สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 186 กลับสู่เมืองหัวอ้าย
บทที่ 186 กลับสู่เมืองหัวอ้าย
ลู่ฉิวเยว่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเขา แต่ม่อป๋อซงก็เคยก่อเหตุวุ่นวายมาก่อน จึงมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะแก้แค้นที่เธอและฉินซือไม่ทำการช่วยเหลือฉินเซียว
“งั้นให้ฉันอยู่กับคุณดีไหม?” ลู่ฉิวเยว่ลูบแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบา
ฉินซือยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่ก็ยังส่ายหน้า “คุณไม่ได้เจอพ่อแม่มานานแล้ว พวกท่านก็คงคิดถึงคุณมากเหมือนกัน คุณกลับไปใช้ช่วงวันหยุดกับพวกท่านเถอะ”
“แต่ว่า…” ลู่ฉิวเยว่ลังเลเล็กน้อย
“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องโรงงานหรอก เดี๋ยวผมจัดการเอง” ฉินซือตบหลังมือของเธอเบา ๆ เพื่อให้หญิงสาวมั่นใจ
ลู่ฉิวเยว่เชื่อมั่นในความสามารถของเขาอยู่แล้ว เธอถอนหายใจและปลอบโยนแฟนหนุ่มว่า “ก็ได้ งั้นฉันจะรีบกลับมานะ”
ฉินซือพยักหน้า ก่อนจะหยิบถุงที่วางอยู่ข้างตัวและนำอะไรบางอย่างออกมาจากในนั้น
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะยื่นส่งให้เธอ ลู่ฉิวเยว่ก็โบกไม้โบกมือปฏิเสธ เพราะว่าของสิ่งนั้นก็คือทองคำแท่งขนาดใหญ่ “คุณจะเอามาให้ฉันทำไม ฉันไม่ได้อยากได้สักหน่อย” อีกอย่าง นี่ก็เป็นของที่มีราคาแพงมากเกินไป
ฉินซือมองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจ “คุณจะไม่เจอผมตั้งหลายวัน ไม่คิดถึงผมบ้างเลยหรือไง? เก็บเอาไว้กับตัวคุณจะได้นึกถึงผมตลอดเวลาไงล่ะ”
เมื่อเห็นแววตาตัดพ้อของเขา ลู่ฉิวเยว่ก็ใจอ่อนขึ้นมาทันที สีหน้าของเธอจึงอ่อนโยนมากขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซือก็ยิ่งยืนยันต่อไปว่า “ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จากผมก็แล้วกัน คุณรับเอาไว้เถอะ” พูดจบแล้วเขาก็ยัดทองคำแท่งใส่มือเธอ
ลู่ฉิวเยว่ไม่มีทางเลือกนอกจากรับเอาไว้ ทองคำแท่งในยุคนี้มีน้ำหนักมาก ไม่ต่างจากกำลังถือก้อนอิฐอยู่ในมือ ถ้าเอาฟาดหัวนักเลงสักคนก็คงตายอย่างแน่นอน ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ
“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากนะ” หญิงสาวหัวเราะในลำคอ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ฉินซือก็พาลู่ฉิวเยว่ไปจองตั๋วที่สถานีรถไฟ
“คุณผู้หญิง ต้องการซื้อตั๋วไปที่ไหนคะ?”
เมื่อถึงคิวของพวกเขา พนักงานขายตั๋วก็ถามออกมา
ลู่ฉิวเยว่เดินออกไปข้างหน้า “พี่สาวจ๊ะ ขอตั๋วรถไฟไปเมืองหัวอ้ายสองใบ ไม่ทราบว่าเหลือรอบไหนบ้างจ๊ะ?”
พนักงานขายตั๋วก้มมองสมุดในมือและตอบว่า “ตั๋วพรุ่งนี้หมดแล้ว วันมะรืนตั๋วรอบกลางวันก็หมดเช่นกัน เหลือแต่ตั๋วเที่ยวกลางคืนค่ะ คุณต้องการไหมคะ?”
ตั๋วเที่ยวกลางคืน?
ฉินซือทำหน้ายุ่งและหันมาพูดกับลู่ฉิวเยว่ “เดี๋ยวผมสั่งให้คนขับรถไปส่งคุณดีกว่าไหม?”
