สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 20 บทเรียนของตระกูลเฉิน (รีไรท์)
บทที่ 20 บทเรียนของตระกูลเฉิน (รีไรท์)
บทที่ 20 บทเรียนของตระกูลเฉิน (รีไรท์)
หลังจากส่งหญิงชราไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่คิดว่าในที่สุดเธอก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้สักสองสามวัน แต่เธอไม่คาดหวังว่าปัญหาจะมาหาเธออีก
ในตอนเที่ยงของวันนั้น ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่กำลังรับประทานอาหารกลางวันกันอย่างครื้นเครงในห้องนั่งเล่น
“นี่คือบ้านของลู่ฉิวเยว่ใช่ไหม?” หญิงวัยกลางคนเปิดประตูเข้ามา
คนอีกหลายคนที่อยู่ข้างหลังเธอก็ตามมาด้วย
“ใช่ ฉันเอง!” ลู่ฉิวเยว่กลืนอาหารเข้าปากแล้วลุกขึ้นเดินไปต้อนรับ “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อุ๊ย หน้าตาดีจริงๆ แม่เฒ่าไม่ได้โกหกแฮะ”
หญิงวัยกลางคนผู้นั้นคว้าแขนของเธอพลางมองขึ้น ๆ ลง ๆ ด้วยสายตาแปลกประหลาด นี่ไม่ใช่สายตาที่ใช้มองดูผู้คน แต่เป็นสายตาที่ใช้ในการประเมินสินค้า ลู่ฉิวเยว่เห็นแล้วจึงรู้สึกอึดอัด
“ป้าเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน” หญิงสาวสะบัดมือของหญิงผู้นั้นออกอย่างแรงแล้วถามเสียงเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้น” ตอนนี้ทุกคนในห้องนั่งเล่นพร้อมใจกันออกมาด้วยสีหน้าไม่ต้อนรับแขก
“ก็ครอบครัวของพวกเรากลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนี่นา” ผู้หญิงคนนั้นจับมือลู่ฉิวเยว่แล้วยิ้ม
แม่ของลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว ก่อนจะดึงลูกสาวไปยืนข้างหลัง “นี่คือลูกสาวของฉัน ครอบครัวของเรายังไม่ได้ตกลงให้เธอแต่งงานกับใครทั้งนั้น”
“อะไรนะ?” จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้ม พูดกับลู่ฉิวเยว่ว่า “คุณย่าของคุณยังไม่ได้บอกอีกเหรอ นับจากนี้เป็นต้นไป เธอจะเป็นลูกสะใภ้ของเราแล้ว”
ทันใดนั้น ใบหน้าของแม่ลู่ฉิวเยว่ก็เปลี่ยนเป็นเข้มขรึม เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “พวกเราตัดขาดจากครอบครัวนั้นแล้ว พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ถ้าคุณอยากหาลูกสะใภ้ ก็ไปแต่งกับหลานสาวบ้านนั้นเถอะ!”
“อย่าเพิ่งโมโหนักเลย อย่างน้อยในอนาคต พวกเราก็จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” หญิงวัยกลางคนไม่ยอมปล่อยมือราวกับว่าเธอไม่เข้าใจคำพูดภาษามนุษย์
แม่ของลู่ฉิวเยว่ยิ่งทวีความโกรธจนควันออกหู
“ออกไปซะ! ถ้าอยากจะแต่งงาน ก็ไปแต่งงานกับยายแก่นั่นเองเถอะ!” ผู้เป็นเจ้าของบ้านไม่สนใจพูดคุย รีบขับไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญออกไปทันที
หญิงวัยกลางคนหยุดหัวเราะ สีหน้าพลันขมวดตึง เธอยืนเท้าเอวแล้วเอ่ยน้ำไหลไฟดับ “ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะตัดความสัมพันธ์ยังไง แม่เฒ่าคนนั้นยกผู้หญิงคนนี้ให้กับลูกชายของฉันแล้ว! ฉันจะกลับไปมือเปล่าได้ยังไงล่ะ เรื่องสินสอดก็จัดการเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วด้วย ฉันดูฤกษ์แต่งงานมาเป็นอย่างดี พวกเรามาแต่งงานกันวันนี้เลยดีกว่า!”
