สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 204 จดทะเบียนสมรส
บทที่ 204 จดทะเบียนสมรส
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มกว้างทันที พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดแต่งงานของฉันกับฉินซือแล้วค่ะ พวกเราก็เลยอยากมาเชิญด้วยตัวเอง” หลังจากพูดจบแล้ว ฉินซือก็หาที่จอดรถได้เรียบร้อย เขาเดินกลับมาพอดี เธอจึงยื่นมือออกไปจับมือของเขาไว้
นายตำรวจตกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “ยินดีด้วยนะครับ ในที่สุดพวกคุณก็ได้แต่งงานกันสักที”
ฉินซือได้ยินคำพูดของนายตำรวจก็ต้องยิ้มแฉ่ง ซึ่งแตกต่างจากบุคลิกเงียบขรึมตามปกติ เขาหันกลับมามองหน้าลู่ฉิวเยว่ที่ยืนอยู่ข้างกายโดยไม่รู้ตัว
ลู่ฉิวเยว่ขอบคุณนายตำรวจและดึงฉินซือเดินขึ้นไปที่สถานี
ปรากฏว่าวันนี้ที่สถานีตำรวจค่อนข้างเงียบเหงา กลุ่มเจ้าหน้าที่จึงรวมตัวกันเพราะไม่มีอะไรทำ สวีซงซิงยิ้มอย่างมีความสุขทันทีเมื่อได้ยินว่าทั้งสองคนมาหาด้วยเรื่องอะไร “ผมจะต้องไปร่วมงานแน่นอนครับ”
“ดีเลยค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ไอออกมาเล็กน้อย รู้สึกเก้อกระดาก “คือว่าฉันมีเรื่องอยากรบกวนด้วยค่ะ”
“บอกมาได้เลยครับ” สวีซงซิงยิ้มแย้มอย่างสดใส เขายังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเธอเลยที่ช่วยให้เขาได้พบเจอกับน้องชายฝาแฝดเมื่อครั้งที่แล้ว
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มด้วยความเกรงใจ ก่อนจะบอกเล่าเรื่องของครอบครัวที่ร้ายกาจของคุณย่าให้นายตำรวจได้รับฟัง
“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยววันงานพวกเราจะช่วยไปสังเกตการณ์ให้เอง รับรองว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเด็ดขาด” สวีซงซิงตบหน้าอกรับประกันด้วยความมั่นใจ นายตำรวจคนอื่น ๆ ก็รับปากด้วยความหนักแน่นเช่นกัน
พวกเขาเคยไปทานอาหารที่ร้านของลู่ฉิวเยว่อยู่บ่อย ๆ จึงมีความสนิทสนมกันอยู่พอสมควร และพวกเขาก็ยังรู้ว่าลู่ฉิวเยว่เป็นคนที่ช่วยให้ลูกพี่สวีได้พบเจอกับน้องชายฝาแฝดที่พลัดพราก นี่จึงถือเป็นการตอบแทนหญิงสาวด้วยในตัว
ลู่ฉิวเยว่ลุกขึ้นยืนด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากเลยนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ” สวีซงซิงโบกไม้โบกมือและรับปากว่าเมื่อถึงวันแต่งงาน เขาจะรวบรวมนายตำรวจที่ไม่ต้องเข้าเวรไปร่วมงานแต่งของเธออย่างแน่นอน
เมื่อหมดเวลาพักเที่ยง หญิงสาวก็กลัวว่าตนเองจะมารบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เธอและฉินซือจึงร่ำลาทุกคน เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ
“เอากลับไปเถอะครับ มันแพงมากเกินไป” สวีซงซิงและนายตำรวจอีกคนเดินตามออกมาเพื่อนำของขวัญมาส่งคืน
ลู่ฉิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือปฏิเสธ “แค่เครื่องดื่มกับขนมเองค่ะ ไม่ได้แพงอะไร ให้ทุกคนแบ่ง ๆ กันนะคะ”
หญิงสาวเอามือมาไขว้หลังไว้ ไม่ยอมรับของกลับคืน
สวีซงซิงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรับของขวัญเอาไว้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ทุกคน “งั้นก็ขอบคุณมากนะครับ ขอยินดีด้วยอีกครั้งสำหรับการแต่งงานนะครับ”
บนสถานีตำรวจ เมื่อทุกคนเห็นว่าสวีซงซิงเดินนำถุงใส่ของขวัญกลับมาอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายระยิบระยับ
