สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 221 คุณครูเหออยากกระโดดตึก
บทที่ 221 คุณครูเหออยากกระโดดตึก
เมื่อเกาเฉียวเฉียวหลุดปากออกมาแบบนั้น บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบทันที ทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เธออย่างพร้อมเพรียงกัน
เธอพยายามใส่ความลู่ฉิวเยว่จริง ๆ ด้วย!
“เธอเอาไปไว้ที่ไหน? ในลิ้นชักโต๊ะ หรือว่าในกระเป๋าของฉันล่ะ?” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ หางตาของเธอชำเลืองเห็นเงาร่างที่คุ้นตากำลังซ่อนตัวอยู่ตรงเชิงบันได
เป็นร่างของอาจารย์ใหญ่! ลู่ฉิวเยว่จำได้ดีในวันที่สมัครเรียน
ดวงตาของเธอเป็นประกายวาวโรจน์ แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “คุณครูคะ ครูกล่าวหาว่าหนูขโมยนาฬิกาตั้งแต่ยังไม่รู้ความจริง แบบนี้ครูคงไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับเกาเฉียวเฉียวหรอกใช่ไหม? คงไม่ได้ตั้งใจใส่ร้ายหนูใช่ไหมคะ!?”
เหอคุนเฟิ่งนึกไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ เมื่อได้ยินคำถามจากลู่ฉิวเยว่ เธอก็รีบหาทางแก้ต่างให้ตัวเอง “ครูแค่ร้อนใจไปหน่อย…”
เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะกำลังช่วยเกาเฉียวเฉียวใส่ร้ายลู่ฉิวเยว่ ตอนนี้เหอคุนเฟิ่งจึงได้แต่เสียใจ
“แต่ครูจะด่วนตัดสินนักเรียนแบบนี้ได้เหรอคะ? ทำไมถึงไม่รอสืบหาความจริงให้กระจ่างก่อน?” ลู่ฉิวเยว่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา “สิ่งที่ครูเพิ่งทำลงไปคือการพยายามทำลายอนาคตของนักเรียน หนูจะไปหาทนายมาฟ้องคุณ”
“ส่วนเธอ!” ลู่ฉิวเยว่หันมามองหน้าเกาเฉียวเฉียว “ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องครูใหญ่!”
เสียงไอแห้ง ๆ ดังมาจากมุมบันได แล้วอาจารย์ใหญ่ก็เดินขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ดวงตาของลู่ฉิวเยว่เป็นประกายด้วยความประหลาดใจ ในที่สุดอาจารย์ใหญ่ก็ยินดีออกหน้าแล้ว เธอนึกว่าเขาจะแสดงตัวหลังจากที่เรื่องราวนี้จบลงเสียอีก
เมื่อเห็นอาจารย์ใหญ่วัยชรามายืนอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน เหอคุนเฟิ่งก็หรี่ตาลง ในหัวมีเพียงสองคำเท่านั้น
จบแล้ว!
ตอนแรก เธอตั้งใจจะโน้มน้าวให้ลู่ฉิวเยว่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
นักเรียนทุกคนหันไปทักทายครูใหญ่ด้วยความเคารพ “ครูใหญ่”
ชายชราพยักหน้า จากนั้นชี้ไปทางลู่ฉิวเยว่กับเหอคุนเฟิ่ง “พวกเธอตามฉันมา”
เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จึงทำให้ห้องเรียนวุ่นวาย เมื่อก่อนทุกคนล้วนตั้งใจเรียนกันเงียบ ๆ แต่บรรยากาศในห้องเรียนวันนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบนินทา แม้แต่คนที่เคยตั้งใจเรียนที่สุดก็ยังอดไม่ได้ที่จะร่วมวงสนทนา
“สุดท้ายจะจบยังไง? เกาเฉียวเฉียวจะโดนไล่ออกรึเปล่า?”
เมื่อลู่ฉิวเยว่กลับมานั่งประจำที่ เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอก็กระตุกแขนเสื้อ โน้มตัวมาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ลู่ฉิวเยว่ปัดมือของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้ของเธอดีทุกอย่าง เว้นแต่เป็นคนขี้นินทาเท่านั้นเอง
“คนทำผิดก็ต้องโดนไล่ออกอยู่แล้ว”
“แล้วครูเหออยู่ที่ไหนน่ะ?”
