สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 21 ร้านใหม่เปิดให้บริการแล้ว
บทที่ 21 ร้านใหม่เปิดให้บริการแล้ว
บทที่ 21 ร้านใหม่เปิดให้บริการแล้ว
“เชฟลู่ ขอโร่วเจียโม๋ 5 ชิ้น!” เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหลัง ลู่ฉิวเยว่หมุนตัวกลับไปและพบกับลูกค้าเก่าหลายคน
“โชคดีนะเนี่ยที่ร้านของคุณหาง่าย เพราะคุณเลิกไปขายที่หน้าโรงงานแล้ว พวกเราก็หาอาหารเช้าอร่อยกินไม่ได้อีกเลย โชคดีที่เมื่อวานผมผ่านมาทางนี้พอดี ก็เลยเห็นคุณเข้าโดยบังเอิญ” หนึ่งในกลุ่มลูกค้ายิ้มและพูดว่า “หลังจากนี้ผมก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรกินอีกแล้ว”
เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณมากนะคะ”
“เดี๋ยวผมจะแวะมาอุดหนุนบ่อย ๆ นะ”
ในตอนเช้ามีลูกค้าไม่มากนัก แต่บรรยากาศก็สดชื่นแจ่มใส ใครจะรู้ว่าในตอนบ่ายกลับมีบุคคลสำคัญปรากฏตัวขึ้น
“ลู่ฉิวเยว่”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลู่เจี๋ยหรง ลู่ฉิวเยว่ก็หันกลับไปและเห็นลูกพี่ลูกน้องของเธอมาพร้อมกับสวีต้าหลิน
เขาไม่ได้พบเจอลู่ฉิวเยว่มาหลายวันแล้ว ดูเหมือนเธอยังคงดูดีไม่เปลี่ยนแปลง
สวีต้าหลินจ้องมองไปที่หญิงสาว แววตาของเขาทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
“ลู่ฉิวเยว่ เธอทำอะไรลงไป! เธอทำลายชีวิตฉัน!” ลู่เจี๋ยหรงตะโกนใส่ลู่ฉิวเยว่ สายตาอาฆาตแค้น
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ “ฉันทำอะไรงั้นเหรอ ทำไมเธอไม่ถามตัวเองล่ะ เธอน่าจะรู้ดีนี่นา?”
“เธอเป็นคนยกเลิกงานแต่งงาน ทำให้เราต้องจ่ายเงินค่าชดเชยแทนเธอ! คืนเงินมาให้พวกเราเลยนะ! ไม่งั้นฉันจะพังร้านเธอแน่!”
ครั้งที่แล้ว เธอไม่ได้มาเล่นงานลู่ฉิวเยว่โดยตรง แต่ยืมมือครอบครัวเฉินในการเล่นงาน ทำให้ต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนถึง 200 หยวน และทำให้คุณย่าลงโทษเธออย่างหนัก!
เธอต้องซวยก็เพราะว่ามีลู่ฉิวเยว่เป็นต้นเหตุ!
ความจริง ในร้านขายโร่วเจียโม๋มีคนไม่มากนัก แต่เมื่อคนได้ยินว่ากำลังเกิดเหตุทะเลาะโต้เถียงกัน ชาวบ้านจำนวนมากก็มามุงดูด้วยความสนใจ
“ทุกคนฟังให้ดี ผู้หญิงคนนี้มีนิสัยเลวทรามต่ำช้า เธอหลอกลวงผู้ชายมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แล้วพวกคุณยังกล้ากินของที่เธอทำอีกเหรอ!” ลู่เจี๋ยหรงยืนส่งเสียงตะโกนอยู่หน้าทางเข้าร้าน
“ว่าไงนะ?!” กลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจจะมาซื้อโร่วเจียโม๋เพราะได้กลิ่นนั้นหอมหวนหยุดชะงักทันที สายตาของพวกเขาที่จ้องมองลู่ฉิวเยว่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ในยุคสมัยนี้ ผู้หญิงที่เที่ยวหลอกลวงผู้ชายคือคนที่จะถูกสังคมรังเกียจมากที่สุด
“ลู่เจี๋ยหรง! เธอใส่ร้ายลู่ฉิวเยว่ของเรามากี่ครั้งกี่หนแล้ว ตอนนี้เธอยังกล้ามาก่อกวนอีกหรือ เธอยังมีความเป็นคนเหลืออยู่อีกไหม?” มารดาของลู่ฉิวเยว่ทนไม่ไหว ถึงกับวางตะเกียบลงและเดินย่ำเท้าออกไปด้วยความโกรธแค้น แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย “ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เป็นคนไม่ดี คนที่อยู่ในหมู่บ้านลู่เจี๋ยต่างก็รู้ดีว่าลูกสาวของฉันบริสุทธิ์ เธอถูกคนพวกนี้ใส่ร้ายทั้งนั้น”