“เธอบอกว่าเป็นแค่เครื่องดื่มกับขนมให้พวกเรามาแบ่งกันน่ะ อย่าลืมเอากลับไปฝากลูก ๆ ที่บ้านกันด้วยล่ะ” สวีซงซิงยิ้มและวางถุงใส่ของขวัญลงบนโต๊ะ
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็รีบตรงเข้ามาทันที
“นี่! มีบุหรี่ด้วยล่ะ” ใครคนหนึ่งดึงซองบุหรี่ออกมาจากกล่องของขวัญและพูดด้วยความประหลาดใจ “ฉันได้ยินมาว่าบุหรี่ยี่ห้อนี้ราคาตั้งเท่านี้เชียว” แล้วเขาก็ยกนิ้วมือขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
สวีซงซิงเลิกคิ้วขึ้นสูง ดูเหมือนว่าของขวัญที่เธอนำมามอบให้แก่พวกเขาจะมีราคาไม่น้อยจริง ๆ
เขายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นก็แบ่งกันเถอะ ในเมื่อคุณลู่อุตส่าห์มีน้ำใจเอามาให้พวกเรา ถึงวันแต่งของเธอเมื่อไหร่ ใครไม่ได้เข้าเวรก็อย่าลืมตามฉันไปช่วยรักษาความปลอดภัยให้งานของเธอด้วย”
ในขณะนี้ กลุ่มคนที่อยากจะได้ส่วนแบ่งของขวัญแต่มีความอับอาย ก็รีบขันอาสาด้วยความหนักแน่นขึ้นมาทันที เพียงเท่านี้พวกเขาก็สามารถแบ่งของขวัญกันได้อย่างสบายใจแล้ว
…
หลายวันผ่านไป คุณย่าใหญ่ไม่ได้กลับมาปรากฏตัวอีก แม่ของลู่ฉิวเยว่โทรศัพท์กลับไปที่หมู่บ้านชนบท ได้ข่าวว่าหญิงชราก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นเหมือนกัน ไม่รู้เลยว่าหญิงชราและพวกของลู่เจี๋ยหรงยังคงอยู่อาศัยในเมืองหลวงต่อไปหรือไม่
ลู่ฉิวเยว่ไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว เธอทุ่มเทสมาธิทั้งหมดให้กับการจัดเตรียมงานแต่ง
ฉินซือเป็นคนเลือกโรงแรม ลู่ฉิวเยว่ตรวจสอบดูแล้วก็ไม่มีอะไรต้องคัดค้าน
เธอและฉินซือช่วยกันดูแลรายละเอียดของงานแต่งทุกอย่าง อย่างเช่นการตัดชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ลู่ฉิวเยว่สั่งตัดกระโปรงยาวเพิ่มอีกตัว เธอวางแผนที่จะใส่อีกชุดหนึ่งสำหรับงานเลี้ยงฉลอง ซึ่งน่าจะมีความสะดวกสบายมากกว่าการเลี้ยงฉลองด้วยชุดเจ้าสาว
เพียงไม่นานก็ถึงวันที่เธอและเขากำหนดจดทะเบียนสมรส คุณแม่ฉินนำแหวนทองคำมาส่งมอบให้ตั้งแต่เช้า ลู่ฉิวเยว่รับซองใส่แหวนมาถือเอาไว้ก็รู้สึกหนักอึ้ง รีบยิ้มขอบคุณ และยังไม่มีเวลาได้เปิดดูเลย
คุณแม่ฉินยกมือปิดปาก พลางยิ้มออกมาเล็กน้อย “แหวนพวกนี้เคยเป็นของฉันและพ่อของเขามาก่อนตอนที่พวกเรายังหนุ่มสาวน่ะ ฉันว่าพวกมันสวยมากเลยนะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าหนูจะชอบหรือเปล่า”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน ตอบรับกลับไปว่า “ต้องชอบแน่นอนค่ะ” ซึ่งความจริงนั้นเธอไม่ได้สนใจเลยว่าแหวนจะสวยมากแค่ไหน ขอแค่นี้เป็นแหวนของแม่ฉินซือเธอก็พอใจแล้ว
“เอาล่ะ ได้เวลาไปจดทะเบียนกันแล้ว” คุณแม่ฉินมองนาฬิกาข้อมือ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ลู่ฉิวเยว่ไม่มีทางเลือกนอกจากออกไปขึ้นรถพร้อมกันฉินซือ แม่ของเขาถึงกับหาคนมาดูฤกษ์งามยามดีตั้งแต่หลายวันก่อน ท่านบอกว่าถ้าทำเรื่องจดทะเบียนสมรสได้ถูกเวลา ชีวิตการแต่งงานของพวกเขาก็จะมีความสุขตลอดไป
ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสค่อนข้างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย ลู่ฉิวเยว่ถือสมุดเล่มเล็ก ๆ สีแดงอยู่ในมือด้วยความคิดมากมาย สรุปว่า…การแต่งงานก็เป็นแบบนี้เองสินะ?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารถยนต์หยุดจอดในตำแหน่งที่ไม่ควรจอด ลู่ฉิวเยว่ก็คงยังไม่กลับมาได้สติและถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมไม่กลับบ้านคะ มาทำอะไรที่นี่?”
