สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 217 กำไลเงินหายาก
บทที่ 217 กำไลเงินหายาก
ลู่ฉิวเยว่อ้าปากหาวด้วยความง่วงงุน จากนั้นเอื้อมมือไปปิดโคมไฟข้างเตียง
แต่หลังจากนั้น เธอก็ลืมตาในความมืดเพราะสัมผัสได้ถึงมือคนที่สอดเข้ามาใต้ชายเสื้อ เธอจึงหยอกเย้ากลับไปว่า “ทำไมยังไม่นอนอีก ฉินซือ คุณจะทำอะไร?”
“ผมจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องช่วยเพิ่มประชากรให้ประเทศชาติน่ะสิ!” ฉินซือไม่มีความเขินอายแม้แต่นิดเดียว เขาหัวเราะในลำคอ เสียงทุ้มต่ำของเขาที่กระซิบข้างหูทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้
จากนั้นชายหนุ่มก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของเธอ
ด้วยเหตุนี้ กว่าลู่ฉิวเยว่จะตื่นก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว
เมื่อก่อนเธอจะตื่นตอนหกโมงเช้า วันนี้จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ใบหน้าของฉินซือเต็มไปด้วยความสุข ไม่ว่าใครก็มองเห็นความปลาบปลื้มในแววตาของเขา
“แม่คะ หยุดหัวเราะได้แล้วนะ!” ลู่ฉิวเยว่อายหลังจากเห็นแม่หัวเราะคิกคักใส่ตัวเองมาตลอดช่วงเช้า
แม่ของเธอยังคงหัวเราะต่อไป “ทำไมล่ะ เดี๋ยวนี้แม่หัวเราะไม่ได้แล้วหรือไง?”
ลู่ฉิวเยว่ชะงัก ไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร จึงรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการบอกว่าเมื่อวานนี้ฉินซือได้ค้นพบความจริงบางอย่าง
คุณแม่ลู่อุทานด้วยความโกรธแค้นทันที “เป็นเพราะเรื่องนี้จริง ๆ ด้วย! แล้วยังกล้าเอาผีบรรพบุรุษมาอ้าง”
“งั้นพวกเราจะทำยังไงกันดี?” คุณพ่อลู่เอ่ยถาม
ลู่ฉิวเยว่กำลังทานแอปเปิลที่ฉินซือส่งให้ เธอนิ่งใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ยังไงเราก็ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างค่ะ เราจะแค่นั่งรอให้พวกเขามาก่อกวนอีกครั้งไม่ได้” ลู่ฉิวเยว่ไม่ทราบเลยว่าเจ้าของบ้านหญิงคนเก่าจะเล่นลูกไม้อะไรอีก
ทุกคนหันมามองเธอ
ดวงตาของลู่ฉิวเยว่เป็นประกายระยิบระยับ “แล้วทำไมพวกเราถึง…ไม่ล่อเสือออกจากถ้ำล่ะคะ?”
…
บ่ายวันนั้น แม่ของเธอถือตะกร้าผลไม้สองใบเดินออกไปข้างนอก
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ชาวบ้านในละแวกนี้ก็จะมาจับกลุ่มพูดคุยกันในลานโล่ง
“อุ๊ย! คุณแม่ของฉิวเยว่กำลังหิ้วตะกร้าใส่ผลไม้ไปไหนกันนะ?” เมื่อทุกคนเห็นคุณแม่ลู่เดินเข้ามาจากระยะไม่ใกล้ไม่ไกล จึงทักทายด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่ลู่ยิ้มตอบกลับไป “แหม ทุกคนอยู่รวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาพอดี เอาผลไม้ไปแบ่งกันสิจ๊ะ” เธอชูตะกร้าใส่แอปเปิลทั้งสองใบในมือขึ้น
“เยอะจังเลย” เพื่อนบ้านจางผู้อยู่ในละแวกบ้านเดียวกันเอ่ยปากชื่นชม ผลแอปเปิลที่อยู่ในตะกร้ามีขนาดใหญ่และสวยงาม ทำไมถึงเอามาแจกแบบนี้ล่ะ?
