สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 174 การจ้างงาน
บทที่ 174 การจ้างงาน
“เจ้านายคะ มีคุณผู้ชายคนหนึ่งมารออยู่ข้างนอก เขาบอกว่าอยากมาขอสมัครงานค่ะ” ชุนหล่านรีบเดินเข้ามาและชี้มือไปทางด้านนอก
เสียงของเด็กเสิร์ฟสาวขัดจังหวะความคิดของลู่ฉิวเยว่ เมื่อเธอได้ยินว่ามีคนมาสมัครงาน ลู่ฉิวเยว่ก็มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาในทันใด เธอเดินออกไปดู พบว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
แม้ว่าบรรดาหมอจีนที่มาสมัครงานในร้านเธอส่วนใหญ่แล้วจะไม่ใช่ชายชรา แต่ถ้าไม่ได้มีอายุอยู่ในช่วง 40 ก็ต้องอยู่ในช่วง 50 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหมอจีนที่ยังเป็นคนหนุ่มถึงขนาดนี้
“มาสมัครงานในร้านขายยาใช่ไหมคะ? เชิญเข้ามาก่อนค่ะ” ลู่ฉิวเยว่เดินออกไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะชี้มือไปยังโต๊ะอาหารที่มุมร้าน ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง เป็นช่วงที่ร้านอาหารของเธอมีลูกค้ามากที่สุด และนั่นก็เป็นโต๊ะเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้
“ใช่แล้วครับคุณลู่ ผมชื่อถังเยว่ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างสุภาพ ก่อนจะนั่งลงตามเธอ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณถัง” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าอย่างสุภาพให้เขา ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟที่กำลังถือถาดน้ำชาอยู่ไม่ไกลให้นำน้ำชามายังโต๊ะนี้ด้วย
ถังเยว่ใช้นิ้วชี้ดันแว่นตากรอบดำของตัวเองเล็กน้อย และถามด้วยความสงสัยว่า “คุณลู่เปิดร้านอาหารแบบนี้ ทำไมถึงมาขายแผ่นแปะแก้ปวดได้เหรอครับ?”
เพราะกิจการทั้งสองอย่างนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เขาไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้มาก่อน มันดูเสี่ยงที่จะขาดทุนเป็นอย่างยิ่ง
ลู่ฉิวเยว่รินน้ำชาใส่ถ้วยให้เขาพร้อมกับอธิบายว่า “ที่ฉันเปิดร้านอาหารก็เพราะว่าฉันชอบทำอาหารค่ะ ส่วนแผ่นแปะแก้ปวดเป็นสูตรที่ตกทอดมาในตระกูล ผู้เฒ่าผู้แก่ในตระกูลกลัวว่าสูตรแผ่นแปะแก้ปวดพวกนี้จะหายสาบสูญไป ฉันก็เลยเอามาทำขายนี่แหละค่ะ”
“ดูเหมือนว่าฉันจะตัดสินใจถูกต้องใช่ไหมคะ?” เธอยิ้ม
“ใช่แล้วครับ” ถังเยว่พยักหน้าใช้ความคิดอีกเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาว่า “ความจริงผมไม่ใช่หมอจีน แต่ผมมีใบอนุญาตประกอบการแพทย์แผนตะวันตกน่ะครับ” ขณะพูด เขานำใบอนุญาตของตนเองออกมาจากกระเป๋าสะพาย
“การแพทย์แผนตะวันตกเหรอคะ?” ลู่ฉิวเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เธอรับเอกสารเหล่านั้นมาดูด้วยสองมือ
“ใช่ครับ” ถังเยว่พยักหน้า รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
“แล้วทำไมถึงมาสมัครงานที่ร้านฉันคะเนี่ย?” ลู่ฉิวเยว่วางเอกสารในมือลงและมองตาเขาด้วยความจริงจัง