ฉินซือยิ้มเล็กน้อย ดึงสมุดสีแดงในมือเธอมาเก็บเอาไว้ในกระเป๋าของเขาให้ปลอดภัย “มาซื้อแหวน”
“แต่แม่ของคุณให้มาแล้วไง” ลู่ฉิวเยว่พูดอย่างช่วยไม่ได้
“แม่มีแหวนของแม่ ผมก็มีแหวนของผม มันจะเหมือนกันได้ยังไง” ฉินซือยืนยันก่อนจะลงจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ ส่งสัญญาณให้เธอลงมา
ลู่ฉิวเยว่ได้แต่หัวเราะในลำคอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเดินตามเขาเข้าไปในร้านขายทอง ยังไงเธอก็ห้ามเรื่องนี้กับเขาไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงทำได้เพียงรับฟังเท่านั้น
เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านทอง พนักงานขายก็รีบออกมาต้อนรับและชมเชยฉินซือไม่ขาดปาก ยิ่งทำให้สีหน้าของชายหนุ่มมีความสุขมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
เขาโบกมือส่งสัญญาณ แล้วพนักงานขายก็นำแหวนทองคำออกมาให้เลือกเป็นแผง ลู่ฉิวเยว่เห็นว่าพวกมันมีราคาแพงมากเกินไป จึงกระซิบว่า “ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ค่ะ แค่แหวนที่แม่คุณให้มาก็พอแล้ว”
พนักงานขายหัวเราะออกมาทันที “คุณผู้หญิงไม่ชอบทองคำหรือครับ? คนเราแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตนะครับ ยิ่งได้ทองคำมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น”
ฉินซือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ยกมือโอบไหล่เธอและเกลี้ยกล่อมให้เธอเลือกแหวน
ลู่ฉิวเยว่เห็นชายหนุ่มและพนักงานขายเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย สุดท้ายเธอก็ต้องตอบตกลง
พนักงานขายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะหมุนตัวไปนำกล่องใส่แหวนทองคำออกมาจากลิ้นชักอีกหลายใบ
ลู่ฉิวเยว่เหม่อมองออกไปข้างนอกด้วยความเบื่อหน่าย และในเวลานั้น จ้าวซูซินกับผู้เป็นมารดาก็เดินเข้ามาในร้านพอดี ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว รีบหันหน้ากลับมาทำเหมือนมองไม่เห็น
แต่ในเวลาเดียวกันนี้ จ้าวซูซินก็มองเห็นเธอเช่นกัน จึงรีบดึงแขนมารดาด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคิดว่าฉินซือกำลังจะได้แต่งงานกับนังบ้านนอกนั่นจริง ๆ จ้าวซูซินก็รู้สึกโกรธแค้นจนอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ
“เฮอะ คนเรานี่ก็แปลก ผู้หญิงดี ๆ มีไม่ชอบ ไปชอบผู้หญิงบ้านนอกมีตำหนิ แล้วชีวิตนี้จะอยู่อย่างมีความสุขกันได้ยังไงนะ?” คุณนายจ้าวส่งเสียงเย้ยหยันขึ้นมาลอย ๆ
ฉินซือหันไปมองด้วยใบหน้าเย็นชา กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของผู้หญิงเลยค่ะ”
พูดจบแล้ว เธอก็ยกมือกอดอก เชิดคางขึ้น จ้องมองไปที่สองแม่ลูกด้วยความภาคภูมิใจ “พวกเราต้องมีความสุขกันแน่นอนค่ะ ฉินซือกับฉันรักกันถึงได้แต่งงานกัน ไม่เหมือนใครบางคนที่ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตอยู่ได้”
ถ้อยคำตอบโต้ของลู่ฉิวเยว่ทำให้จ้าวซูซินโกรธแค้นแทบบ้าคลั่ง เธอสูดหายใจลึก หมุนตัวกลับมาบอกพนักงานขายด้วยความภาคภูมิใจว่า “บอกมาว่าพวกเขาเลือกแหวนวงไหนบ้าง ฉันจะซื้อให้หมดเลย!”