สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 171 พวกเราเป็นฝาแฝดกัน
บทที่ 171 พวกเราเป็นฝาแฝดกัน
“คุณลุงมาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“มันก็มีอยู่หรอกนะ” เถ้าแก่จ้าวพูดด้วยความไม่พอใจ “เสี่ยวซินโตมาพร้อมกับเธอ เธอก็รู้จักลูกสาวฉันดี ไม่นานมานี้ ลูกสาวฉันมีเรื่องขัดแย้งกับแฟนของเธอ มันก็แค่เด็ก ๆ ทะเลาะกันเท่านั้น แต่แฟนของเธอเล่นมาแจ้งความจับลูกสาวฉันแบบนี้ มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือไง?”
ฉินซือจิบน้ำชา แกล้งทำเป็นถามด้วยความประหลาดใจ “คุณลุงเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ?”
เถ้าแก่จ้าวหยุดชะงักไปเล็กน้อย หรือว่าฉินซือจะไม่รู้เรื่องนี้?
“เรื่องของเรื่องก็คือลูกสาวฉันขี้สงสัยน่ะ ก็เลยเผลอพังประตูเข้าไปในร้านของแฟนเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉินซือ แฟนของเธอเรียกตำรวจมาจับลูกสาวฉัน พวกเราสองครอบครัวเป็นมิตรสหายกันมานาน ทำไมถึงต้องทำกันแบบนี้ด้วย บอกให้เด็กแซ่ลู่คนนั้นไปเจรจากับตำรวจเดี๋ยวนี้ บอกให้พวกเขาปล่อยตัวลูกสาวฉันออกมาซะ”
เถ้าแก่จ้าวโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง ฉินซือเห็นดังนี้ก็หัวเราะด้วยความชอบใจ “ถ้าสงสัยขนาดนั้น เคาะประตูร้านเรียกแฟนผมดี ๆ ก็ได้ครับ ทำไมต้องให้คนมาพังประตูบุกรุกร้านแฟนผมด้วย? คุณลุงครับ เรื่องนี้คุณลุงมาหาผมก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าลูกสาวลุงไม่ได้ทำอะไรผิด เดี๋ยวตำรวจก็ปล่อยตัวออกมาเองนั่นแหละ คุณลุงต้องเชื่อใจในการทำงานอย่างยุติธรรมของตำรวจสิครับ”
เถ้าแก่จ้าวนึกว่าฉินซือจะเห็นแก่หน้าผู้อาวุโสอย่างเขาบ้าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มกลับไม่เห็นหัวเขาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเถ้าแก่จ้าวจึงโกรธควันออกหูและฟาดฝ่ามือลงไปบนโต๊ะอย่างแรง
“ฉินซือ เธอคิดจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลเพราะผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เหรอ? ได้เลย งั้นฉันจะไปคุยกับพ่อแม่ของเธอเอง!”
ฉินซือยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด เขาผายมือไปที่ประตู “เชิญเลยครับ คุณลุง ผมไม่ห้ามคุณลุงหรอก”
เถ้าแก่จ้าวโกรธมากที่เรื่องราวไม่เป็นไปตามต้องการ เขาพ่นลมทางจมูกอย่างแรง คว้ากระเป๋าเอกสารและเดินย่ำเท้าออกไปจากประตูห้อง ก่อนจะกระแทกประตูปิดเสียงดัง ทำให้พนักงานที่นั่งทำงานอยู่ด้านนอกสะดุ้งกันเป็นแถว
“เจ้านายครับ?” เลขาหวังเปิดประตูเดินเข้ามา
ฉินซือยกมือโบกสะบัด “ไม่มีอะไรหรอก”
หลังจากใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย เขาก็พูดกับเลขาหวังว่า “ช่วยทำอะไรให้ฉันหน่อยสิ” แม้เขาจะพูดว่านี่เป็นความผิดของจ้าวซูซิน แต่เขาก็อยากจะปล่อยข่าวออกไปว่าการที่ลู่ฉิวเยว่ถูกรังแกและถูกใส่ร้ายเช่นนี้ล้วนมีคนในตระกูลจ้าวมาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น เขาไม่อยากจะปล่อยให้ตระกูลจ้าวหลุดพ้นความผิดไปได้ง่าย ๆ อีกแล้ว
“ได้เลยครับ” เลขาหวังรับคำสั่งทันที
เลขาหวังชำนาญในเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้ว เพียงไม่นาน ข่าวลือนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่ววงการธุรกิจในเมืองปักกิ่ง และมันก็รู้ไปถึงหูตระกูลจ้าวด้วยเช่นกัน
