สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 212 ทรงเสน่ห์
บทที่ 212 ทรงเสน่ห์
ทำไมถึงมีตำรวจอยู่ที่นี่?
ลุงใหญ่ตกตะลึงทันที
ฉินซือจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เพียงเขายกมือออกคำสั่ง บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่สองคนก็ปรากฏตัวขึ้น ลุงใหญ่ไม่กล้าพูดอะไรอีก สุดท้ายก็ถูกลากตัวออกไปอย่างไร้ทางสู้
ลู่ฉิวเยว่ยังคงยิ้มแย้มบอกให้ทุกคนรับประทานอาหารต่อไป
เมื่อนายตำรวจและคุณทนายรับประทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็เดินทางกลับ ลู่ฉิวเยว่ใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย จากนั้นคว้ากระเป๋าและวางแผนกลับบ้านไปพร้อมฉินซือ
พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันใหม่ ๆ จึงตกลงกันว่าจะไม่ทำงานอีกหลายวัน คงไม่ดีแน่ถ้าทำผิดสัญญากันตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งไปกว่านั้น ร้านอาหารของเธอก็มีระบบการจัดการที่ดี ไม่มีอะไรที่ลู่ฉิวเยว่ต้องกังวล
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้ม
ฉินซือเบิกตาโตด้วยความดีใจ เอื้อมมือออกไปจับมือนุ่มนิ่มของเธออย่างแนบแน่น “ได้เลยครับ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
มืออีกข้างหนึ่งของเขาล้วงกระเป๋าด้วยความว้าวุ่นใจ เมื่อคืนนี้ลู่ฉิวเยว่เหนื่อยกับการรับแขกมาตลอดทั้งวัน เขาถึงไม่มีจิตใจที่จะรังแกเธอ ดังนั้นฉินซือจึงวางแผนที่จะมาเผด็จศึกในวันนี้
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเองจะทำเมื่อถึงบ้าน ฉินซือก็ต้องกลืนน้ำลาย ดวงตาจ้องมองไปที่ลู่ฉิวเยว่ด้วยความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ลู่ฉิวเยว่ไม่ทันได้สังเกต เธอเดินจูงมือเขาออกไปข้างนอก
เมื่อพวกเขาเดินผ่านร้านขายยาจีน ก็เห็นว่ามีลูกค้าต่อแถวเข้ารับการตรวจยาวเหยียด
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง ดูเหมือนว่าวันนี้กิจการจะค่อนข้างคึกคัก หลังจากใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย เธอก็จูงมือพาฉินซือเข้าไปข้างใน
“คุณลู่มาแล้ว” ถังเยว่ส่งยิ้มมาให้ ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวจับมือกันแน่น “ยินดีกับการแต่งงานด้วยนะครับ”
ลู่ฉิวเยว่ขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ฉินซือเองก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นทันที เขาหันกลับไปมองลู่ฉิวเยว่ที่อยู่ข้างกาย ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความสุข
“วันนี้ลูกค้าเยอะเชียวนะคะ สงสัยฉันคงต้องขึ้นเงินเดือนให้คุณซะแล้ว” ลู่ฉิวเยว่หยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี เธอเพิ่งตรวจสอบสมุดบัญชีเมื่อสองวันก่อน ปรากฏว่ายอดขายประจำเดือนนี้ยังคงน่าประทับใจ
ถังเยว่หัวเราะออกมาเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณมากเลยครับ”
แต่แล้วชายหนุ่มก็ยกมือตบหน้าผากตนเองเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ไม่กี่วันก่อนมีลูกค้าไม่ได้จ่ายค่ายาครับ เขาจ่ายค่ายาด้วยแผ่นหยกชิ้นหนึ่ง ผมเห็นว่าเขาน่าสงสารก็เลยยอมตกลง คุณลู่ลองดูแผ่นหยกก่อนสิครับ…”
ถ้าลู่ฉิวเยว่ไม่เห็นด้วย ถังเยว่ก็จะควักเงินของตนเองออกค่ายาแทน เขารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ
หลังจากนั้นเขาก็นำแผ่นหยกออกมาวางไว้บนโต๊ะ
ลู่ฉิวเยว่หยิบแผ่นหยกขึ้นพิจารณา เธอไม่เห็นว่ามันมีคุณค่าอะไร แต่เธอก็ไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาและถามว่า “ค่ายาเท่าไหร่เหรอ?”