“นี่มันอะไรกัน? คุณน้าถึงกลับมาโกรธแค้นหนูแล้วเหรอ?” ลู่เจี๋ยหรงส่ายหน้าและพูดว่า “คุณน้าก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน! นี่มันครอบครัวจิ้งจอกชัดๆ! คุณน้ายุยงให้น้าผู้ชายตัดขาดกับคุณย่าใหญ่ ครอบครัวนี้ไม่มีคนดีเลยสักคน!” ลู่เจี๋ยหรงหันไปขยิบตาให้สวีต้าหลินเพื่อขอให้เขาอาศัยจังหวะนี้เตรียมการขโมยของ
สายตาของมารดาลู่ฉิวเยว่เฉียบคม มองเห็นได้ทันเวลา จึงคว้าข้อมือของสวีต้าหลินเอาไว้ทันที “นี่เธอตั้งใจมาก่อกวนเพื่อขโมยของงั้นสินะ? ลู่เจี๋ยหรงสามีของเธอขโมยของจากฉิวเยว่ของเรา ยังไม่รีบยอมรับผิดอีก”
ชาวบ้านที่มามุงดูเริ่มกระซิบกระซาบกันด้วยความสับสน แต่คนจำนวนมากก็ยังคงมองมาลู่ฉิวเยว่ที่ด้วยความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้น
ลูกสาวเป็นพวกหลอกลวงผู้ชาย ส่วนแม่ของเธอก็ยุยงให้สามีของตัวเองตัดขาดจากมารดาผู้ให้กำเนิด กลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจจะมาอุดหนุนโร่วเจียโม๋ในตอนแรก ก็เปลี่ยนใจเดินกลับไปไม่ใช่น้อย
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ รู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเฉินเจี๋ยเมื่อครั้งที่แล้วคงไม่จบลงง่ายๆ ลู่เจี๋ยหรงรู้ว่าเธอกำลังจะเปิดร้านใหม่ จึงตั้งใจใช้โอกาสนี้มาบ่อนทำลายทุกอย่าง
“ลู่เจี๋ยหรง ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะทำอะไร เธอคิดว่าฉันไม่กล้าเปิดเผยความน่ารังเกียจของเธองั้นสินะ”
ลู่เจี๋ยหรงไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย จุดประสงค์ในการมาวันนี้ของเธอคือการทำลายภาพลักษณ์ของลู่ฉิวเยว่ ส่วนเธอเองไม่ได้เข้าเมืองมาบ่อย ๆ อยู่แล้ว ดังนั้น ลู่ฉิวเยว่จะพูดอะไรก็ได้
อีกอย่าง คงไม่มีใครเชื่อคำพูดของลู่ฉิวเยว่อยู่แล้ว
ในเมื่อลู่ฉิวเยว่ทำให้เธอไม่มีความสุข เธอก็จะทำให้ชีวิตของลู่ฉิวเยว่ไม่มีความสุขเหมือนกัน!
ลู่ฉิวเยว่ดูออกว่าลู่เจี๋ยหรงไม่กลัวอะไรอีกแล้ว หลังปลอบโยนบิดามารดา เธอก็รับฟังด้วยรอยยิ้ม และถึงกับนำเก้าอี้มานั่งรับชมการแสดงของลู่เจี๋ยหรงต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับบรรดาชาวบ้านจากหมู่บ้านเยว่เหลียงและหมู่บ้านลู่เจี๋ยอีกหลายคน
“ลู่เจี๋ยหรง เธอลืมคำเตือนก่อนหน้านี้ไปหมดแล้วเหรอ? เธอมารังแกลู่ฉิวเยว่อีกแล้วใช่ไหม?” เมื่อเห็นหน้าลู่เจี๋ยหรง ผู้ใหญ่บ้านลู่เจี๋ยก็เดินเข้ามาด้วยความโกรธแค้น “เธอมันเป็นนังงูพิษ เธออิจฉาลู่ฉิวเยว่ก็เลยอยากมาก่อกวนสร้างปัญหา เธอไม่มียางอายบ้างหรือไง?”
เมื่อเห็นไม้กวาดตั้งอยู่ข้างทาง ผู้ใหญ่บ้านก็หยิบขึ้นมาไล่ฟาดคน
ลู่เจี๋ยหรงคิดไม่ถึงว่าลู่ฉิวเยว่จะมีผู้ใหญ่บ้านคอยช่วยเหลือ เธอจึงได้แต่วิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว ผู้ใหญ่บ้านหันมาเห็นสวีต้าหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จึงใช้ไม้กวาดไล่ฟาดด้วยเช่นกัน “แกก็อีกคน! แกมันก็ไม่ใช่ตัวดีเหมือนกัน! เก่งจริงก็อย่าหนีสิวะ!”
