สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 220 พบนาฬิกาที่หายไป
บทที่ 220 พบนาฬิกาที่หายไป
ทุกคนเคยได้ยินเรื่องนาฬิกาข้อมือของเกาเฉียวเฉียว เป็นนาฬิกาที่ญาติของเธอซื้อมาฝากจากต่างประเทศ เกาเฉียวเฉียวก็เอามาอวดคนในห้องตลอดหลายวันที่ผ่านมาเช่นกัน
“เฉียวเฉียว เธอหมายถึงนาฬิกาข้อมือจากต่างประเทศที่มีราคาหลายร้อยหยวนใช่ไหม?” เฝิงซีซีเบิกตากว้าง
“ใช่ นาฬิกาเรือนนั้นแหละ!” เกาเฉียวเฉียวพูดด้วยความมั่นใจ “ฉันพกติดตัวตลอด แต่ตอนที่ฉันกลับบ้านเมื่อคืน ดันลืมทิ้งเอาไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะหนังสือ พอกลับมาดูเช้านี้ก็หาไม่เจอแล้ว”
เฝิงซีซีสนิทสนมกับเธอ เมื่อได้ยินดังนั้น จึงรู้สึกโมโหแทนเพื่อนทันที “ใครขโมยนาฬิกาของเฉียวเฉียวไป?”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบรรดานักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้โต๊ะของเกาเฉียวเฉียว
“เมื่อวานนี้ ฉันกลับบ้านเร็วจะตาย กลับก่อนที่เกาเฉียวเฉียวจะกลับบ้านอีก ต้องไม่ใช่ฉันแน่!”
“ไม่ใช่ฉันเหมือนกัน ในห้องยังเหลือคนอีกตั้งเยอะตอนที่ฉันกลับบ้าน”
“ใช่ ๆ ในห้องยังมีคนอยู่อีกเยอะตอนที่ฉันกลับ ฉันก็ไม่ได้ขโมยเหมือนกัน…”
…
เงินหลายร้อยหยวน เป็นรายได้โดยเฉลี่ยต่อปีของครอบครัวชนชั้นกลางอย่างพวกเขา ย่อมเป็นธรรมดาที่ไม่มีใครอยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากนั้น ผู้ต้องสงสัยหลักจึงตกเป็นของนักเรียนที่อยู่เวรทำความสะอาดเมื่อตอนเย็น
ลู่ฉิวเยว่ยืนกอดอกรับชมความสนุกเฉย ๆ แล้วก็มีคนพูดชื่อของเธอขึ้นมา หญิงสาวเลิกคิ้วสูง ก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าว “นักเรียนที่อยู่เวรทำความสะอาดเมื่อวานคือฉันกับเฉินเซียวเสี่ยว”
เวรทำความสะอาดจะสับเปลี่ยนกันทุกวัน ลู่ฉิวเยว่มาเรียนวันแรกก็ได้เวรทำความสะอาดทันที เธอไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่เมื่อนึกถึงนาฬิกาข้อมือที่อีกฝ่ายอ้างว่าลืมทิ้งไว้ในลิ้นชักโต๊ะหนังสือ ดวงตาของลู่ฉิวเยว่ก็เคร่งขรึมขึ้นมา
ลูกไม้ตื้น ๆ
“งั้นเธอเอาไปรึเปล่า?” เฝิงซีซีมองด้วยความสงสัย โดยไม่สนใจเฉินเซียวเสี่ยวแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองแต่ลู่ฉิวเยว่ “เฉินเซียวเสี่ยวเป็นเพื่อนร่วมห้องของเรา และเป็นเพื่อนที่ดีต่อฉันกับเฉียวเฉียวมาตลอด ไม่มีทางขโมยไปแน่”
หลังจากนั้น ทุกคนก็มองมายังลู่ฉิวเยว่อย่างตั้งคำถามและสงสัย
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ ปัดฝุ่นที่ไม่มีจริงออกไปจากแขนเสื้อ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น “แล้วไง? ถ้าเธอคิดว่าฉันขโมยก็เอาหลักฐานมาสิ! อย่าเที่ยวใส่ความคนอื่นด้วยคำพูดเลื่อนลอยแบบนี้”
หัวหน้าห้องรีบไปหาเหอคุนเฟิ่งที่ห้องพักครูมาระงับเหตุ ในขณะนี้นักเรียนหญิงทั้งสองคนกำลังจะห้ำหั่นกันแล้ว
“ทุกคนเงียบก่อน!” เหอคุนเฟิ่งขมวดคิ้วและตวาดด้วยความไม่พอใจ
เกาเฉียวเฉียวกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องปิดปากเงียบ
“ครูรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นาฬิกาข้อมือของเกาเฉียวเฉียวถูกขโมย ผู้ต้องสงสัยก็คือนักเรียนที่อยู่เวรทำความสะอาดตอนเย็นวานนี้ กับคนที่มาเปิดห้องเรียนเมื่อเช้า” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เหอคุนเฟิ่งก็ชำเลืองมองนักเรียนที่อยู่ในห้อง สายตาจับจ้องมายังลู่ฉิวเยว่นานเป็นพิเศษ “แต่ครูเป็นคนมาเปิดห้องเรียนตอนเช้าเอง เพราะฉะนั้น ผู้ต้องสงสัยจึงเหลือแต่คนที่อยู่เวรทำความสะอาดเมื่อตอนเย็นเท่านั้น”
