สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 190 ซื้อบ้าน
บทที่ 190 ซื้อบ้าน
มุมปากของลู่ฉิวเยว่บิดตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย เธอพูดต่อไปว่า “พี่สาวคะ เอาแบบนี้ดีกว่า เมื่อฉันจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว คุณค่อยจ่ายเงินฉันก็ได้”
แม่ของหลี่ห่าวดีใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เชื่อหมดหัวใจ พยักหน้าตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย”
อีกอย่าง เธอไม่ได้จ่ายเงินสักหน่อย ถึงผู้หญิงคนนี้หลอกลวง เธอก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว
“ถ้าคุณพี่แน่ใจว่าอยากได้ตำแหน่งงานนี้ ก็ให้ลูกชายเตรียมเอกสารเอามาให้ฉันได้เลยค่ะ ฉันจะได้รีบเอาไปยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่ในเมืองหลวง พอจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉันจะกลับมารับเงินที่ร้านของคุณนะคะ” ลู่ฉิวเยว่พูด
แม่ของหลี่ห่าวรีบรับปากอย่างรวดเร็ว “ได้เลยจ้ะ ฉันจะรีบไปบอกเขาเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบ เธอก็รีบออกไปบอกต่อหลี่ห่าว
ตอนแรกหลี่ห่าวไม่เชื่อเลย แต่เมื่อแม่ของเขาบอกว่ารอให้บรรจุเข้าทำงานเสร็จเรียบร้อยก่อนถึงค่อยจ่ายเงิน เขาก็เชื่อขึ้นมาทันทีและรีบเปิดลิ้นชักหยิบเอกสารที่ต้องใช้ออกมา ปีที่แล้วพ่อแม่วางแผนจะให้เขาไปทำงานในเมืองหลวง ดังนั้น เอกสารทุกอย่างจึงมีพร้อมสำหรับการใช้งานได้ทันที
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าเล็กน้อย รับเอกสารและเดินออกไปจากร้าน หญิงผู้เป็นเจ้าของร้านเดินมาส่งด้วยความประจบประแจง
เมื่อลู่ฉิวเยว่เดินออกไปเรียบร้อยแล้ว แม่ของหลี่ห่าวก็รีบโทรไปเล่าให้สามีฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
หลี่เฉียงกำลังหมดหวังในเรื่องการงานของลูกชาย เมื่อได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูด เขาก็ยิ้มออกมาทันที “ได้เลย งั้นเดี๋ยวผมจะไปถอนเงินที่ธนาคารตอนเที่ยง คืนนี้คุณทำอาหารดี ๆ รอไว้ได้เลย เราต้องฉลองกันสักหน่อยแล้ว”
แม่ของหลี่ห่าวยิ้มออกมาอีกหลายครั้ง
…
ลู่ฉิวเยว่เดินอ้อมหัวมุมถนน เก็บเอกสารทั้งหมดใส่ในกระเป๋า ก่อนจะกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
“พี่ครับ” เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู หวังเซวียนเซวียนก็รีบเดินมาเปิดประตูโดยทันที
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอและพูดว่า “เรียบร้อยแล้ว ทีนี้นายก็ไปทำเรื่องขอย้ายโรงงานที่แผนกบุคคลได้เลย”
“สุดยอดไปเลยครับพี่!” ถ้าไม่กลัวว่าฉินซือจะหึง เขาก็คงกระโดดกอดเธอไปหลายครั้งแล้ว พี่สาวของเขาเป็นคนฉลาดจริง ๆ แม้แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอก็ยังจัดการได้ไม่มีปัญหา
ลู่ฉิวเยว่โบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไร นายรีบไปลงมือเถอะ เกิดพวกเขารู้ตัวขึ้นมา นายจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการเอานะ”
หวังเซวียนเซวียนพยักหน้า นำเอกสารวิ่งออกจากบ้านไปด้วยความร้อนรน เขาตรงไปที่สำนักงานของแผนกบุคคลในโรงงานโดยทันที
“มาทำไมอีกเนี่ย?” ตอนนี้หลี่เฉียงกำลังอารมณ์ดี แม้แต่ทัศนคติที่มีต่อหวังเซวียนเซวียนก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย
ลูกชายของเขากำลังจะได้ไปทำงานอยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นใครจะได้ตำแหน่งงานในโรงงานนี้ไปก็ไม่สำคัญอีกแล้ว
หวังเซวียนเซวียนวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน “ผมมาทำเรื่องขอย้ายไปทำงานในเมืองหลวงครับ”
หลี่เฉียงหยิบปากกามาเซ็นชื่ออย่างว่าง่าย เพียงไม่นาน ขั้นตอนการทำเรื่องย้ายหวังเซวียนเซวียนไปอยู่ในโรงงานที่เมืองหลวงก็เสร็จเรียบร้อย
หวังเซวียนเซวียนเดินออกมาจากสำนักงานพร้อมกับยิ้มแฉ่ง เขาถึงกับหันไปบอกลาหลี่เฉียงอย่างอารมณ์ดีก่อนออกมาด้วยซ้ำ
…
หลายวันที่ผ่านมานี้ ทุกคนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ร้านขายหมูตุ๋นถูกขายไปแล้ว โรงงานทำเมล็ดแตงโมทอดก็ปิดตัวไปเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นหวังเซวียนเซวียนกลับมา ก็รีบเข้าไปถามด้วยความอยากรู้ทันที
หวังเซวียนเซวียนตอบคำถามของทุกคนด้วยความตื่นเต้น “หลังจากนี้ พวกเราจะได้ย้ายไปอยู่เมืองหลวงกันทั้งหมดแล้วครับ”
สิ้นเสียงพูดของเขา กลุ่มผู้อาวุโสก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ พวกท่านเอาแต่ชื่นชมว่าลู่ฉิวเยว่ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดจริง ๆ
“แต่ตอนนี้เรายังขายบ้านไม่ได้เลยนี่สิ” แม่ของเธอมีสีหน้าเศร้า อีกไม่กี่วันก็ต้องย้ายไปอยู่เมืองหลวงกันแล้ว แต่พวกเธอยังขายบ้านไม่ได้ เมื่อวานนี้มีคนสนใจมาดูบ้าน แต่ก็ให้ราคาต่ำมากเกินไป พวกเขาจึงไม่อยากขาย
คุณพ่อลู่ก็มีสีหน้าร้อนใจเช่นกัน ถ้าพวกเขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวง ก็คงไม่สามารถกลับมาดูแลเรื่องการขายบ้านได้อีก ทางที่ดีที่สุดก็คือต้องรีบขายบ้านให้ได้ในอีกสองวันหลังจากนี้
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและปลอบโยนทุกคนว่า “ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยิ่งเก็บบ้านไว้นานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีราคามากเท่านั้น เก็บเอาไว้รับรองว่าไม่มีขาดทุนแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว พ่อแม่ของเธอจึงได้เบาใจมากขึ้น
ในจังหวะนั้น เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ลู่ฉิวเยว่หันหน้าไปมองและพบว่าหวังเซวียนเซวียนลุกขึ้นไปเปิดประตูเรียบร้อยแล้ว
“คุณลุงคุณป้า กลับมาเร็วจังเลยนะครับ เชิญเข้ามานั่งข้างในก่อนสิครับ” ผู้คนที่อยู่หน้าประตูคือหวงฉีฉีและพ่อแม่ของเธอ หวังเซวียนเซวียนต้อนรับทุกคนด้วยรอยยิ้มกว้าง
ลู่ฉิวเยว่รีบเข้าครัวไปรินน้ำชามารับแขก
“ผมกลับมาถึงเมื่อเช้าน่ะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลฉีฉีเป็นอย่างดีนะครับ” เถ้าแก่หวงพูดอย่างมีความสุข ภรรยาของเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความปลาบปลื้มเช่นกัน
เถ้าแก่หวงวางกล่องของขวัญในมือลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “นี่คือของฝากจากต่างประเทศครับ อยากให้พวกคุณได้ลองใช้ดู”
คุณพ่อลู่โบกไม้โบกมือ “เด็ก ๆ เขาเป็นเพื่อนกัน ยังไงก็ต้องดูแลกันอยู่แล้ว ขอบคุณมากนะครับ น่าจะราคาแพงมากทีเดียว พวกเรารับเอาไว้ไม่ได้หรอก”
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เถ้าแก่หวงก็ไม่ยอมรับของขวัญกลับไป สุดท้ายคุณพ่อลู่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรับเอาไว้ และคิดว่าคงต้องให้หวังเซวียนเซวียนไปหาของขวัญมาส่งมอบให้แก่ตระกูลหวงบ้างเช่นกัน
“ผมจองโต๊ะที่ร้านอาหารข้างนอกเอาไว้แล้ว ในเมื่อพวกเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ผมก็เลยอยากจะชวนทุกคนไปทานอาหารด้วยกันเป็นการขอบคุณที่พวกคุณช่วยดูแลฉีฉีครับ”
เถ้าแก่หวงหัวเราะออกมาด้วยความปลอดโปร่งใจ เขาได้ยินมาว่าลูกสาวฉลองช่วงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์อยู่ในประเทศจีนพร้อมกับครอบครัวของลู่ฉิวเยว่ ลูกสาวของเขาได้รับประทานอาหารอร่อย ๆ และได้รับการดูแลจากครอบครัวของลู่ฉิวเยว่เป็นอย่างดี
ในเมื่อมีการจองโต๊ะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตอบตกลง พวกเขาเก็บข้าวของและเดินทางออกไปพร้อมกัน
บ้านของตระกูลลู่อยู่ไม่ห่างจากร้านอาหาร ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ไปถึง
ระหว่างรับประทานอาหาร พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องที่หวังเซวียนเซวียนจะย้ายไปทำงานในเมืองหลวง พ่อแม่ของหวงฉีฉีได้ยินดังนั้นก็รีบแสดงความยินดีโดยทันที
“แต่อีกไม่กี่วันพวกคุณก็ต้องไปเมืองหลวงแล้ว เรื่องทางนี้จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอคะ?” แม่ของหวงฉีฉีถามออกมาด้วยความสงสัย
เธอรู้ว่าลู่ฉิวเยว่มีร้านอาหารอยู่ที่นี่ แล้วจะจัดการอย่างไรในเวลากระชั้นชิดแบบนี้?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมา “เกือบทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ เหลือแต่บ้านนี่แหละที่ยังหาคนซื้อไม่ได้”
ซื้อบ้านอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตาของแม่หวงฉีฉีเป็นประกายระยิบระยับ “หมายถึงบ้านที่พวกคุณอยู่ใช่ไหมคะ?”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ”
“งั้นก็ดีเลยค่ะ” แม่ของหวงฉีฉีพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ไม่กี่วันก่อน เพื่อนของฉันบอกว่าอยากจะซื้อบ้านให้แม่ยายอยู่พอดี แต่ตอนนี้ยังหาบ้านที่เหมาะสมไม่ได้เลย เดี๋ยวฉันจะช่วยคุยให้นะคะ”
บ้านของลู่ฉิวเยว่อยู่ในทำเลที่ดี สภาพบ้านก็ดี กว้างใหญ่อย่างเหมาะสม เธอคิดว่าเพื่อนของเธอจะต้องพอใจแน่นอน
ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกายวิบวับ พูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะคะ ป้าหวง”
แม่ของหวงฉีฉีส่ายหน้า “เรื่องเล็กน้อยน่า” หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ลู่ฉิวเยว่ก็ได้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อของผู้ซื้อบ้าน แม่ของหวงฉีฉีบอกว่าเมื่อกลับไปแล้วเธอจะไปคุยให้ เมื่อถึงเวลานั้น ลู่ฉิวเยว่ก็มีหน้าที่โทรไปหาเพื่อนของเธอและตกลงเรื่องราคาบ้านกันเอาเอง
ในคืนนั้น ลู่ฉิวเยว่โทรไปหาผู้ซื้อบ้าน ผู้ชายคนหนึ่งเป็นคนรับสาย เธอแค่แนะนำตัวเองว่าแซ่ลู่ ผู้ชายคนนั้นก็พูดออกมาทันทีว่า
“คุณคือลู่ฉิวเยว่ที่คุณนายหวงเอ่ยถึงใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้วค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ตอบรับและตรงเข้าประเด็นโดยบอกถึงรายละเอียดและสภาพบ้านของตนเองอย่างครบถ้วน
ชายผู้นั้นพอใจเป็นอย่างยิ่ง “คุณลู่ คุณตั้งราคาบ้านเอาไว้เท่าไหร่ครับ?”
“คุณลองเสนอมาก่อนก็ได้ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ใช้เวลาคิดเล็กน้อย
ชายผู้นั้นตอบกลับมาทันที “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปดูบ้านนะครับ ผมจะไปประมาณสิบโมงเช้า รับรองว่าผมจะให้ราคาที่ยุติธรรมอย่างแน่นอน อย่าว่าแต่คุณเป็นเพื่อนกับคุณนายหวง ผมไม่สามารถกดราคาได้เด็ดขาด ถ้าบ้านหลังนั้นตรงตามคำบอกเล่าของคุณจริงๆ ผมก็จะซื้อครับ”
วันต่อมา เมื่อนาฬิกาถึงเวลา 10:00 น. ชายผู้นั้นก็นำภรรยามาดูบ้านของลู่ฉิวเยว่