หลังจากได้เห็นเหตุการณ์นี้ ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ก็รับรู้อะไรบางอย่าง
คุณลุงผู้เป็นตัวแทนของชาวบ้านหมู่บ้านเยว่เหลียงลุกขึ้นยืนพูดว่า “ทุกคนอย่าได้เข้าใจลู่ฉิวเยว่ผิดไป เธอเป็นคนดีมาก ลู่ฉิวเยว่เป็นผู้มีพระคุณของหมู่บ้านเรา ในวันนี้ พวกเราจึงตั้งใจมาร่วมแสดงความยินดีกับการเปิดร้านอาหารของเธอ ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือพวกเรามาโดยตลอดนะครับ”
คุณลุงนำกระเช้าดอกไม้มามอบให้
เมื่อมีการยืนยันว่านี่เป็นเพียงการกลั่นแกล้งเท่านั้น ร้านของหญิงสาวก็กลับมามีชีวิตชีวาและมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
“ขอ 2 ชิ้นครับผม”
“ฉันก็อยากได้ 2 ชิ้นเหมือนกัน”
“ฉันด้วย”
ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมตัวยาวเดินแหวกกลุ่มคนออกมาด้วยท่วงท่าสง่างาม เขายิ้มและพูดว่า “สาวน้อยคนนี้มีความรู้เรื่องกฎหมายดีมากทีเดียว”
ลู่ฉิวเยว่มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความประทับใจ และกำลังทำการประเมินสถานะของอีกฝ่ายอยู่ในใจ เธอตอบรับอย่างอ่อนน้อมว่า “ชมกันเกินไปแล้วค่ะ นี่โร่วเจียโม๋ของคุณ”
ชายคนนั้นยิ้มออกมาอย่างจริงใจ รับโร่วเจียโม๋จากมือของลู่ฉิวเยว่เดินไปหาที่นั่งทางด้านนอก และร้องขอน้ำซุปเพิ่มเติม
หืมม
เนื้อหมูมีกลิ่นหอมมาก เป็นเนื้อติดมันแต่ไม่เลี่ยนเกินไป อร่อยอย่างคาดไม่ถึง
เขาไม่เคยกินโร่วเจียโม๋ที่ไหนอร่อยมากขนาดนี้มาก่อน!
ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาว่า “ฉันเป็นเจ้าของโรงงานทอผ้าไป๋อวิ๋น ฉันอยากสั่งจองอาหารกับเธอเป็นรายเดือน ไม่ทราบว่าเธอสะดวกหรือเปล่า?”
โรงงานทอผ้าไป๋อวิ๋น? นี่คือโรงงานทอผ้าที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ
ลู่ฉิวเยว่ตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีถึงเพียงนี้
เธอยิ้มและตอบตกลง
อาหารของเธออร่อยจริง ๆ สินะ? ผู้คนเริ่มตะโกนร้องสั่งอาหารอย่างวุ่นวายมากขึ้น “แม่ค้า ผมก็ขอโร่วเจียโม๋ด้วยเหมือนกัน”
หลังจากนั้น ร้านเล็ก ๆ ของลู่ฉิวเยว่ก็มีลูกค้าเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาคุณแม่ของเธอยิ้มปากฉีกแทบถึงหู
การค้าขายดำเนินไปตลอดทั้งวัน กว่าพวกเขาจะปิดร้านก็เป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว
ทั้งครอบครัวนั่งรับประทานอาหารค่ำด้วยกันและคำนวณรายได้ประจำวันนี้
230 หยวน
ลู่ฉิวเยว่ไม่คิดเลยว่าเปิดร้านวันแรกกิจการจะดีถึงเพียงนี้
ในยุค 1970 ต่อให้เป็นคนงานที่ทำงานในโรงงานก็จะได้รับเงินเดือนเพียงเดือนละ 70 หรือ 80 หยวนเท่านั้น ซึ่งก็ถือเป็นเงินก้อนใหญ่แล้วเมื่อมาเทียบกับเงิน 200 หยวน
แต่วันนี้เธอทำเงินได้ 230 หยวน! “ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการสร้างบ้านอีกแล้ว”มารดาของหญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้วค่ะ”ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “พวกเราต้องซื้อบ้านที่อยู่ในตัวเมืองด้วยนะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่ฉิวเยว่ทำให้พ่อแม่และคุณลุงของเธอยิ้มออกมาด้วย นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน
วันต่อมา ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่ยังคงมาเตรียมตัวเปิดร้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนที่ลู่ฉิวเยว่กำลังหั่นเนื้ออยู่ในร้าน เธอก็ได้ยินมารดาของตนเองอุทานออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า “เอาอีกแล้วไง”
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองไปทางเสียงอุทานของมารดา และเห็นเฉินซุนเหยียนเดินแหวกกลุ่มคนเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“ฉันอยากได้โร่วเจียโม๋ 10 ชิ้น!” เธอออกคำสั่ง ยกมือชี้หน้าลู่ฉิวเยว่