“ไม่รู้สิ” ลู่ฉิวเยว่ส่ายศีรษะ อาจารย์ใหญ่แค่ตำหนิเหอคุนเฟิ่งเพียงไม่กี่คำ และก็ไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรกับเธอต่อไป
“แต่เกาเฉียวเฉียวก็สมควรโดนไล่ออกอยู่นะ” เฉิงเฉิงแค่นเสียงเย็น เมื่อเช้านี้เธอเกือบตกเป็นผู้ต้องสงสัยเช่นกัน จึงโกรธมากเมื่อได้ยินว่าเกาเฉียวเฉียวตั้งใจใส่ความลู่ฉิวเยว่ตั้งแต่เพิ่งจะเข้าเรียน
เฉิงเฉิงพอจะมองออกว่าเพื่อนร่วมชั้นอิจฉาในความสวยงามของลู่ฉิวเยว่และยังแอบพูดลับหลังเธอบ่อย ๆ
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ พลางตบไหล่เฉิงเฉิง “ไม่เป็นไรหรอก ตั้งใจเรียนเถอะ คนทำผิดก็ได้รับบทลงโทษไปแล้ว”
เฉิงเฉิงพยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปอ่านหนังสือต่ออย่างตั้งใจ
หลายวันผ่านไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหอคุนเฟิ่ง ลู่ฉิวเยว่เองก็ยุ่งกับทบทวนตำราจนไม่มีกะจิตกะใจคิดถึงเรื่องนี้
แต่แล้วเหอคุนเฟิ่งก็เป็นฝ่ายมาหาเธอเอง
ลู่ฉิวเยว่กำลังเรียบเรียงเนื้อหาที่ได้เรียนในวันนี้ หนังสือเรียนในยุคนี้อาจจะมีความคลาสสิก ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนอดีต แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนหนังสือเรียนในยุคต่อมา อีกทั้งยังซับซ้อนมากกว่ากันหลายเท่า…
จังหวะนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นจากข้างนอกห้องเรียน “ลู่ฉิวเยว่ ออกมาหน่อยได้ไหม?”
ลู่ฉิวเยว่เงยหน้าขึ้น จึงเห็นเหอคุนเฟิ่งยืนหน้าบึ้งอยู่ “ทำไมเข้ามาคุยในนี้ไม่ได้คะ?”
ถ้าเธอเดินออกไปแล้วเหอคุนเฟิ่งก่อปัญหาวุ่นวายจะทำอย่างไร? ลู่ฉิวเยว่ไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกแล้ว
เหอคุนเฟิ่งรู้สึกได้ว่าสายตาของนักเรียนจำนวนมากกำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง บางคนจ้องมองด้วยความสงสัย บ้างมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น และบางคนก็จ้องมองด้วยความเหยียดหยาม…
เธอรู้สึกอับอาย แต่เมื่อนึกถึงอาชีพการงานของตัวเอง เหอคุนเฟิ่งก็ต้องยอมกัดฟันพูดว่า “ลู่ฉิวเยว่ ช่วยไปขอร้องคุณครูใหญ่ไม่ให้ไล่ฉันออกหน่อยได้ไหม? ฉันไม่ได้ใส่ร้ายเธอจริง ๆ นะ ฉันผิดไปแล้ว”
“รู้ตัวว่าผิดเหมือนกันนี่คะ ถ้ารู้ตัวว่าผิดก็สมควรโดนลงโทษ คุณครูเป็นผู้ใหญ่แล้ว หัดรับผิดชอบกับการกระทำและคำพูดของตัวเองบ้างสิ” ลู่ฉิวเยว่มองไปยังเหอคุนเฟิ่งด้วยความเย็นชา ไม่มีความเมตตาสักนิด
หากคนที่เกาเฉียวเฉียวจงใจใส่ความไม่ใช่เธอ แต่เป็นเด็กสาวผู้อ่อนต่อโลกคนหนึ่ง ตอนที่เกาเฉียวเฉียวได้รับการผนึกกำลังจากเหอคุนเฟิ่ง เด็กสาวคนนั้นก็คงถูกใส่ร้าย โดนไล่ออก และกลายเป็นหัวขโมยในสายตาของทุกคน ถ้าลู่ฉิวเยว่อ่อนแอกว่านี้ ชีวิตของเธอก็คงจบสิ้นไปแล้ว
คนที่ไร้จิตสำนึกแบบนี้ จะมีคุณสมบัติมาเป็นอาจารย์สอนศิษย์ได้อย่างไร?
