สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 202 ไล่คุณย่ากลับไป
บทที่ 202 ไล่คุณย่ากลับไป
“เมนูล่ะอยู่ไหน? ฉันอยากสั่งอาหาร” หญิงชรามองซ้ายมองขวา ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุดและร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
ลู่เจี๋ยหรงและมารดาก็นั่งลงเช่นกัน แต่เมื่อบรรดาเด็กเสิร์ฟเห็นว่าหวังเซวียนเซวียนไม่สนใจคนกลุ่มนี้ พวกเธอก็ทำเหมือนมองไม่เห็นเช่นกัน
การกระทำของกลุ่มเด็กเสิร์ฟทำให้คุณย่าใหญ่โมโหเป็นอย่างยิ่ง หญิงชรายกมือชี้หน้าหวังเซวียนเซวียนพร้อมกับดุด่าว่า “พวกแกจะไปมองหน้าไอ้เด็กคนนี้ทำไม ฉันต่างหากที่เป็นเจ้าของร้านนี้!”
คุณย่าข่มขู่เด็กเสิร์ฟต่อไป “ถ้าใครดูแลฉันไม่ดี คืนนี้ฉันจะเอาไปฟ้องลู่ฉิวเยว่ แล้ววันพรุ่งนี้พวกแกเตรียมตัวเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เลย!”
หวังเซวียนเซวียนจ้องมองหญิงชราผู้อวดดีที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกตลกขบขัน ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟผู้ชายที่อยู่ด้านหลังสองคน “คนพวกนี้คิดจะมาขอกินฟรี ไล่ออกไปซะ”
เด็กเสริฟหนุ่มทั้งสองคนพยักหน้า รีบจับตัวหญิงชราเพื่อจะลากเธอออกไป แต่หญิงชราก็เกาะโต๊ะแน่นไม่ยอมออกไปง่าย ๆ
“ไอ้พวกโรคจิต คิดแตะต้องตัวฉันเหรอ? ฉันจะแจ้งตำรวจ ฉันจะบอกว่าพวกแกลวนลามฉัน!” ลู่เจี๋ยหรงปัดมือของเด็กเสิร์ฟออกไปเมื่อเขาพยายามที่จะจับไหล่เธอ
เด็กเสิร์ฟหนุ่มจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เมื่อเห็นว่าวิธีการนี้ใช้ได้ผล แม่ของลู่เจี๋ยหรงจึงตะโกนขึ้นมาเช่นกันว่าตนเองโดนลวนลาม
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงที่หนักแน่นดังขึ้นอย่างกะทันหัน ลู่เจี๋ยหรงหันไปมองและพบกับนายตำรวจคนหนึ่ง เธอยังจำได้ดีที่ตนเองถูกลู่ฉิวเยว่โทรเรียกตำรวจมาจับตัวเอง การถูกตำรวจจับกุมในครั้งนั้นยังคงกลายเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอมาจนถึงตอนนี้
แต่คุณย่าไม่ได้กลัวตำรวจเหมือนเธอ หญิงชรายังคงมีสีหน้าเยือกเย็นดังเดิม
เลขาหวังเดินเข้าไปหาคุณตำรวจ “สหายตำรวจ ผมเป็นคนโทรแจ้งเอง ช่วยมาจัดการคนพวกนี้ด้วยครับ” เขาชี้มือไปยังผู้หญิงต่างวัยทั้งสามคนที่อยู่บริเวณโต๊ะอาหาร
นายตำรวจพยักหน้า เดินเข้าไปหาพวกของหญิงชราพร้อมกับแสดงบัตรประจำตัวออกมา
“ได้ข่าวว่าพวกคุณไม่ยอมจ่ายค่าอาหาร เพราะฉะนั้นโปรดตามเรามาด้วยครับ”
หญิงชรายิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณตำรวจ นี่เป็นร้านอาหารของหลานสาวฉัน ฉันเป็นคุณย่าเจ้าของร้านต้องจ่ายค่าอาหารด้วยหรือคะ? คุณเคยได้ยินเรื่องไร้สาระแบบนี้มาก่อนไหม?”
“เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคุณลู่มีญาติแบบคุณ” นายตำรวจหัวเราะในลำคอ พูดด้วยความไม่อยากเชื่อ “อีกอย่าง ถ้าคุณเป็นญาติกับเจ้าของร้านจริง แล้วทำไมคุณถึงไม่รู้จักเขา!” นายตำรวจชี้มือไปที่หวังเซวียนเซวียน ขณะพูดกับหญิงชรา
เขาเคยมารับประทานอาหารที่ร้านนี้หลายครั้งแล้ว จึงมีความสนิทสนมกับลู่ฉิวเยว่พอสมควร จนได้รู้ว่าหวังเซวียนเซวียนเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ
คุณย่าได้ยินแบบนั้นก็ต้องหยุดชะงักด้วยความมึนงง เธอนึกว่าหวังเซวียนเซวียนเป็นแค่ลูกจ้างในร้านอาหารทั่วไป คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นญาติของลู่ฉิวเยว่ ดังนั้นคุณย่าจึงรีบหัวเราะกลบเกลื่อนให้แก่หวังเซวียนเซวียน พยายามจะเดินเข้าไปจับมือเด็กหนุ่ม “อ้อ ที่แท้พวกเราก็เป็นญาติกันนี่เอง เธอคงเป็นครอบครัวทางฝั่งแม่ของลู่ฉิวเยว่ใช่ไหม?”
“ญาติอะไรกันครับ ผมไม่รู้จักคุณ” หวังเซวียนเซวียนขมวดคิ้วและสะบัดมือออก
นายตำรวจจ้องมองไปที่หญิงชราด้วยความรำคาญใจ “ถึงเป็นญาติแค่ทักทายกันก็พอ ทีนี้ก็เลิกรบกวนการค้าขายของคนอื่นได้แล้ว”
หลังจากที่หญิงชราพาพรรคพวกเข้ามาโวยวายในร้านอาหาร ลูกค้าจำนวนไม่น้อยก็ลุกขึ้นเดินหนีไป
หวังเซวียนเซวียนสั่งให้คนนำน้ำชาและขนมมาเสิร์ฟให้กับนายตำรวจ
เพราะเขามองการณ์ไกลเอาไว้แล้วว่า การประกอบธุรกิจร้านอาหารไม่ว่ายังไงก็คงต้องมีเรื่องราวให้รบกวนคุณตำรวจอยู่ดี เพราะฉะนั้นการมอบน้ำชาและขนมเป็นการผูกมิตรจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด
เมื่อมีนายตำรวจอยู่ที่นี่ คุณย่าใหญ่ก็ไม่กล้าก่อกวนอีกต่อไป แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนำน้ำชาและขนมมาเสิร์ฟให้กับนายตำรวจ หญิงชราก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า “นี่มันอะไรกัน พ่อแม่ของแกไม่เคยสั่งสอนบ้างหรือไงว่าต้องเคารพผู้อาวุโส? ฉันแก่ขนาดนี้แล้วยังไม่ได้กินน้ำชาเลยสักถ้วย!”
น้ำเสียงตำหนิติเตียนทำให้หวังเซวียนเซวียนรู้สึกอึดอัดใจ เขาตอบกลับไปด้วยความโกรธว่า “นั่นเป็นเพราะผมเคยได้ยินมาเรื่องนึงครับ เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งไปที่บ้านคนอื่น เจ้าของบ้านเอาน้ำชามารินให้ตามมารยาท พอผู้หญิงคนนั้นดื่มเข้าไปแล้ว ก็มาบอกว่าในน้ำชามียาพิษ สุดท้าย เธอก็ต้องการข่มขู่รีดไถเงินผู้คน…แม่เฒ่าครับ ที่ผมไม่กล้าเอาน้ำชามาให้คุณดื่ม เพราะผมกลัวคุณจะเป็นแบบนั้นน่ะ”
หญิงชราโกรธจนตัวสั่น ยกมือชี้หน้าหวังเซวียนเซวียนอย่างพูดอะไรไม่ออก
ลู่เจี๋ยหรงและแม่ของเธอก็โกรธเช่นกัน แต่ก็ไม่กล้าอาละวาดต่อหน้านายตำรวจ
ในเวลาเดียวกันนี้ ลู่ฉิวเยว่ได้รับโทรศัพท์จากเลขาหวังแล้ว เมื่อได้รับทราบว่าคุณย่าใหญ่พาพรรคพวกมาก่อกวนที่ร้านอาหารของเธอ หญิงสาวก็ทำได้เพียงสบถอยู่ในใจ บอกเรื่องนี้ให้แม่ของเธอรู้ แล้วพวกเธอก็รีบเดินทางมาที่ร้านอาหารพร้อมกัน
ส่วนพ่อของเธออยู่ที่บ้าน และเธอกับแม่ก็ไม่ได้บอกท่านว่าคุณย่าใหญ่มาที่ร้านอาหาร เพราะกลัวว่าถ้าพ่อมาจัดการเรื่องนี้ พ่ออาจจะใจอ่อนเอาได้
และทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในร้านอาหาร ลู่ฉิวเยว่ก็ได้พบเจอกับใบหน้าที่โกรธเคืองของคุณย่าใหญ่และสองแม่ลูกผู้เป็นลิ่วล้อ
“คุณตำรวจคะ ฉันมาแล้วค่ะ” เธอเดินเข้าไปคุยกับนายตำรวจ