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะมีอคติตั้งแต่แรกหรือเปล่า แต่เหอคุนเฟิ่งก็รู้สึกว่าลู่ฉิวเยว่เป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด
สงสัยผู้หญิงคนนี้คงไม่ชอบผู้ชายมือสองจากจ้าวซูซินเพียงอย่างเดียว แต่ยังชอบนาฬิกามือสองด้วย ช่างตลกร้ายเหลือเกิน
“เมื่อวานนี้ใครอยู่เวรทำความสะอาด?” เหอคุนเฟิ่งถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เฉินเซียวเสี่ยวยกมือขึ้นอย่างกล้าหาญ “เป็นหนูกับลู่ฉิวเยว่ค่ะ”
แต่หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เธอก็รีบหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง “แต่ลู่ฉิวเยว่เป็นคนเอาถังขยะไปทิ้งค่ะ หนูกลับบ้านก่อนเธอ”
“เอานาฬิกาคืนมาเดี๋ยวนี้” เหอคุนเฟิ่งจ้องมองลู่ฉิวเยว่ด้วยสายตาเย็นชา ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธ
เมื่อถูกนักเรียนทั้งชั้นจ้องมองด้วยสายตาสงสัย ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ได้แสดงอาการรำคาญใจแต่อย่างใด เธอมองเหอคุนเฟิ่งอย่างเปิดเผย ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเกาเฉียวเฉียว “เธอแน่ใจนะว่านาฬิกาหายไป ไม่ใช่ว่าเอาไปวางทิ้งไว้ที่อื่น? ไม่งั้นเธออาจจะเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว”
เกาเฉียวเฉียวตอบด้วยความมั่นใจ “ฉันหาดูหมดแล้ว นาฬิกาต้องถูกขโมยไปแน่นอน!”
เมื่อจ้องมองใบหน้าอันงดงามของลู่ฉิวเยว่ เกาเฉียวเฉียวก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจมากขึ้น เธออยากเห็นนักว่าตอนที่โดนไล่ออก นังมารร้ายคนนี้จะยังอวดดีได้อยู่อีกไหม
“นั่นสิ จะมีใครใส่ความเธอไปเพื่ออะไร?” เหอคุนเฟิ่งกอดอกพลางจ้องมองลู่ฉิวเยว่ด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ต่างจากเห็นเธอเป็นตัวตลกคนหนึ่ง
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ “เมื่อวานนี้ฉันกลับบ้านพร้อมกับหัวหน้าห้อง ฉันไม่ได้เอาไป”
หัวหน้าห้องพยักหน้ายืนยัน “ใช่แล้วค่ะ ตอนที่ลู่ฉิวเยว่ทำเวรเสร็จแล้วเมื่อวาน เธอมาถามฉันเรื่องวิชาเรียน ฉันก็เลยช่วยเธอปิดประตูห้อง ฉันอยู่กับเธอตลอดเวลาค่ะ”
คิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะปัดข้อสงสัยทั้งหมดได้ในเวลาอันรวดเร็ว เกาเฉียวเฉียวกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะพูดว่า “ก็แค่ค้นดู นาฬิกาของฉันอาจจะอยู่ในกระเป๋าหนังสือหรือในลิ้นชักโต๊ะของใครก็ได้”
เธอไม่เชื่อว่าลู่ฉิวเยว่จะหลบหนีได้อีกในเวลานี้
ทุกคนจ้องมองไปทางเหอคุนเฟิ่งโดยไม่รู้ตัว ราวกับรอเธอให้คำตอบ
“งั้นก็ค้นโต๊ะนักเรียน” เหอคุนเฟิ่งชี้ไปทางนักเรียนสองคน “เธอสองคนเป็นคนค้น ส่วนคนอื่น ๆ ออกจากห้องเรียนพร้อมกับครู ห้ามไม่ให้ใครอยู่นอกสายตาครูเด็ดขาดจนกว่าจะเจอนาฬิกา”
ลู่ฉิวเยว่ไม่พูดอะไร และเดินตามทุกคนออกไปจากห้องเรียนแต่โดยดี
ในไม่ช้า นักเรียนทั้งสองคนนั้นก็ค้นทั่วทั้งห้องเรียน พวกเขาตรวจโต๊ะหนังสือของลู่ฉิวเยว่เป็นพิเศษ ถึงกับเปิดดูตามหนังสือเรียนด้วยซ้ำ
และลู่ฉิวเยว่ก็ประหลาดใจมาก เพราะไม่มีใครเจอนาฬิกาที่ว่านั่นเลย
“ฉันไม่เชื่อ!” เกาเฉียวเฉียวจ้องมองลู่ฉิวเยว่ด้วยความเหลือเชื่อ หรือว่านังมารร้ายนี่จะรู้ตัวแล้ว?