เมื่อได้ยินคำถามของเธอ ถังเยว่ก็รู้สึกพิศวงเป็นอย่างยิ่ง เขาตอบด้วยความกระดากอายว่า “ยุคนี้หางานเกี่ยวกับแพทย์แผนตะวันตกยากมากครับ ผมไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ในประเทศจีนนิยมการแพทย์แผนจีนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันเป็นศาสตร์ความรู้ที่ถ่ายทอดกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ เมื่อเทียบกับการแพทย์แผนตะวันตก ผู้คนในยุคสมัยนี้จึงเชื่อใจในการแพทย์แผนจีนมากกว่ากันหลายเท่า
“คุณลู่ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ” ถังเยว่สังเกตสีหน้าของเธออย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็ส่งยิ้มให้เขา “พวกเรามาคุยกันเถอะค่ะ”
การแพทย์แผนตะวันตกไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัด แต่ในอนาคต ลู่ฉิวเยว่ก็อยากจะพัฒนาร้านของตนเองไปในทิศทางของการแพทย์ตะวันตกเช่นกัน ถังเยว่มีใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว แสดงว่าต้องมีความรู้ความสามารถไม่น้อย เขาเหมาะสมที่จะได้ทำงานในร้านของเธอ เธอจะมอบโอกาสนี้ให้กับเขา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเยว่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขและนั่งหลังตรงโดยทันที
“ตอนนี้ฉันจะให้เงินเดือนคุณขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 70 หยวนต่อเดือนนะคะ ส่วนลูกค้าที่เข้ามารับการตรวจและซื้อยาไปจากร้านของเรา คุณจะได้รับส่วนแบ่งอีก 10% ซึ่งยอดส่วนแบ่งของคุณจะจ่ายทุกสิ้นเดือนพร้อมกับเงินเดือนค่ะ” ลู่ฉิวเยว่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ถังเยว่ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย “แต่ในประกาศบอกว่าเดือนละ 80 หยวนไม่ใช่เหรอครับ?”
“นั่นสำหรับแพทย์แผนจีนค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว “เงินเดือนที่ฉันบอกคุณ เป็นเงินเดือนในช่วงทดลองงานสามเดือนแรกนะคะ ถ้าคุณทำงานได้น่าประทับใจและกลายเป็นหมอประจำร้านของเราได้จริง ๆ ฉันก็จะขึ้นเงินเดือนให้เป็นเดือนละ 80 หยวนค่ะ แต่ถ้าคุณรับไม่ได้ จะปฏิเสธฉันก็ไม่ว่าอะไรนะคะ”
นี่คือครั้งแรกที่เธอว่าจ้างหมอแพทย์แผนตะวันตกให้มาทำงานในร้านขายยาจีน ลู่ฉิวเยว่จึงต้องระมัดระวังเอาไว้ก่อน แต่ถ้าชายหนุ่มคนนี้รับข้อเสนอของเธอไม่ได้ เธอก็จะได้มองหาคนอื่นต่อไป
ถังเยว่หยุดใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง เขาหางานทำไม่ได้สองเดือนแล้ว ดังนั้นงานนี้จึงสำคัญกับเขามาก นอกจากนี้ เงินเดือน 70 หยวนก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร อย่าว่าแต่เขาจะได้ส่วนแบ่งในการรักษาผู้คนด้วยซ้ำ
“งั้นเราก็มาเซ็นสัญญากันเถอะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ให้คำแนะนำ โชคดีที่ร้านของเธออยู่ไม่ไกลจากร้านถ่ายเอกสาร ซึ่งสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา พวกเขาก็ได้สัญญาใบใหม่มาอยู่ในมือ
หลังจากที่ถังเยว่อ่านรายละเอียดสัญญาครบถ้วนแล้ว เขาก็นำปากกาออกมาเขียนชื่อของตัวเองลงไป
ลู่ฉิวเยว่พับใบสัญญาเก็บใส่ในกระเป๋าและเขียนเบอร์โทรศัพท์ร้านอาหารของเธอเอาไว้ให้เขา “นี่คือเบอร์โทรของร้านฉันนะคะ ถ้าคุณอยากติดต่อฉัน ก็โทรมาที่เบอร์นี้ได้เลย และช่วยทิ้งรายละเอียดสำหรับการติดต่อกลับของคุณไว้ให้ฉันด้วยได้ไหมคะ?”