เมื่อหญิงชราเห็นการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ทั้งสองคน ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง “นี่เธอ…เธอคือลู่ฉิวเยว่อย่างนั้นเหรอ?” หญิงชราหันไปจ้องมองที่ทั้งสองอีกครั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในขณะนี้ พวกเธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทันสมัย ไม่เหมือนตอนที่เคยอยู่เมืองหัวอ้ายราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองหญิงชราด้วยแววตาเหยียดหยาม “เราไม่รู้จักคนพวกนี้ค่ะ สงสัยจะเข้ามาขอกินฟรี”
เธอรีบหันไปพูดกับหวังเซวียนเซวียน “รีบตรวจดูข้าวของในร้านเดี๋ยวนี้ มีอะไรหายไปบ้างหรือเปล่า”
หญิงชรายกมือชี้หน้าลู่ฉิวเยว่ รู้สึกเหมือนตนเองกำลังโดนดูถูก “ลู่ฉิวเยว่ เธอหมายความว่ายังไง? ฉันเป็นย่าเธอนะ ทำไมเธอถึงต้องมาใส่ร้ายฉันด้วย!” หญิงชราทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น
“ย่าเย่ออะไรกัน อย่ามาพูดเหลวไหล คุณเป็นคนไล่พวกเราออกมาจากบ้านตั้งนานแล้ว” ลู่ฉิวเยว่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้มาจนชิน จึงไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย ลู่ฉิวเยว่กวาดสายตาสำรวจมองภายในร้านเพื่อดูว่ามีอะไรหายไปบ้างหรือไม่
“พวกของใหญ่ ๆ ไม่มีอะไรหายครับ แต่ผมไม่รู้ว่ามีของชิ้นเล็ก ๆ หายไปบ้างหรือเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีเวลาได้ตรวจสอบ” หวังเซวียนเซวียนก็กำลังใช้สายตาสำรวจมองรอบร้านอยู่เหมือนกัน
ลู่ฉิวเยว่หันกลับมามองหน้าคุณย่าใหญ่ด้วยความสงสัย ดวงตาของเธอเหมือนกับจะสามารถอ่านความคิดผู้อื่นได้ทะลุปรุโปร่ง หญิงชรารู้สึกผิดปกติขึ้นมาในทันใด
เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงชรา นายตำรวจก็มองออก ตะโกนด้วยเสียงเย็นชาว่า “พวกคุณสามคนนำของในกระเป๋ามาให้พวกเราตรวจเดี๋ยวนี้ มาดูกันเถอะว่าพวกคุณได้ขโมยของไปจริง ๆ ไหม”
หญิงชราพยายามกลบเกลื่อนด้วยการหัวเราะ และบอกว่าเธอจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้นได้ยังไง
แต่สุดท้าย เมื่อถูกนายตำรวจจ้องมองด้วยแววตาที่แข็งกร้าว เธอก็จำเป็นต้องควักของที่อยู่ในกระเป๋าออกมา ปรากฏว่าของเหล่านั้นก็คือขนมในร้านของลู่ฉิวเยว่นั่นเอง
ลู่ฉิวเยว่จำขนมจากร้านของตนเองได้ดี เธอยกมือกอดอก เย้ยหยันว่า “แม่เฒ่าบอกว่าตัวเองไม่ได้ขโมยของไปจากร้านฉันใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นขนมพวกนี้คืออะไร?”
หญิงชราโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เถียงเสียงแข็งว่า “ฉันเอาขนมมาจากร้านของฉันเอง นี่จะเรียกว่าขโมยได้ยังไง?”
“ถ้าไม่รีบออกไปตอนนี้ ฉันจะให้ตำรวจจับจริง ๆ แล้วนะ!” ลู่ฉิวเยว่ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดกับคุณย่าใหญ่อีกต่อไปแล้ว
นายตำรวจลุกขึ้นยืน จ้องมองหญิงชราด้วยสายตาเย็นชา การถูกจ้องมองเช่นนั้นทำให้คุณย่าใหญ่ตื่นตระหนก สุดท้ายเธอก็รีบพาพวกของลู่เจี๋ยหรงวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างราบรื่น ลู่ฉิวเยว่ก็มีสีหน้าอ่อนโยนมากขึ้น เธอขอบคุณนายตำรวจด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้พวกเราต้องรบกวนคุณจริง ๆ เชิญทานให้อร่อยเลยนะคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ แต่ว่าทางผมต้องกลับไปทำงานต่อ พวกเราอยู่รับประทานอาหารไม่ได้ ขอบคุณคุณลู่มากนะครับ” นายตำรวจโบกไม้โบกมือ ก่อนจะพาลูกน้องกลับไปที่สถานีตำรวจอย่างรวดเร็วเช่นกัน