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มตอบด้วยความอ่อนโยน แต่มันดูเหมือนรอยยิ้มเหยียดหยามในสายตาของเกาเฉียวเฉียว ทำให้เธอแทบเต้นเร่าด้วยความโกรธแค้น “ไม่มีทาง เราต้องค้นตัวเธอเดี๋ยวนี้ หรือเธออาจจะเอามันไปซ่อนไว้ที่คนอื่นก็ได้!”
ลู่ฉิวเยว่คงรู้ทันและนำนาฬิกาไปฝากไว้ที่คนอื่นแน่นอน!
เหอคุนเฟิ่งพยักหน้า “ได้เลย” เธอสั่งนักเรียนอีกสองคน เป็นผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่ง เริ่มค้นร่างกายของนักเรียนในห้อง แต่ก็ยังไม่พบสิ่งของอยู่ดี
เกาเฉียวเฉียวทั้งโกรธแค้นและตกตะลึง นาฬิกาของเธอมีมูลค่าหลายร้อยหยวน ลู่ฉิวเยว่จะไม่เก็บเอาไว้ได้ยังไง?
“ถอดรองเท้าให้ฉันตรวจเดี๋ยวนี้!”
เมื่อลู่ฉิวเยว่ได้ยินประโยคนั้น เธอก็นึกว่าตนเองหูฝาด เกาเฉียวเฉียวคิดว่าเธอซ่อนนาฬิกาข้อมือไว้ในรองเท้าเนี่ยนะ? คิดได้ยังไง?
ลู่ฉิวเยว่ก้มมองรองเท้าหนังที่เธอสวมอยู่ สีหน้าก็ดูสุดจะพรรณนา
เธอไม่ยอมทำเรื่องหยาบคายอย่างการถอดรองเท้าในที่สาธารณะเด็ดขาด
ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองหน้าเกาเฉียวเฉียว “จริงด้วยสิ ทุกคนโดนค้นโต๊ะเรียนและตรวจร่างกายกันหมดแล้ว มีแค่เธอที่ยังไม่ได้ตรวจ เป็นไปได้ไหมว่าเธอตั้งใจจะใส่ความฉัน?”
“จะเป็นไปได้ยังไง!” เกาเฉียวเฉียวจ้องมองมาด้วยสายตาดุร้าย
“งั้นเธอก็ให้คนอื่นค้นตัวบ้างสิ” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ ดวงตาเป็นประกายเหยียดหยาม
นักเรียนหญิงซึ่งทำหน้าที่ค้นตัวนักเรียนหญิงพยายามค้นกระเป๋าเสื้อของเกาเฉียวเฉียว แต่ก็ถูกผลักออกมา “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องตัวฉัน!”
เกาเฉียวเฉียวตะโกนใส่ลู่ฉิวเยว่ด้วยความโกรธแค้น “จะให้ค้นตัวใช่ไหม? เดี๋ยวฉันค้นเองก็ได้!”
พูดจบแล้ว เธอก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า และโดยไม่คาดคิด เกาเฉียวเฉียวก็พลิกกระเป๋าเสื้อออกมา
แกร๊ง!
วัตถุสีเงินร่วงลงมากระทบพื้น ซึ่งก็คือนาฬิกาข้อมือของเธอเอง
ในทันใดนั้น สายตาของทุกคนจ้องมองไปยังเกาเฉียวเฉียวด้วยความรู้สึกสับสน
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง จ้องมองด้วยสายตาเย้ยหยัน
“เป็นไปได้ยังไง? ก็ฉันเอานาฬิกาไปไว้ที่เธอแล้ว…” เกาเฉียวเฉียวเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกตะลึง