สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 187 ขายสูตรทำเมล็ดแตงโมทอด
บทที่ 187 ขายสูตรทำเมล็ดแตงโมทอด
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ในไม่ช้าก็เรียกรถสามล้อปั่นที่อยู่หน้าสถานีรถไฟ
เธอกลับไปถึงบ้านตอนเวลา 9:30 น. ลู่ฉิวเยว่เห็นสมาชิกในครอบครัวยืนรออยู่ตั้งแต่ไกล หัวใจของเธออบอุ่นขึ้นมาในทันใด
“ฉิวเยว่กลับมาแล้ว” รถสามล้อยังไม่ทันหยุด แม่ของเธอก็วิ่งเข้ามาหาเพราะทนคิดถึงไม่ไหว ลู่ฉิวเยว่จึงต้องรีบลงจากรถไปพร้อมข้าวของสัมภาระของเธอ
ป้าสะใภ้มองดูเธอด้วยความประหลาดใจ “อ้าว? เมื่อสองวันก่อนเซวียนเซวียนบอกว่าจะกลับมาฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่บ้านนี่นา เขาไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มพลางตอบกลับไปว่า “เขาไปส่งสาวน้อยกลับบ้านน่ะค่ะ”
สาวน้อย?
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ คุณลุงและคุณป้าก็ยิ้มออกมาในทันที “เซวียนเซวียนมีแฟนแล้วงั้นเหรอ?”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่ แต่อีกหน่อยก็ไม่แน่ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอเคยเห็นหวังเซวียนเซวียนกับหวงฉีฉีคุยโทรศัพท์กันอยู่บ่อย ๆ ดูเหมือนทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ความรักอาจจะเติบโตขึ้นก็เป็นได้
คุณลุงกับคุณป้ายิ่งมีความสุขมากกว่าเดิม ต่างก็รอคอยที่ลูกชายจะกลับบ้านด้วยความกระตือรือร้นยิ่งนัก
ทางบ้านทำอาหารรอคอยไว้แล้ว แต่ในเมื่อหวังเซวียนเซวียนยังกลับมาไม่ถึงบ้าน ลู่ฉิวเยว่จึงใช้โอกาสนี้นำกระเป๋าสัมภาระเข้าไปเก็บในห้องและนำของฝากมาแจกจ่ายให้ทุกคนในครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นบรรดาเสื้อผ้าและผ้าพันคอ เช่นเดียวกับนมผงบรรจุกระป๋องสำหรับบำรุงร่างกาย
เมื่อคุณแม่ลู่เห็นสีสันและรูปแบบของเสื้อผ้าเหล่านั้น ท่านก็ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง รีบนำไปสวมใส่อย่างไม่รอช้า
แอ๊ด! ประตูบ้านเปิดออกอย่างรวดเร็ว หวังเซวียนเซวียนเดินเข้ามา และสายตาของทุกคนจ้องมองไปที่เขา
คุณป้าถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เซวียนเซวียน สาวน้อยจากตระกูลหวงสบายดีไหม…” คนเป็นแม่ยิ้มอย่างหยอกเย้า
แต่เมื่อถูกจ้องมองด้วยคนทั้งบ้าน หวังเซวียนเซวียนก็ยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้น รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันครับ อย่าคิดอะไรเหลวไหลแบบนั้นสิ”
เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชาย คนเป็นแม่ก็มองมาด้วยสายตาไม่พอใจ “แม่ยังไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
คุณลุงหัวเราะในลำคออย่างไม่พอใจเล็กน้อย ลูกชายของเขาช่างซื่อบื้อจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวคนนั้นมีใจให้หวังเซวียนเซวียน ขนาดเขาเป็นพ่อยังดูออก แต่ทำไมหวังเซวียนเซวียนถึงดูไม่ออกกันนะ
คุณแม่ลู่เรียกให้หวังเซวียนเซวียนมาดื่มน้ำดื่มท่าก่อน
“อ้อ จริงด้วยสิ แล้วนี่ทำไมฉินซือไม่กลับมาด้วยกันล่ะ?” เธอนึกขึ้นมาได้จึงหันมาถามลู่ฉิวเยว่ เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวก็บอกว่าฉินซือจะเดินทางกลับมาฉลองช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกันไม่ใช่เหรอ?
ลู่ฉิวเยว่โบกมือตอบว่า “เขาก็อยากกลับนะคะ แต่พอดีที่โรงงานเกิดเรื่อง เขาก็เลยมาไม่ได้น่ะค่ะ”
ทุกคนมีสีหน้าเป็นกังวล ลู่ฉิวเยว่ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เขาจัดการได้แหละค่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงหรอก หนูหิวแล้ว พวกเราหาอะไรกินกันดีกว่า”
“ใช่ พวกเรามากินข้าวกันก่อนเถอะ” คุณป้าและคุณลุงเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะนำอาหารที่เตรียมเอาไว้ออกมาอุ่นอีกครั้ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่น ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ เป็นไปตามที่คิด อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายใจเท่ากับอยู่ที่บ้านของตัวเองจริง ๆ
“หนูอยากซื้อบ้านในเมืองหลวง” ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้น ลู่ฉิวเยว่ก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่าเธอยังไม่ได้ปรึกษาพ่อแม่เลย
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ “บ้านในเมืองหลวงไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ” ถึงแม้พวกท่านจะไม่ทราบราคาบ้านที่แท้จริงในเมืองหลวง แต่ก็เคยได้ยินจากปากของชาวบ้านคนอื่นอยู่บ้าง
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ “ไม่ถูกจริง ๆ นั่นแหละค่ะ ปีหน้าหนูคงต้องพยายามทำงานหนักให้มากขึ้นแล้วแหละ”
“เมื่อถึงตอนนั้น เธอก็คงจะพาพ่อแม่ย้ายไปอยู่เมืองหลวงสินะ” ป้าสะใภ้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอิจฉาเล็กน้อย เพราะในชีวิตของเธอยังไม่เคยเห็นเมืองหลวงมาก่อนเลย
ลู่ฉิวเยว่หันไปมองหน้าหวังเซวียนเซวียนและพูดกับว่าป้าสะใภ้ว่า “หวังเซวียนเซวียนชนะที่หนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ ฉินซือบอกว่าจะให้เขาย้ายไปอยู่ในเมืองหลวง ถ้าเขาได้ทำงานในโรงงานที่เมืองหลวง เราก็ย้ายไปด้วยกันหมดนี่แหละค่ะ”
คุณลุงกับคุณป้าตกตะลึงกับข่าวดีที่ได้ยิน พวกเขาหันไปถามลูกชายด้วยความเหลือเชื่อ “เซวียนเซวียน จริงหรือเปล่า?”
หวังเซวียนเซวียนยกกำปั้นขึ้นปิดปากตัวเองและไอออกมาเบา ๆ แก้เขิน “จริงครับ”
“ลูกฉันนี่มันเก่งจริง ๆ!” คุณป้ายิ้มด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบหมูตุ๋นใส่ในชามข้าวให้แก่หวังเซวียนเซวียนด้วยความรักใคร่
คุณพ่อคุณแม่ลู่ก็พลอยมีความสุขไปด้วยเช่นกัน
เมื่อรับประทานอาหารค่ำกันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็มานั่งดูทีวีที่โซฟาและรับประทานขนมขบเคี้ยว
ลู่ฉิวเยว่หยิบเมล็ดแตงโมทอดมารับประทาน พ่อของเธอเดินออกมาจากห้องพร้อมด้วยสมุดหนังเล่มหนึ่ง
“ฉิวเยว่ ลูกช่วยดูหน่อยสิว่าสมุดบัญชีเล่มนี้มีปัญหาหรือเปล่า” เขาวางสมุดบัญชีลงบนโต๊ะน้ำชาเบื้องหน้าลู่ฉิวเยว่ พ่อของเธอไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำบัญชีสักเท่าไหร่ ทุกครั้งจึงทำได้เพียงรอคอยให้ลู่ฉิวเยว่กลับมาตรวจสอบเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า วางเมล็ดแตงโมในมือลง และหยิบสมุดบัญชีมาดูด้วยความเข้มขรึม
“ร้านหมูตุ๋นธุรกิจดีมากเลยนะ โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ โรงงานทำเมล็ดแตงโมทอดก็ไปได้ดีเหมือนกัน เดือนที่แล้วมีคู่ค้าธุรกิจเพิ่มขึ้นตั้งหลายคน พ่อว่าจะหาคนงานเพิ่มอยู่เนี่ยแหละ…” พ่อของลู่ฉิวเยว่ที่ตอนนี้ทุกคนเรียกว่าเถ้าแก่ลู่รายงานผลประกอบการธุรกิจของเมื่อเดือนที่แล้ว