“ไม่เอา คุณยังต้องจัดการปัญหาอีกหลายอย่าง ไม่มีคนขับรถ คุณจะไปไหนมาไหนสะดวกได้ยังไง เดี๋ยวฉันจะกลับไปกับเซวียนเซวียนเองนั่นแหละ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มขอบคุณเขา
ฉินซือกำลังจะโต้แย้งอะไรบางอย่าง แต่หญิงสาวก็หันกลับไปพูดกับพนักงานขายตั๋วว่า “พี่สาวจ๊ะ ขอตั๋วตู้นอนไปเมืองหัวอ้ายสองใบจ้ะ”
เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา
…
ไม่กี่วันต่อมา ลู่ฉิวเยว่กับหวังเซวียนเซวียนก็ได้กำหนดเดินทางกลับเมืองหัวอ้าย ฉินซือใช้เวลาว่างที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเดินทางมาส่งทั้งสองคนขึ้นรถไฟ
“เรียบร้อยแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ”
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ ลู่ฉิวเยว่ก็โบกมือไล่เขาอย่างช่วยไม่ได้ เธอบอกแล้วว่าจะมาเอง แต่เขาก็ยืนยันว่าจะมาส่ง
ฉินซือยิ้มเล็กน้อย คว้ามือของเธอไปจับแน่น “อย่าลืมโทรหาผมด้วยล่ะ มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเลยนะ รู้ใช่ไหม?”
“รู้แล้วค่า รู้แล้ว”
“คุณสัญญาแล้วนะ!” ฉินซือจ้องมองเข้ามาในตาเธออย่างเคร่งเครียด หญิงสาวคนนี้คุ้นเคยกับความเป็นอิสระเสรี เธอมักจะพึ่งพาตัวเองอยู่เสมอและไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เขาเป็นกังวล
ลู่ฉิวเยว่เหยียดหลังยืนตรงรับปากเขาว่า “ฉันสัญญาค่ะ”
เมื่อถึงเวลาขึ้นรถไฟ เธอก็กอดเขา “คุณกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
หลังจากพูดจบ เธอก็พาหวังเซวียนเซวียนขึ้นรถไฟ ฉินซือจ้องมองมาด้วยความร้อนรน รอจนกระทั่งรถไฟเคลื่อนขบวนหายลับไปจากสายตา ชายหนุ่มจึงได้เดินกลับออกไปจากสถานีรถไฟในที่สุด
บนรถไฟ ลู่ฉิวเยว่เดินไปจนพบเจอเตียงนอนของตนเอง ซึ่งยังคงเป็นเตียงนอนสองชั้น เธอนอนเตียงชั้นบน หวังเซวียนเซวียนก็ช่วยขนย้ายกระเป๋าสัมภาระขึ้นมาอยู่บนชั้นวางข้าง ๆ เธอ
บางทีอาจเป็นเพราะนี่เป็นช่วงเทศกาล ผู้คนจำนวนมากจึงเดินทางกลับบ้านเกิด ผู้โดยสารบนรถไฟจึงมีจำนวนมากกว่าครั้งที่แล้ว แถมทุกคนยังหิ้วถุงใบใหญ่ติดไม้ติดมือกันมาอีกด้วย
“น่าเบื่อจัง” เมื่อถึงเวลา 21:00 น. หวังเซวียนเซวียนก็ทนความเบื่อไม่ไหว เขาโดดลงจากเตียงแล้วค้นหาหนังสือเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกไปอ่าน
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกตลกเป็นอย่างยิ่ง เธอยื่นศีรษะลงมาจากเตียงของตนเอง “ทำไมนายไม่ชวนคนมาเล่นไพ่สักคนล่ะ” หลังจากนั้น เธอก็หยิบสำรับไพ่ออกมาจากกระเป๋า ลู่ฉิวเยว่มีประสบการณ์ขึ้นรถไฟมาหลายเที่ยวแล้ว ครั้งนี้เธอจึงเตรียมสิ่งที่ใช้ฆ่าเวลาแก้เบื่อติดตัวมาด้วย
หวังเซวียนเซวียนมีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “งั้นเดี๋ยวผมจะลองหาดูครับ”
อย่างไรก็ตาม คนที่นอนเตียงติดกันก็หลับไปแล้ว อีกคนก็กำลังอุ้มลูก เด็กหนุ่มไม่กล้าเข้าไปรบกวน ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปไกลมากกว่าเดิมเล็กน้อย และเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็พบเจอคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา
“หวงฉีฉี!” หวังเซวียนเซวียนตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
เด็กสาวหันมาตามเสียงเรียกโดยไม่รู้ตัว และเธอเองก็ประหลาดใจอย่างมีสุขเช่นกัน “เซวียนเซวียน เธอก็จะกลับเมืองหัวอ้ายเหมือนกันเหรอ?”
หวังเซวียนเซวียนพยักหน้า “ใช่แล้ว ฉันกลับพร้อมกับพี่สาวน่ะ พี่ฉันอยู่ตรงนั้น ฉันเบื่อไม่มีอะไรทำ เลยเดินออกมาหาคนจะชวนไปเล่นไพ่ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธอ!”
