สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 200 ร้านขายหมูตุ๋นเริ่มมียอดขายดีขึ้น
บทที่ 200 ร้านขายหมูตุ๋นเริ่มมียอดขายดีขึ้น
เมื่อเห็นพ่อแม่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีในพักหลัง ลู่ฉิวเยว่จึงวางแผนที่จะแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง
พักเที่ยงวันต่อมา เธอปฏิเสธการรับประทานอาหารกับฉินซือและเดินทางตรงไปที่ร้านขายหมูตุ๋นเพียงลำพัง แต่แทนที่จะเดินเข้าไปในร้านโดยทันที เธอกลับมองไปที่ร้านอาหารจานด่วนฝั่งตรงข้าม
ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง แต่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามมีลูกค้าหนาแน่น ผู้คนเดินเข้าออกตลอดเวลา บรรยากาศมีชีวิตชีวา ในเวลาเดียวกันนี้ ร้านหมูตุ๋นมีลูกค้าน้อยมาก บรรยากาศน่าวังเวงเป็นอย่างยิ่ง
เธอเดินสะพายกระเป๋าเข้าไปในร้านอาหารจานด่วนและลองสั่งอาหารมารับประทานดูสองสามอย่าง
บางทีคงเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ลู่ฉิวเยว่ไม่ค่อยได้มาดูแลที่ร้านขายหมูตุ๋น หรือไม่เจ้าของร้านก็คงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอจึงสั่งอาหารได้อย่างราบรื่น
หลังจากมองหาทั่วร้านแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็พบที่ว่างอยู่ที่มุมร้าน
ลู่ฉิวเยว่ได้นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับสามีภรรยาคู่หนึ่ง พวกเขามีลูกชายอายุประมาณสี่ขวบ เด็กน้อยกำลังบ่นเรื่องอาหารอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ
“อยากกินไหมจ๊ะ?” เมื่อเห็นเด็กน้อยจ้องมองมาที่เนื้อปลาทอดในจานของเธอ ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มและชี้ไปที่เนื้อปลาในจาน
พ่อแม่ของเด็กน้อยกำลังพูดคุยกันอยู่ แต่คนเป็นแม่ก็ได้ยินโดยทันที เธอรีบยิ้มอย่างขอโทษและจัดการหยิกแก้มเด็กชายเป็นการสั่งสอน “กินอาหารในจานของตัวเองไป อย่าไปมองอาหารให้จานของคนอื่น มันน่าอาย เข้าใจไหมลูก?”
ชายหนุ่มผู้เป็นสามียกมือเกาศีรษะด้วยความกระดากอาย “เด็กน้อยไม่รู้เรื่อง อย่าถือสาเลยนะครับ”
ลู่ฉิวเยว่โบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ น้องน่ารักดีนะคะ” เธอยิ้มและใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาในจานให้เด็กชายไปสองสามชิ้น
“ขอบคุณครับ พี่สาว” เด็กชายยิ้มกว้าง
“เด็กดื้อเอ๊ย” คนเป็นแม่ดุยิ้ม ๆ ก่อนจะคีบไก่ทอดในจานของเธอให้ลูกชาย
ลู่ฉิวเยว่นั่งรับประทานต่อไปพร้อมกับชวนอีกฝ่ายคุยว่า
“อาหารพวกนี้รสชาติธรรมดา ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าทำไมคนถึงได้เยอะจัง?” เธอพูดออกมาด้วยความพิศวง
หญิงสาวคนที่เป็นแม่เด็กเพิ่งรับประทานเสร็จและวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปาก “อาหารรสชาติธรรมดาก็จริง แต่จุดเด่นคือราคาถูกค่ะ เมื่อเทียบกับราคาแล้วก็ถือว่าคุ้มมาก”
ลู่ฉิวเยว่รับรู้ได้โดยทันที “เจ้าของร้านคงใจดีมากเลยนะคะ” ปรากฏว่าเหตุผลที่ร้านนี้มีลูกค้าเยอะไม่ใช่เพราะว่าอาหารอร่อย แต่เป็นเพราะอาหารมีราคาถูกและใช้วัตถุดิบคุณภาพดีต่างหาก
ในทางตรงกันข้าม ร้านหมูตุ๋นของพ่อแม่เธอมีราคาแพง แถมยังเป็นร้านเปิดใหม่ หลายคนยังไม่เคยรับประทาน พวกเขาจึงไม่อยากเสียเงินทดลอง เพราะถึงอย่างไรก็คงไม่มีใครอยากเอาเงินไปแลกกับของไม่อร่อยอยู่แล้ว
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็รับประทานปลาทอดของเธอหมดพอดี และเธอก็เดินทางกลับไปวางแผนดึงดูดลูกค้าต่อไปอีกครั้ง
บ่ายวันนั้น เธอเดินทางกลับไปที่ร้านอาหารของตนเองและบอกให้ลูกจ้างในร้านเดินทางไปที่ร้านหมูตุ๋นของพ่อแม่เธอในวันพรุ่งนี้ เธอจะให้พวกเขาได้รับประทานหมูตุ๋นฝีมือของพ่อแม่เธอ
“เจ้านายใจดีจังเลยค่ะ!” เด็กเสิร์ฟสาวยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ อาหารในร้านของเธอมีรสชาติอร่อยมาก ถ้าเป็นฝีมือของพ่อแม่เจ้านาย ก็รับประกันได้เลยว่าหมูตุ๋นเหล่านั้นต้องอร่อยอย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญ มันเป็นอาหารที่พวกเธอไม่ต้องเสียเงิน!