เธอโบกมือให้คนที่อยู่ข้างหลัง คนเหล่านั้นก็เข้ามาดึงลู่ฉิวเยว่ไปทันที
“ลองแตะต้องเธอดูสิ!” เสียงของฉินซือเย็นชาจนน่ากลัว เมื่อเขาปรากฏตัว ทุกคนก็ราวกับเห็นใบหน้าของปีศาจร้าย รอบๆ ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยไปเย็นเยียบ
เขาเดินไปดึงลู่ฉิวเยว่มาหลบอยู่ข้างหลังเป็นการป้องกันเธอเอาไว้
คนอื่นไม่รู้จักฉินซือ แต่เลขาหวังจะไม่รู้ได้อย่างไร
ถ้าเจ้านายของเขาลองได้เป็นศัตรูกับใคร รับรองว่าได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
“ไอ้สารเลว! จับมันไว้!” กลุ่มชายฉกรรจ์ที่หญิงวัยกลางคนพามาด้วยล้วนตกใจกลัว แต่เธอกำลังโกรธจนอกจะแตกตายแล้ว
จู่ ๆ พวกชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็กลับมาตั้งสติได้ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปแย่งชิงตัวลู่ฉิวเยว่มาอย่างหงุดหงิด
โครม!
ฉินซือจับคนที่เพิ่งเข้ามาทุ่มข้ามไหล่ไปข้างหน้า
สงครามเปิดฉากขึ้นแล้ว เหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งต่อสู้กันทันที
ในท้ายที่สุด ฉินซือและเลขาหวังก็เป็นฝ่ายโยนพวกอันธพาลออกไป
“นังตัวดี ฝากไว้ก่อนเถอะ!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนพลางยกมือขึ้นกุมบั้นท้ายแน่น
รอให้ผู้หญิงคนนี้แต่งงานเป็นสะใภ้ของเธอก่อนเถอะ รับรองว่าเธอจะแก้แค้นให้ถึงใจเลยทีเดียว!
ไม่ว่าลู่ฉิวเยว่จะแข็งกร้าวขนาดไหน หญิงวัยกลางคนก็มั่นใจว่าตนเองมีวิธีทำให้เธอศิโรราบได้
ลู่ฉิวเยว่เหลือบมองเธออย่างเย็นชา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า “ได้ ฉันจะรอก็แล้วกัน!”
เมื่อเห็นฉินซือกำหมัดแน่นอีกครั้ง กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ตกใจกลัวจนวิ่งหนีไป
“หญิงชราคนนี้ไร้ยางอายจริง ๆ!” แม่ของลู่ฉิวเยว่ตวาดอย่างโกรธจัด ผู้เป็นสามีก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจ ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “เอาเถอะค่ะ เราจะโกรธแค้นคุณย่าไปเพื่ออะไรล่ะคะ มีแต่ทำให้บรรยากาศของพวกเราเสียไปเองก็เท่านั้น”
“คนพวกนี้ต้องกลับมาอีกแน่ๆ” แม่ของลู่ฉิวเยว่เอ่ยหน้าเศร้า
คืนนั้น ทั้งพ่อและแม่ของเธอกังวลมากจนนอนไม่หลับ มีแต่ลู่ฉิวเยว่ที่นอนหลับได้อย่างสงบ
เพราะไม่ว่าอย่างไรทุกปัญหามีทางออกเสมอ
…
บ้านหลังถัดไป ไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดสว่าง
ฉินซือนั่งบนโซฟา สีหน้ายังนิ่งสนิท เขาไม่พูดอะไรเลย บรรยากาศจึงดูเคร่งเครียดมาก
เลขาหวังเช็ดเหงื่อเย็น ๆ จากหน้าผาก ถ้าฉินซือยังไม่พูด เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเช่นกัน
เจ้านายของเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่กลับมาจากบ้านของลู่ฉิวเยว่ น่ากลัวเหลือเกิน
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินซือก็เอ่ยเสียงเย็น “ไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้น!”
“ได้เลยครับ!” เลขาหวังตอบรับแล้ววิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่ลองนึกดูดีๆ แล้ว
เจ้านายกำลัง… หึงเชฟลู่อย่างนั้นหรือ?