หวงฉีฉียิ้มกว้าง รีบเดินเข้าไปหาเขา “งั้นเราก็ไปเล่นไพ่กันเถอะ”
เมื่อได้เห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มออกมาอย่างคาดไม่ถึง “โลกกลมอะไรขนาดนี้เนี่ย”
แล้วทั้งสามคนก็นั่งล้อมวงกัน พูดคุยและเล่นไพ่บนเตียงของหวังเซวียนเซวียน
“หา? ทำไมเธอถึงเดินทางคนเดียวล่ะ?” ลู่ฉิวเยว่ถามขึ้นในทันใดเมื่อพบว่าไม่มีพ่อแม่ของหวงฉีฉีอยู่ใกล้ ๆ
หวงฉีฉียิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “พ่อแม่ฉันไปต่างประเทศน่ะค่ะ ฉันอยู่เมืองหลวงคนเดียวเบื่อ ๆ ก็เลยคิดว่ากลับไปเล่นกับเพื่อนที่เมืองหัวอ้ายดีกว่า”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยความเข้าใจ พ่อแม่ของเธอคงงานยุ่งจริง ๆ “ไม่เป็นไร งั้นมาเล่นที่บ้านเราก็ได้”
“ใช่ มาเล่นที่บ้านเราเถอะ” หวังเซวียนเซวียนเชิญด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
หวงฉีฉีตอบรับด้วยรอยยิ้ม
แล้วพวกเขาทั้งสามคนก็นั่งเล่นไพ่บนเตียงของหวังเซวียนเซวียนต่อ รู้ตัวอีกทีก็ถึงตอนเช้า ไม่ทราบเลยว่าผู้คนในตู้รถไฟเดียวกันนอนหลับไปนานแค่ไหนแล้ว
ทันใดนั้น ทั้งสามคนก็ได้ยินเสียงผู้คนส่งเสียงเอะอะดังขึ้นห่างไกลออกไป ลู่ฉิวเยว่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที รางรถไฟคงไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอีกใช่ไหม? เธอไม่อยากใช้เวลาในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์อยู่บนรถไฟหรอกนะ
แต่แล้วหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ปรากฏว่าเป็นพนักงานบนรถไฟนำเค้กข้าวมาแจกจ่ายให้แก่ผู้โดยสารเท่านั้นเอง
“ขอบคุณมากค่ะ ขอให้โชคดีมีชัยนะคะ” เมื่อพนักงานรถไฟเดินมาถึงเตียงของตนเอง ลู่ฉิวเยว่ก็ยื่นสองมือไปรับเค้กข้าวมาด้วยความอ่อนน้อมเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น เสียงการแกะห่อกระดาษก็ดังขึ้นทั่วรถไฟ ลู่ฉิวเยว่ก้มมองเค้กข้าวที่อยู่ในมือตัวเอง มันเป็นเค้กข้าวชิ้นเล็กๆ หน้าตาไม่ได้ดูสวยงามอะไร แต่รสชาติอร่อยพอสมควร
หลายคนตื่นมารับประทานเค้กข้าว พูดคุยกันอีกเล็กน้อยก็พักผ่อนนอนหลับกันต่อ ลู่ฉิวเยว่รู้สึกอยู่เสมอว่าบนรถไฟไม่ปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงบอกให้หวงฉีฉีมานอนร่วมเตียงเดียวกับตนเอง
ในเช้าวันที่สอง รถไฟก็ไปถึงเมืองหัวอ้าย
หวงฉีฉีดีใจเป็นอย่างยิ่ง เธอหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าและสิ่งของสัมภาระของตนเองตามลู่ฉิวเยว่ลงจากรถไฟด้วยความตื่นเต้น “ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ฉันอยู่บนรถไฟเบื่อแทบตายแน่ะ”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ หันไปหาหวังเซวียนเซวียนที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เซวียนเซวียน นายไปส่งสาวน้อยคนนี้กลับบ้านก่อนเถอะ หิ้วของมาเยอะแยะขนาดนี้ ฉันว่าคงกลับเองไม่สะดวกเท่าไหร่” เธอเห็นอย่างชัดเจนว่าหวงฉีฉีกำลังแอบรักหวังเซวียนเซวียน เด็กคนนี้นิสัยไม่เลว ลู่ฉิวเยว่ก็เลยอยากจะจับคู่ให้เด็กทั้งสองคนรักกัน
หวังเซวียนเซวียนตอบตกลงโดยไม่มีลังเล “ได้ครับ งั้นพี่ก็นั่งรถกลับบ้านไปก่อนเลยนะ”