คุณแม่ลู่โบกมือและพูดเสียงเรียบว่า “ฉันจะกลับไปจัดงานเลี้ยงที่บ้านเกิดวันพรุ่งนี้น่ะ ไม่รู้ว่าต้องไปกี่วัน เก็บเอาไว้ก็ไม่มีใครกิน เอาไปแจกให้เด็ก ๆ ที่บ้านนะคะ”
“กลับบ้านเหรอ?” เพื่อนบ้านจางนึกอะไรได้บางอย่าง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราจะช่วยดูบ้านให้เอง”
“ใช่แล้ว เดี๋ยวพวกเราจะช่วยดูบ้านให้เป็นอย่างดีเลย” ทุกคนพร้อมใจกันรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ และรับรองว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน
เมื่อคุณแม่ลู่ได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มกว้าง “งั้นก็รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมาก”
ในไม่ช้า ข่าวที่ว่าครอบครัวของลู่ฉิวเยว่จะกลับไปจัดงานเลี้ยงที่บ้านเกิดก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน แล้วก็รู้ไปถึงหูเจ้าของบ้านคนเก่าเช่นกัน
…
บ่ายวันต่อมา ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระจำนวนมาก
แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ในจังหวะที่ทุกคนไม่ทันระวังตัว ลู่ชางหลินก็เดินสะดุดธรณีประตูล้มลง
“เป็นอะไรไหมคะพ่อ?” ลู่ฉิวเยว่ช่วยประคองบิดาด้วยความเป็นห่วง
ลู่ชางหลินจับขาของตัวเอง เขาพยายามขยับขา แต่แล้วก็ทำหน้านิ่ว “พ่อเจ็บหน่อยๆ แต่ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก เดี๋ยวกลับไปถึงเมืองหัวอ้ายแล้วค่อยว่ากัน ไม่งั้นจะตกรถไฟกันพอดี”
ลู่ฉิวเยว่ปฏิเสธทันที “ไม่ได้ค่ะ พวกเราไปที่โรงพยาบาลกันก่อนดีกว่า”
เมื่อปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ตัดสินใจจะพาลู่ชางหลินไปที่โรงพยาบาลก่อน ฉินซือจะเป็นคนเฝ้าเขาเอง ส่วนลู่ฉิวเยว่กับมารดาก็เดินทางกลับไปที่เมืองหัวอ้ายก่อน
เนื่องจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ พวกเขาจึงลืมปิดประตู เพราะรีบไปที่โรงพยาบาล
เมื่อเจ้าของบ้านคนเก่าได้ข่าวนี้ เธอก็ยิ้มอย่างดีใจ
“ในเมื่อเราซื้อบ้านกลับมาไม่ได้ ก็แค่เข้าไปขโมยของออกมา!” เจ้าของบ้านหญิงคนเก่าคิดอย่างผู้ชนะ
อวี๋เซิงฝูเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้ “แต่เราต้องอย่าให้ใครจับได้นะ ค่อยเข้าไปขโมยคืนนี้ก็แล้วกัน!”
ชิวซินหัวเราะในลำคอ เอนศีรษะอิงหน้าอกของชายหนุ่ม “พวกเขาคงไม่นึกถึงว่าจะเป็นฝีมือของเราหรอกใช่ไหม? ฮ่า ๆ ๆ”
อวี๋เซิงฝูลูบไหล่เธอเบา ๆ “พวกเขาคงคิดไม่ถึงแน่ ๆ ตอนนี้พวกเราเตรียมรถเข็นกันก่อนดีกว่า วัตถุโบราณพวกนั้นเก่าแก่มาก คงต้องใช้เวลาในการขนย้ายไม่น้อย”
…
เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว รอบบ้านของลู่ฉิวเยว่เงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงแมลงกรีดร้องในอากาศแว่วมากับเสียงล้อรถยนต์ที่แล่นมาตามถนนซีเมนต์เท่านั้น
ย่อมเป็นรถยนต์ของชิวซินกับอวี๋เซิงฝู ผู้กำลังจะลอบเข้าไปขโมยของภายในบ้านของลู่ฉิวเยว่
“ไม่ได้ปิดบ้านไว้จริง ๆ ด้วย” ชิวซินเดินลงจากรถ ผลักประตูไม้เบา ๆ แล้วประตูก็แง้มเปิดออก เธออดไม่ได้ที่จะดีใจ
อวี๋เซิงฝูมีดวงตาเป็นประกายหมือนกับเห็นขุมสมบัติล้ำค่าอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปาก ก่อนจะเดินนำคนรักเข้าไปด้านใน
แต่ชิวซินไม่รู้เหยียบเท้าโดนอะไร เธอจึงลื่นล้มกระแทกพื้นเสียงดังโครม รู้สึกเจ็บเหมือนกระดูกก้นกบแตก จนส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
“เงียบหน่อยสิ!” อวี๋เซิงฝูตวาด รีบเอามือปิดปากเธอ พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง โชคดีที่ยังไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
“คุณจะเรียกให้ชาวบ้านออกมาดูรึไง!”
ชิวซินสะดุ้งเฮือก ยกมือปิดปากตัวเอง พยายามลุกขึ้นยืนพลางข่มความเจ็บปวดไว้
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไป แต่ไม่นานนัก อวี๋เซิงฝูเผลอเหยียบอะไรบางอย่างจนล้มลงไปกองบนพื้นเช่นกัน การล้มธรรมดาคงไม่เป็นไร แต่เขากลับล้มลงบนเศษกระจกที่แตกกระจายอยู่บนพื้น!
มือของเขาทับอยู่บนเศษกระจก เลือดไหลออกมา อวี๋เซิงฝูเจ็บปวดแต่ส่งเสียงร้องไม่ได้ น้ำตาไหลเต็มสองแก้ม
อะไรกันเนี่ย? ทำไมบ้านหลังนี้ถึงได้เละเทะไปหมด
พวกเขาต้องการเข้ามาขโมยวัตถุโบราณจากบ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้คนหนึ่งก็เดินไม่ถนัด อีกคนหนึ่งมือก็ได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจึงทำได้เพียงประคองกันและกันเดินไปยังตำแหน่งที่วัตถุโบราณถูกซ่อนเอาไว้เท่านั้น
ชิวซินคุกเข่าลง ใช้มือโกยดินชั้นแรก ก่อนจะยิ้มด้วยความประหลาดใจ “เจอแล้วค่ะ!”
อวี๋เซิงฝูคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข เดินไปยังประตูที่ถูกล็อก โดยลืมความเจ็บปวดทั้งหมด นำกุญแจเสียบเข้าไปในประตูห้องใต้ดิน แต่แล้วก็พบว่าประตูเปิดไม่ออก
“เกิดอะไรขึ้น!” อวี๋เซิงฝูขมวดคิ้ว หรือว่าเขาขโมยกุญแจมาผิดดอก?
กลุ่มนายตำรวจที่เฝ้าดูอยู่ตรงด้านนอกบ้านทั้งคืน อดไม่ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดหัวขโมยทั้งสองคนก็ปรากฏตัว นับว่าพวกเขาไม่เสียแรงเปล่าที่ต้องทนถูกยุงกัดมาทั้งคืนจริง ๆ!
อวี๋เซิงฝูกัดฟันด้วยความเจ็บใจ หยิบก้อนอิฐบนพื้นขึ้นมาทุบตัวล็อกประตู ตัวล็อกนี้เก่ามากแล้ว คงพังได้ไม่ยาก
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังว่า “เฮ้ย! คิดจะทำอะไรน่ะ?”
หัวขโมยทั้งสองคนหัวใจกระตุกวูบ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว นายตำรวจที่อยู่ทางด้านหลังก็พุ่งเข้ามาจับพวกเขากดแนบกับพื้นแล้ว
จากนั้นข้อมือของทั้งสองคนก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก
“ขอแสดงความยินดีด้วย พวกคุณได้รับกำไลเงินหายากแล้ว” นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งหยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม กระซิบข้างหูของชิวซินกับอวี๋เซิงฝู ไม่ต่างจากเสียงยมทูตที่มาเอาชีวิตผู้คน
ในไม่ช้า หัวขโมยทั้งสองคนก็ถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