ลู่ฉิวเยว่คิดอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่ “แต่อีกไม่นาน เราคงต้องย้ายไปเมืองหลวง อีกไม่นานร้านหมูตุ๋นก็คงต้องให้คนอื่นดูแทนแล้วมั้งคะ”
“ให้คนอื่นเหรอ? ไม่เอาหรอก” แม่ของเธอคัดค้านเสียงแข็ง เธอและสามีช่วยกันสร้างร้านหมูตุ๋นแห่งนั้นมาด้วยมือของตัวเอง ร้านหมูตุ๋นเหมือนกับลูกของตน เธอไม่อยากจะยกมันให้กับคนอื่น
เมื่อหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อ ลู่ฉิวเยว่ก็พบว่าผู้เป็นพ่อมีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจและวิเคราะห์ให้พวกท่านฟังว่า “อีกไม่นานเราก็ต้องเข้าเมืองหลวงกันแล้ว เราจะดูแลธุรกิจที่นี่ยังไงคะ? ร้านต้องจ่ายค่าเช่าทุกเดือน เสียเงินจำนวนไม่น้อยเลยนะคะ เราเอาเงินไปลงทุนในเมืองหลวงดีกว่า”
นี่คือประเด็นสำคัญที่สุด
พ่อแม่ของเธอยังคงลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยวาง
“ก็ได้ ให้คนอื่นก็ให้คนอื่น แม่ไม่ว่าอะไรหรอก” แม่ของเธอพูดขึ้นเป็นคนแรก
ลู่ฉิวเยว่ก้มหน้ามองสมุดบัญชีของโรงงานผลิตเมล็ดแตงโม “หนูว่าจะขายโรงงานด้วยเหมือนกัน”
“ว่าไงนะ?” คุณพ่อลู่ขมวดคิ้ว “โรงงานมียอดขายดีขนาดนี้ ทำไมต้องขายด้วย!”
“นั่นสิ โรงงานผลิตเมล็ดแตงโมทอดของเรายิ่งขายมีกำไร ขายให้คนอื่นไปเสียดายแย่เลย” คุณแม่ลู่เห็นด้วยกับพ่อของเธอ
ลู่ฉิวเยว่เอื้อมมือออกไปลูบหลังมือของแม่ เป็นสัญญาณบอกให้ท่านใจเย็น ๆ “ถึงเราไม่ขายโรงงานที่นี่ทิ้งไป แต่เราก็ไปเปิดโรงงานในเมืองหลวงไม่ได้อยู่ดีค่ะ ตอนนี้ในเมืองหลวงมีเมล็ดแตงโมทอดวางขายอยู่เต็มไปหมด ถึงเราไปเปิดโรงงานใหม่ที่นั่น มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ?”
แม่ของเธอยังคงลังเล ลู่ฉิวเยว่จึงต้องเกลี้ยกล่อมต่อไป “ตอนนี้หนูเปิดร้านอาหารกับร้านขายยาอยู่ในเมืองหลวง อีกหน่อยอาจจะเปิดร้านอื่น ๆ อีกก็ได้ แล้วหนูจะเอาแรงที่ไหนมาดูแลโรงงานผลิตเมล็ดแตงโมทอดได้อีกคะ?”
“งั้นก็ขายไปเถอะ” พ่อแม่ของเธอเห็นด้วยในที่สุด
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะโทรไปหาซงเสิ่งในเช้าวันต่อมา
ซงเสิ่งร่วมธุรกิจกับเธอมานานแล้ว ลูกชายของเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับหวังเซวียนเซวียน ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะขายโรงงานผลิตเมล็ดแตงโมให้กับเขา
“จริงเหรอ?” ซงเสิ่งไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
ลู่ฉิวเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “จริงค่ะ ฉันวางแผนจะย้ายครอบครัวไปอยู่เมืองหลวง ก็เลยไม่มีใครดูแลโรงงานผลิตเมล็ดแตงโมอีกแล้ว ถ้าคุณอยากซื้อสูตร เรามาคุยรายละเอียดกันได้ค่ะ”
ซงเสิ่งย่อมไม่สงสัยในตัวของลู่ฉิวเยว่ พวกเขาร่วมธุรกิจกันมานานแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะโกหกเขา
“งั้นเรามาคุยกันตอนบ่ายดีไหม?” ซงเสิ่งรีบพูดเพราะกลัวว่าลู่ฉิวเยว่จะเปลี่ยนใจ
ลู่ฉิวเยว่หยุดชะงักเล็กน้อย แต่ในเมื่อวันนี้เธอไม่มีอะไรทำอยู่ดี ดังนั้นเธอจึงตอบตกลง
แล้วทั้งสองคนก็มาพบกันในร้านกาแฟร้านเดิมในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา
“คุณซงคิดว่าราคานี้เป็นยังไงบ้างคะ?” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและส่งสัญญาในมือให้เขาดู
ซงเสิ่งรับสัญญามาอ่านโดยละเอียดทันทีเช่นกัน