เขา…
ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย มาทำเรื่องสำคัญก่อนดีกว่า
เลขาหวังสลัดความคิดของตนเองแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เลขาหวังนำความจริงที่สืบทราบมาได้มาบอกลู่ฉิวเยว่ตามคำสั่งของฉินซือ
ปรากฏว่ากลุ่มคนที่บุกมาหาเธอเมื่อคืนนั้นเป็นคนของตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินมีลูกชายที่เป็นอัมพาต เมื่อไม่กี่วันก่อน หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ของเขาได้นำวันเกิดของลู่ฉิวเยว่ไปทำนายดวงชะตา และผลการเสี่ยงทายก็ออกมาว่าตราบใดที่ลู่ฉิวเยว่แต่งงานกับครอบครัวของพวกเขาในฐานะลูกสะใภ้ ลูกชายของพวกเขาก็จะหายเป็นปกติ
ด้วยเหตุนี้ หญิงวัยกลางคนจึงต้องการรับตัวลู่ฉิวเยว่เป็นลูกสะใภ้ในตระกูล และยังจ่ายค่าสินสอดเป็นเงินมูลค่าหลายร้อยหยวนอีกด้วย
“…ลูกชายของครอบครัวนั้นก็ไม่ใช่คนดีเช่นกัน เขาถูกรุมกระทืบจนต้องเป็นอัมพาตเพราะไปจีบสาวไม่ดูตาม้าตาเรือนี่แหละครับ” เลขาหวังกัดฟัน
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ
เรื่องนี้ได้เงินแค่ไม่กี่ร้อยหยวน นับว่าคุณย่าของเธอสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อเงินจริงๆ
“เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะช่วยคุณเอง” ฉินซือพูดเบาๆ
ดวงตาของลู่ฉิวเยว่เป็นประกายขึ้นมาทันที เธอยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “ฉันพอจะมีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้วค่ะ เพียงแต่ต้องรบกวนความช่วยเหลือจากคุณฉินสักหน่อยเท่านั้น”
ฉินซือเลิกคิ้ว “ไม่มีปัญหา!”
…
ณ ครอบครัวเฉิน
เพี๊ยะ!
ทันทีที่เฉินชุนกลับถึงบ้าน เขาก็ตบภรรยาอย่างรุนแรง
“เฉินชุน! คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองเขาอย่างเหลือเชื่อ
เฉินชุนโกรธยิ่งกว่าเดิม อยากจะตบเธออีกครั้ง “เธอต่างหากที่เป็นบ้าไปแล้ว! ดูสิว่าเธอไปมีเรื่องกับใครเข้า! ฉันตกงานแล้ว! มีความสุขมากพอหรือยัง ฉันนึกว่าเธออยากตายเสียอีก!”
“คุณหมายความว่ายังไง” หญิงวัยกลางคนกลืนน้ำลายอย่างประหม่า “ตกงานอะไรกัน คุณเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้าน ใครจะกล้าไล่คุณออก”
“นังโง่! เธอรู้ตัวไหมว่าเธอไปบุกรุกบ้านใคร คนคนนั้นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่แม้แต่นายอำเภอก็ยังไม่กล้ามีเรื่องด้วย แล้วเธอกล้าดียังไงไปคิดแย่งชิงผู้หญิงของเขา!”
“ฉัน… ฉันไม่รู้นี่นา!” หญิงวัยกลางคนสะดุ้ง น้ำตาพลันรินไหล
เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีภูมิหลังใหญ่โต ถ้าเธอรู้ เธอก็ไม่กล้าไปมีเรื่องกับลู่ฉิวเยว่หรอก แม้ว่าเธอจะมีความกล้าหาญมากกว่านี้อีกเป็นสิบเท่าก็เถอะ
“ที่รัก ฉันขอโทษ… ฉันไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้… ฉันไม่รู้ว่า…”
เมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญของภรรยา เฉินชุนก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขากระชากผมของเธอพร้อมสาปแช่ง “เธอควรอธิษฐานขอให้ฉันอยู่รอดปลอดภัยเถอะ ไม่อย่างนั้น…”
“เฉินชุน คุณหมายความว่ายังไง!” ผู้หญิงคนนั้นตวาดอย่างโกรธเคือง “นั่นลูกชายของคุณไม่ใช่เหรอ ถ้าตอนนั้นคุณปกป้องเขาได้ เขาจะมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง!”
“หุบปาก!”
ทันใดนั้น หญิงวัยกลางคนก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ เธอไม่ควรฟังหญิงชราที่พยายามยั่วยุให้เธอไปจับตัวลู่ฉิวเยว่มาเลยจริง ๆ
ตอนนี้ไม่เพียงแต่สามีของเธอจะตกงานแล้ว แต่เธอยังถูกสามีโกรธแค้นอีกด้วย
นังเฒ่าคนนั้นมันร้ายกาจเสียเหลือเกิน!