“100 หยวนครับ” ถังเยว่ถอนหายใจ
“จดลงในบัญชีด้วย” 100 หยวนไม่ใช่เงินมากมายอะไร เธอไม่สนใจอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินคำตอบจากเจ้าของร้าน ถังเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เงิน 100 หยวนอาจจะไม่ได้มากมายสำหรับเธอ แต่สำหรับเขา มันเป็นจำนวนที่มากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าลูกค้าคนนั้นน่าสงสารมาก ถังเยว่ก็คงไม่มีทางตัดสินใจรับแผ่นหยกชิ้นนี้ไว้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าจะยืนคุยต่อไป ฉินซือก็รู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว เขากระตุกแขนเสื้อเธอ ซึ่งทำให้ลู่ฉิวเยว่จำได้ทันทีว่าสัญญาอะไรกับเขาเอาไว้ ในช่วงหลายวันนี้ เธอจะไม่ทำงานเด็ดขาด
ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปบีบมือเขาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะร่ำลาถังเยว่ “ฉันขอตัวก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรไปแล้วกัน” แล้วหญิงสาวก็เก็บแผ่นหยกใส่กระเป๋า
“ได้เลยครับ” เมื่อถังเยว่เห็นปฏิกิริยาของฉินซือ เขาก็ต้องอมยิ้ม ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตขนาดไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยาก็กลายเป็นลูกแมวตัวหนึ่งอยู่ดี
ลู่ฉิวเยว่รีบขึ้นรถยนต์ของฉินซือ แต่หลังจากที่รถยนต์แล่นออกมาได้ไม่กี่นาที หญิงสาวก็จ้องมองไปข้างถนนและพูดว่า “ฉินซือ หยุดรถก่อน”
ฉินซือเบิกตาโต “มีอะไรอีก?” ตอนนี้เขาอยากจะกลับบ้านเท่านั้น
“ฉันอยากรู้ว่าแผ่นหยกนี้เป็นของจริงหรือเปล่าน่ะ” ลู่ฉิวเยว่กำลังจ้องมองไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกล
ฉินซือกัดฟันด้วยความรำคาญใจ ก่อนจะจอดรถเทียบข้างทางและมองเธอด้วยหน้าตาบูดบึ้ง
แต่ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด เธอลงจากรถไปพร้อมกับกระเป๋าคู่กายและเดินตรงไปที่ร้านขายอัญมณีซึ่งอยู่ในห้างสรรพสินค้าทันที
“สวัสดีค่ะ ฉันขอตรวจสอบคุณภาพของหยกชิ้นนี้หน่อยได้ไหมคะ?” เธอรูดซิปเปิดกระเป๋า นำแผ่นหยกออกมาวางลงบนเคาน์เตอร์ และพูดกับชายชรา
“ได้เลยครับ” ชายชรารีบสวมถุงมือและใส่แว่นตา หยิบแผ่นยกขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง
เมื่อดูอย่างละเอียดแล้ว ดวงตาของชายชราก็เป็นประกายแวววาว “หยกชิ้นนี้คุณภาพดีมากเลยครับ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงได้มาจากที่ไหนเหรอครับ?”
ลู่ฉิวเยว่หัวใจกระตุกวูบ เธอตอบเบา ๆ ว่า “มีคนให้เป็นของขวัญมาค่ะ พอจะตีราคาให้หน่อยได้ไหมคะ?”
