้สาระ”
“โอ้โห? ฉินซือ นายจะรีบร้อนไปเพื่ออะไรกัน?” หลีเหนียนหัวเราะเบา ๆ “ทำไม? จะรีบกลับไปนอนกอดสาวงามเหรอครับ?”
ฉินซือเตรียมปิดประตู “แล้วยังไง รีบบอกฉันมาเร็ว ๆ แล้วออกไปจากที่นี่ซะ!”
หากพวกเขาไม่ได้สนิทกันมาก่อน เขาคงไม่เชื่อว่าคนคนนี้จะมีความสามารถอะไร ถ้ามองแค่รูปลักษณ์ที่กวนประสาทของเขา
หลีเหนียนไม่ทำตามที่เขาบอก แต่กวาดตาไปรอบ ๆ และเม้มปากเมื่อเห็นเขามีสีหน้าไม่พอใจ “ฉันอยากจะทักทายพี่สะใภ้สักหน่อย”
ฉินซือนึกเย้ยหยัน แล้วปิดประตูทันที “พอดีว่าพี่สะใภ้ไม่ชอบเล่นกับสุนัขโสดไร้คู่ เห็นแล้วอายแทน”
“ฉันไม่เชื่อ” หลีเหนียนถูกจี้ใจดำ เขาทำท่ากุมหัวใจไว้ราวกับเป็นถูกคนทอดทิ้ง
ฉินซือลูบใบหน้าของตัวเอง “พูดมาเร็ว ไม่งั้นฉันจะไม่จ่ายค่าจ้าง”
เมื่อพูดถึงเรื่องเงินที่เป็นดั่งชีวิตของหลีเหนียน เขาก็จริงจังขึ้นมาทันที
“ฉันเจอผู้ชายที่นายพูดถึงก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาซื้อตั๋วรถไฟแล้ว และน่าจะกำลังไปที่สถานีรถไฟตอนนี้ จะให้ไปจับไว้ไหม?”
“เหลวไหล!” ฉินซือหัวเราะด้วยความโกรธ และเตะเขา
หลีเหนียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนยกนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือมาถูหากัน เพื่อส่งสัญญาณ
ฉินซือเหลือบมองเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินจากกระเป๋า หยิบออกมาสองสามใบ แล้วยัดไว้ในมือของหลีเหนียน “ไปกันเร็วเข้า!”
“ได้เลย!” หลีเหนียนรับเงินมานับ แล้วยัดมันใส่กระเป๋า เขาเริ่มมีแรงบันดาลใจในการทำงานแล้ว และภายในไม่กี่วินาที เขาก็พาชายที่ถูกมัดมาจากด้านนอกโรงแรม ไม่รู้ว่าเขาพาเข้ามาได้ยังไง โดยที่คนอื่นไม่เห็น
ใบหน้าของฉินซือบูดบึ้งกว่าเดิม อยากจะต่อยใครสักคน
เมื่อกี้คนคนนี้แกล้งหลอกเขาเล่นเหรอ?
ดวงตาของหลีเหนียนฉายแววเจ้าเล่ห์ ขณะที่รีบถอยหนีเพราะเกรงจะถูกต่อย “มาสอบปากคำกันเถอะ”
ฉินซือมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเคาะประตู หลังจากได้ยินเสียงของลู่ฉิวเยว่ตอบรับ เขาก็เปิดประตูพาอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง
“พี่สะใภ้” หลีเหนียนเร็วกว่าฉินซือ เขานั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางสบาย ๆ และทักทายลู่ฉิวเยว่ด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงโดยแต่งตัวเต็มยศ
ฉินซือจับชายคนนั้นขึ้นมา แล้วโยนเขาลงไปที่พื้น “บอกความจริงมา ใครบอกให้นายไปอยู่ที่หน้าร้านอาหาร เพื่อใส่ร้ายเธอให้เสียชื่อเสียง”
ชายคนนั้นนอนอยู่บนพื้นโดยไม่พูดสักคำ พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยท่าทางเอียงคอเหมือนพวกอันธพาล
“ในเมื่อตอนนี้เราจับนายมาที่นี่ได้ คิดเหรอว่าเราไม่มีหลักฐานอะไร? บอกก่อนเลยว่าถ้าวันนี้นายไม่ยอมพูด ฉันจะโยนนายเข้าคุกแน่!” ฉินซืออารมณ์เสีย เมื่อมีคนกวนอารมณ์เขา และเห็นท่าทางแบบนี้อีก ก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม
หลีเหนียนที่เทน้ำใส่แก้ว คิดสักครู่แล้วพูดว่า “หากการสืบสวนของฉันไม่ผิด นายอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 39 ตรอกหมายเลข 1 มีแม่แก่ชราและลูกชายอยู่ที่บ้าน แม่ชื่อว่าฉาง… “
สีหน้าไม่แยแสของผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปในทันที เขากัดฟันมองหลีเหนียนอย่างโกรธเคือง “ครอบครัวฉันไม่เกี่ยว พวกนายจะทำอะไร?”
ฉินซือหัวเราะเยาะ ปลายรองเท้ากระแทกใบหน้าของเขา นัยน์ตาสีเข้มฉายแววเย็นชา “ทำร้ายครอบครัวของนายไม่ได้ แต่นายทำร้ายภรรยาของฉันได้งั้นเหรอ? หืม?”
“ฉันยอมพูดแล้ว!” สายตาเย็นชาคู่นั้นทำให้ชายคนนั้นรู้สึกหนาวไปทั้งตัว เขาจึงรีบพูดทันที
“ผู้ชายที่ชื่อเหอมู่สั่งให้ฉันทำแบบนั้น”
แซ่เหองั้นเหรอ?
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว “เขามีลูกสาวชื่อเหอคุนเฟิ่งเหรอเปล่า?”