คนอื่น ๆ ก็ตอบรับด้วยความดีใจเช่นกัน
เช้าวันต่อมา ลู่ฉิวเยว่ช่วยพ่อแม่เปิดร้านหมูตุ๋นตั้งแต่รุ่งเช้า และจัดการเตรียมจานอาหารไว้รับรองลูกจ้างที่จะเดินทางมาจากร้านของเธอ
กลิ่นของหมูตุ๋นหอมหวนชวนรับประทาน เมื่อทุกคนได้ลองชิม ก็ไม่มีใครที่จะไม่ยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชม “อร่อยมากเลยค่ะ! อร่อยมากจริง ๆ!”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและตอบรับว่า “ถ้ากินหมดแล้วก็มาขอเพิ่มได้นะ”
ทุกคนพยักหน้า
กลิ่นของหมูตุ๋นลอยตามลมไปอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้คนที่เดินผ่านแถวนั้นได้กลิ่นก็เดินตามกลิ่นมาจนถึงร้านของพ่อแม่ลู่ฉิวเยว่
แต่เมื่อลองมองดี ๆ พวกเขาก็พบว่าภายในร้านแทบจะไม่มีลูกค้าเลย จึงเกิดความลังเลใจว่าควรเข้าไปดีหรือไม่
ลูกจ้างจากร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่เห็นดังนั้นก็พากันหัวเราะและชื่นชมว่า “เป็นหมูตุ๋นที่หอมและสดใหม่ รสชาติอร่อยจริง ๆ เลยเนอะ!”
“แถมเนื้อยังไม่เลี่ยน ละลายในปากด้วย!”
…
ในที่สุดก็เริ่มมีคนทนความเย้ายวนใจไม่ไหวและเดินเข้ามาภายในร้าน
เมื่อมีคนแรก คนอื่น ๆ ก็ตามมา พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่รีบตักหมูตุ๋นใส่ถ้วยไปรับลูกค้าทันที
เมื่อมีการเปิดฉากที่ดี ลูกค้าคนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลอีกแล้ว มีคนเดินเข้ามาสั่งอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนรับประทานหมดแล้วก็ยังไม่พอใจ ถึงกับขอสั่งใหม่เพิ่มอีกชาม
“ความคิดของคุณยอดเยี่ยมจริง ๆ” ฉินซือเดินยิ้มหวานเข้ามาหาลู่ฉิวเยว่
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ ดวงตาเป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจ “ใช่แล้ว ก็ฉันฉลาดนี่นา”
ฉินซือไม่ได้พูดอะไรต่อไป
ในไม่ช้า ร้านหมูตุ๋นก็มีลูกค้าเดินเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ลู่ฉิวเยว่ได้ยินมีคนเรียกฉินซือว่า ‘เถ้าแก่’ อยู่ตลอดเวลา
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณช่วยฉันโปรโมตร้านด้วยเหรอ?”