เหอคุนเฟิ่งกัดฟันกรอด “ถ้าเธอไม่ช่วย ฉันจะไปกระโดดตึก ถ้าฉันต้องตกงาน ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ลู่ฉิวเยว่เหลือบตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย ราวกับคร้านจะใส่ใจ จากนั้นก็กลับมาจดรายละเอียดในสิ่งที่ตัวเองเรียนในวันนี้ต่อ
เมื่อเห็นเธอทำแบบนั้น เหอคุนเฟิ่งก็หมุนตัวเดินจากไปด้วยหัวใจสลาย เพียงไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเสียงอุทานดังขึ้นจากด้านนอกไม่หยุด พร้อมกันนั้นก็มีเสียงตะโกนโวยวายดังขึ้น
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เธอขมวดคิ้วพลางเลื่อนเก้าอี้ ลุกเดินตามเพื่อนร่วมชั้นออกไปดูเหตุการณ์
บนดาดฟ้าของตึกเรียนในเวลานี้ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขู่ว่าจะกระโดดตึก และผู้หญิงคนนั้นก็คือเหอคุนเฟิ่ง ซึ่งเพิ่งจะทะเลาะกับลู่ฉิวเยว่เมื่อสักครู่นั่นเอง
เพียงไม่กี่อึดใจ ทั่วทั้งโรงเรียนก็รู้แล้วว่าเหอคุนเฟิ่งมีปัญหากับลู่ฉิวเยว่ เมื่อทุกคนเห็นหน้าลู่ฉิวเยว่ก็พากันต่อว่าทันที
“คุณครูเหออารมณ์ไม่ค่อยดี เธอยังจะไปยั่วโมโหคุณครูอีกทำไม ถ้าครูกระโดดตึกจะทำยังไง?”
“นั่นสิ คุณครูคงไม่ได้ตั้งใจหรอก ถ้าต้องตกงานเพราะเรื่องแค่นี้ก็เกินไปหน่อยนะ มีใครจะทำใจได้บ้าง?”
“ลู่ฉิวเยว่ ช่วยไปพูดกับครูใหญ่หน่อยเถอะ”
…
เมื่อได้รับฟังเสียงที่ดังขึ้นรอบกาย ลู่ฉิวเยว่ก็ได้แต่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ พวกเขาหมายความว่าอย่างไรกัน? ผู้ถูกกระทำกลายเป็นคนผิดตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่เธอกลายเป็นคนร้ายไปแล้วหรือ?
อาจารย์ใหญ่รีบขึ้นมาบนดาดฟ้า และเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ลู่ฉิวเยว่ ครูใหญ่คะ ฉันขอร้องล่ะ ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริง ๆ อย่าไล่ฉันออกเลยนะ งานนี้สำคัญกับฉันมากจริง ๆ ค่ะ” เหอคุนเฟิ่งคาดหวังว่าทั้งสองคนจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอ จึงเรียกร้องออกมาทันที
อาจารย์ใหญ่ร้อนใจมาก จึงรีบรับปากอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ค่ะ ฉันอยากให้ลู่ฉิวเยว่รับปากด้วยอีกคน!” เหอคุนเฟิ่งพูดเสียงแข็ง ถ้าเธอไม่ได้ยินคำให้อภัยจากลู่ฉิวเยว่ในวันนี้ วันข้างหน้าลู่ฉิวเยว่อาจจะหาทนายมาฟ้องเธอจริง ๆ ก็ได้ แล้วเธอก็จะตกงาน
ในเวลานี้ สายตาของทุกคนต่างหันมาจ้องมองที่ลู่ฉิวเยว่
“ลู่ฉิวเยว่ รับปากไปก่อนเถอะ” อาจารย์ใหญ่พูดขึ้น เขาไม่ต้องการให้เกิดปัญหาอะไรอีกแล้ว ไม่อย่างนั้น ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของเขาก็จะต้องพังทลายเช่นกัน
“ใช่ ลู่ฉิวเยว่ รีบรับปากเร็ว ชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะ”
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักเรียนหรือคณะอาจารย์รอบกายต่างก็ช่วยกันโน้มน้าวลู่ฉิวเยว่
ลู่ฉิวเยว่ได้แต่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ รีบเดินตรงไปอยู่เบื้องหน้ากลุ่มคน “เหอคุนเฟิ่ง คุณคิดว่าจะขู่ฉันแบบนี้ก็ได้เหรอ? จะบอกให้นะ ต่อให้คุณกระโดดตึกในวันนี้ คิดว่าฉันจะสนใจเหรอ? ก็ในเมื่อสิ่งที่คุณทำมันผิด แล้วทำไมฉันถึงต้องรู้สึกผิดด้วย?”