“คือว่าผม… ไม่มีโทรศัพท์บ้านหรอกครับ” ถังเยว่พูดออกมาด้วยความลังเลเล็กน้อย สีหน้าลำบากใจ “แต่ผมจะให้เบอร์ของร้านค้าแถวบ้านผมเอาไว้แล้วกัน คุณติดต่อผมได้ทางเบอร์นี้นะครับ”
ลู่ฉิวเยว่รับคำในลำคอโดยไม่ลังเล
“ว่าแต่คุณลู่ครับ ผมต้องรอให้คุณแจ้งการเริ่มงานก่อนไหมครับ? วันพรุ่งนี้ผมมาทำงานได้เลยไหม อ้อ ไม่ใช่สิ วันนี้ผมเริ่มงานได้เลยไหมครับ!” ถังเยว่มองตาเธอด้วยความคาดหวัง เขาต้องการงานนี้มากจริง ๆ และเขาก็อยากทำงานโดยทันที
ลู่ฉิวเยว่ถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณถัง เรื่องสำคัญแบบนี้เราจะทำแบบฉาบฉวยไม่ได้นะคะ ยังมีอีกหลายขั้นตอนให้ฉันต้องจัดการ คุณกลับไปรอที่บ้านก่อนเถอะค่ะ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เดี๋ยวฉันจะติดต่อไปหาเอง”
“ได้เลยครับ” ถังเยว่มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเขาก็อำลาเธอและขอตัวกลับไป
เมื่อเห็นเขากลับไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในส่วนของร้านขายยา
“เป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเซวียนเซวียนถามเมื่อหันมาเห็นเธอเข้าพอดี
“ก็ดีนะ” ลู่ฉิวเยว่ตอบพร้อมกับมองสภาพของร้านขายยา ก่อนจะทำหน้านิ่ว ส่วนที่เธอจัดให้เป็นร้านขายยามีพื้นที่เพียงไม่กี่ตารางเมตร คงไม่สามารถเปิดรับการตรวจคนไข้ได้แน่ ๆ
ลู่ฉิวเยว่ยกมือถูคางตัวเองอย่างใช้ความคิด “เซวียนเซวียน เมื่อไม่กี่วันก่อนนายบอกว่าร้านที่อยู่ติดกับเหอซิ่งไฉประกาศปล่อยเช่าใช่ไหม? ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยสิ”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลู่ฉิวเยว่ให้ความสนใจในการทำธุรกิจร้านขายยาเป็นอย่างยิ่ง หวังเซวียนเซวียนทราบดีว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่ “ร้านนั้นเปลี่ยนคนเช่ามาหลายคนแล้วครับ ไม่ว่าใครมาเปิดร้านอะไรก็เจ๊งหมด มีข่าวลือว่าฮวงจุ้ยไม่ดี ตอนนี้ก็เลยไม่มีใครกล้าไปเช่าต่อ”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยความเข้าใจ เธอก้มหน้าลง ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
…
ในคืนนั้น ฉินซือชวนเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก
ลู่ฉิวเยว่เดินอย่างเชื่องช้าอยู่ข้างกายเขา แสงจันทร์ส่องสว่างลงมาบนหัวไหล่ของคนทั้งสอง
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” ฉินซือหันไปมองหน้าหญิงสาวที่เดินเงียบ ๆ อยู่ข้างกาย ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มเธอเบา ๆ “อยู่กับผมทำไมต้องทำหน้าเครียดแบบนี้ด้วย?”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ เธอปัดมือของเขาออกไป “ฉันกำลังคิดเรื่องร้านขายยาน่ะ คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงและหยอกเย้าว่า “แหม ในที่สุดคุณลู่ก็รู้ตัวแล้วว่ามีแฟนสินะ คุณอยากให้ผมช่วยอะไรล่ะ? บอกมาเถอะ” ชายหนุ่มยิ้ม เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีมาก
“หาคนมาเช่าร้านที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารให้ฉันหน่อยสิ” ลู่ฉิวเยว่พูด ร้านที่เธอต้องการเช่าอยู่ติดกับร้านของเหอซิ่งไฉ ถ้าเขารู้ว่าเธออยากจะเช่าร้านนั้น เหอซิ่งไฉคงต้องพยายามขัดขวางให้ได้ทุกวิถีทาง และเขาก็คงรวมหัวกับเจ้าของร้านตัวจริงโก่งค่าเช่าของเธอแน่ ๆ
“แค่นี้ใช่ไหม?” ฉินซือโอบไหล่เธอและเดินกลับไปที่บ้านพัก พวกเขาออกมาเดินเล่นไกลมากเกินไปแล้ว “เดี๋ยวผมจะบอกให้เลขาหวังจัดการให้เอง”