“แค่พูดให้คนที่โรงงานฟังน่ะ” ฉินซือสั่นศีรษะ
เขาได้ยินเธอพูดเมื่อวานนี้ว่ากำลังจะมาช่วยพ่อแม่หาลูกค้าที่ร้านหมูตุ๋น ฉินซือใช้ความคิดอยู่นานก็พบว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกกล่าวพนักงานในบริษัทและคนงานในโรงงาน จึงมีคนงานจำนวนไม่น้อยมาช่วยอุดหนุนเธอในวันนี้
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มมุมปาก หันซ้ายหันขวา ก่อนจะลากเขาไปที่มุมร้าน และหอมแก้มเขาอย่างแรง “ฉินซือ คุณใจดีจังเลย”
ฉินซือยกมือสัมผัสรางวัลที่ข้างแก้มของตนเองด้วยความพอใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“เอาล่ะ กลับไปดูแลลูกน้องคุณได้แล้ว” ลู่ฉิวเยว่หมุนตัวเดินกลับออกไปจากมุมร้าน ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หอมแก้มเธอบ้าง
ฉินซือหมุนตัวเดินตามเธอออกไป และเห็นผู้จัดการชั้นอาวุโสจากทางโรงงานเพิ่งจะมานั่งลงพอดี เขาจึงเดินไปกระซิบข้างหูลู่ฉิวเยว่ ก่อนจะพาเธอเดินตรงไปที่กลุ่มผู้จัดการเหล่านั้น
“เจ้านายครับ” พวกเขาเห็นฉินซือตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านอยู่แล้ว และตอนนี้ยิ่งฉินซือเดินเข้ามาหาด้วย พวกเขาก็ต้องรีบลุกขึ้นทักทาย
สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่ลู่ฉิวเยว่ข้างกายฉินซือ ใครคนหนึ่งอดหยอกเย้าขึ้นมาไม่ได้ว่า “อันนี้คือนายหญิงใช่ไหมครับ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เคยมีคนเรียกลู่ฉิวเยว่เช่นนี้ เธอหยุดชะงัก ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินซือกระตุกยิ้มอย่างมีความสุข จ้องมองไปที่ลู่ฉิวเยว่ด้วยความตั้งใจ พร้อมรับคำว่า “ใช่แล้ว”
กลุ่มผู้จัดการส่งเสียงหัวเราะ ฉินซือบอกให้พวกเขานั่งลงรับประทานอย่างมีความสุข ในร้านอาหารไม่มีสุรา ลู่ฉิวเยว่จึงนำน้ำอัดลมมาให้แทน และเธอก็ไม่ลืมกำชับพ่อแม่ให้ช่วยนำอาหารแบบเย็นและหมูตุ๋นเพิ่มปริมาณพิเศษมาให้แก่โต๊ะนี้โดยเฉพาะ
บรรยากาศของโต๊ะนี้จึงดีมาก
“เจ้านายของเราไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน ไม่ทราบว่านายหญิงทำยังไงถึงพิชิตหัวใจเจ้านายของเราได้ครับเนี่ย?” ใครคนหนึ่งในกลุ่มหัวเราะขึ้นมาและหยอกเย้าลู่ฉิวเยว่ ทุกคนส่งเสียงเป่าปากแซวด้วยความสนุกสนาน
พอได้ยินแบบนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็พลันหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย
ฉินซือรีบยิ้มและพูดออกมาว่า “เธอเป็นคนพิชิตใจฉันที่ไหนกัน? ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายตามจีบเธอแทบตาย”
“ที่แท้เจ้านายของเราก็เป็นจอมตื๊อนี่เอง!” หนึ่งในผู้จัดการหัวเราะออกมาเสียงดัง
เวลาอยู่ที่โรงงาน ฉินซือมักจะมีหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ตลอดทั้งวัน นี่จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะได้หยอกล้อเขาบ้าง
และวันนี้ฉินซือก็อารมณ์ดี เขาปล่อยให้ลูกน้องหยอกล้อตัวเองต่อไป พร้อมกับแอบหันมาชำเลืองมองลู่ฉิวเยว่เป็นระยะ รอยยิ้มบนริมฝีปากไม่เคยหายไปเลย
ในตอนเย็น เมื่อปิดร้านเรียบร้อย แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็แทบรอเวลาที่จะเก็บโต๊ะและนำเงินทั้งหมดที่ขายได้ในวันนี้มาวางลงบนโต๊ะไม่ไหวแล้ว ทั้งครอบครัวช่วยกันนับเงินอย่างขยันขันแข็ง
ลู่ฉิวเยว่นำเงินที่ตนเองนับแยกได้ทั้งหมดมารวมเข้ากับเงินที่พ่อแม่นับแยกเอาไว้อีกสองกอง ก่อนจะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ทั้งหมด 260 หยวน วันนี้ขายดีจริง ๆ ค่ะ”