ชายชราหัวเราะ ชี้มือไปที่แผ่นหยกซึ่งอยู่ในตู้กระจกและกล่าวว่า “หยกของคุณมีลักษณะคล้ายกับหยกชนิดนี้มาก แต่หยกของคุณมีขนาดใหญ่กว่าหยกของผม ฝีมือการแกะสลักก็ละเอียดกว่า อย่างน้อยก็ขายได้ไม่ต่ำกว่า 4,000 หยวนครับ”
ลู่ฉิวเยว่ทำตาโตอย่างคาดไม่ถึง แผ่นหยกชิ้นนี้มีราคาสูงถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ? ดูเหมือนครั้งนี้โชคจะหล่นทับเธอเข้าแล้วจริง ๆ
ฉินซือที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ได้ยินเช่นกัน เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะราคาของหยก แต่เป็นเพราะประหลาดใจในความโชคดีของภรรยาตัวเองต่างหาก นับตั้งแต่เรื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์มาจนถึงเรื่องแผ่นหยก ดูเหมือนลู่ฉิวเยว่จะมีความสามารถในการดึงดูดสิ่งของเหล่านี้อยู่เสมอ
“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงอยากขายไหมครับ? ถ้าคุณขายให้ผม ผมจะให้ราคา 4,300 หยวน ผมกล้าบอกเลยว่านี่เป็นราคาที่ยุติธรรมแล้ว คุณผู้หญิงสนใจขายไหมครับ?” ชายชราไม่ยอมวางแผ่นหยกลงเลย ยิ่งเขามองมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชื่นชอบมากเท่านั้น
เขาไม่ได้พบเห็นของดีขนาดนี้มานานแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ส่ายศีรษะและยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะรับแผ่นหยกกลับคืนมาเมื่อชายชราดูจนพอใจ “ไม่ขายหรอกค่ะ”
หยกคือสิ่งที่ยิ่งมีอายุมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีราคามากเท่านั้น ถ้าเธอเก็บเอาไว้อีกหลายปีก็ไม่ต้องกลัวว่าจะพบปัญหาเงินขาดมือ เพราะฉะนั้น ลู่ฉิวเยว่จึงไม่มีเหตุผลที่จะขายมันในราคาเพียงไม่กี่พันหยวน
แววตาของชายชราผิดหวังทันใด เขาจ้องมองหญิงสาวเก็บแผ่นหยกใส่กระเป๋าตาละห้อย ในที่สุดชายชราก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาส่งกล่องไม้ใบหนึ่งให้เธอ “เก็บไว้ในกล่องนี้เถอะครับ ไม่งั้นจะเสียของหมด”
“ขอบคุณมากค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มรับกล่องไม้ด้วยสองมือ กล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
ชายชราโบกไม้โบกมือด้วยความรำคาญใจ ยิ่งเห็นแผ่นหยกนั้นถูกเก็บใส่กล่องตรงหน้า แต่เขาไม่สามารถเป็นเจ้าของมันได้ ชายชราก็รู้สึกเศร้าโศกจริง ๆ
ในที่สุด เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉินซือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเปิดประตูบ้านด้วยความรีบร้อน ก่อนจะจัดการดันเธอไปจนติดประตูโดยทันที
ลมหายใจประสานกัน ลู่ฉิวเยว่ได้ยินเสียงหอบหายใจอย่างเหลือทนของเขา จากนั้นชายหนุ่มก็ก้มศีรษะลงและปิดริมฝีปากของเธอ ลมหายใจที่ชัดเจนทะลุเข้าไปในปากของเธอด้วยความเร่าร้อน
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกว่ามีบางอย่างระเบิดอยู่ในใจ เธอเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ เธอเคยจูบเขาในอดีต ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยรู้สึกถึงความรู้สึกนี้มาก่อน เพียงแต่ทั้งคู่กำลังระงับรอวันนี้ที่จะมาถึงเท่านั้น
ยิ่งเธอระงับอารมณ์มากเท่าไหร่ ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ่งร้อนแรงมากขึ้นเท่านั้น เธอโยนกระเป๋าลงบนชั้นวางข้าง ๆ อย่างลวก ๆ และเอามือเรียวเล็กลูบหลังคอของเขาจนคล้ายกับจะเกิดไฟฟ้าสถิต
ฉินซือรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะเสียสติ หัวสมองร้อนผ่าวเช่นเดียวกับทั้งร่างกาย และลู่ฉิวเยว่ก็เป็นคนที่เติมเชื้อเพลิงเข้าใส่กองไฟไม่ยอมหยุด
“ครั้งแรกของเราจะอยู่บนเตียงหรือยังไงดีนะ?” เขาหัวเราะเบา ๆ ริมฝีปากสีแดงเข้มบาง ๆ ของเขาพัวพันรอบใบหูส่วนล่างสีขาวอันอ่อนโยนของเธออย่างคลุมเครือ และมีประกายไฟลอยไปตลอดทางในห้วงภวังค์ จุดประกายจิตสำนึกของลู่ฉิวเยว่ให้กระจัดกระจาย
“แล้วแต่คุณเลย” เธอตอบด้วยเสียงสั่นเครือเหมือนกับกำลังร้องไห้ แต่ก็เหมือนกับว่าเธอมีอารมณ์บางอย่างปะทุเดือดเช่นกัน