เถ้าแก่จ้าวโกรธมาก เขาถูกเพื่อนฝูงมองด้วยสายตาเหยียดหยาม บรรดาคนที่เคยมีเรื่องกับเขาถึงกับนำเรื่องราวเหล่านี้มาฉีกหน้าเขาด้วยซ้ำ
“บัดซบ! ฉินซือ ไอ้เด็กเวรนี่ มันหลงผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วสินะ!” เถ้าแก่จ้าวเขวี้ยงที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะลงบนพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
ในเช้าวันนี้ บรรยากาศในบ้านตระกูลจ้าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดเช่นเดียวกับอารมณ์ความรู้สึกของเถ้าแก่จ้าว แล้วผู้คนก็ได้ยินเสียงข้าวของถูกทุบทำลายดังออกมาจากภายในบ้านตลอดเวลา
…
ณ ร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่ นายตำรวจสวีซงซิงกลับมาอีกครั้ง ลู่ฉิวเยว่เห็นเขาได้โดยทันที เพราะชุดตำรวจของเขาค่อนข้างโดดเด่นสะดุดตาที่สุด
“คุณตำรวจสวีมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่น เมื่อนายตำรวจหนุ่มนั่งที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปส่งสัญญาณให้เด็กเสิร์ฟนำน้ำชาและขนมมารับรองแขก
สวีซงซิงยิ้มออกมาด้วยความสุภาพ “ผมมารายงานความคืบหน้าของคดีครับ”
ลู่ฉิวเยว่รีบนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาด้วยความสนใจ
“พวกเรารู้แล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจ้าวซูซินจริง ๆ เราเรียกเธอมาสอบปากคำ เธอบอกว่าที่บุกเข้ามาทำลายข้าวของในร้านของคุณ ก็เพราะเห็นว่าคุณเปิดร้านอาหารแล้วขายดี แถมเธอยังอิจฉาที่คุณกับแฟนรักกันมากอีกด้วย” นายตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ในเรื่องราวทั้งหมดนี้ จ้าวซูซินสารภาพออกมาหมดเปลือก ลู่ฉิวเยว่คิดว่าช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกจริง ๆ ทำไมจ้าวซูซินถึงยังไม่ยอมตัดใจจากฉินซืออีกนะ ทั้ง ๆ ที่เธอก็ตามตื๊อเขาไม่สำเร็จมาหลายรอบแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
“อ้อ จริงด้วยสิครับ” สวีซงซิงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าผมหน้าเหมือนเพื่อนคุณ ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นครับ?”
สวีซงซิงจ้องมองหญิงสาวด้วยความพิจารณา ลู่ฉิวเยว่ไม่มีทางเลือกนอกจากตอบตามความเป็นจริง “ฉันมีเพื่อนอยู่ในเมืองหัวอ้ายค่ะ เขามีหน้าตาเหมือนคุณมาก สูงไล่เลี่ยกัน ถ้าไม่สังเกตก็แยกกันไม่ออกเลย มีเพียงแค่เสียงพูดเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน ตอนแรกฉันก็เลยนึกว่าคุณเป็นเขาน่ะค่ะ” ความจริง เธอก็พอเดาอะไรบางอย่างได้อยู่แล้ว
“จริงเหรอครับ? งั้นก็โชคดีที่สุด!” สวีซงซิงตบโต๊ะด้วยความชอบใจ ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น “สงสัยเพื่อนคุณคงเป็นน้องชายผมแน่เลย”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่รับฟังนายตำรวจหนุ่มอธิบาย เธอก็ได้รู้ความจริงว่าพวกเขาเป็นสองพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพรากกันมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย พ่อแม่ของพวกเขาใจสลายเพราะเรื่องนี้ มีการออกตามหาตัวอยู่นานหลายปี แต่สุดท้ายก็มาได้เบาะแสเพราะลู่ฉิวเยว่นี่เอง
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในละครน้ำเน่าสักเรื่องหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
“พ่อแม่ของผมโทษตัวเองตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เราก็คงไม่รู้เลยว่าจะไปหาเขาจากที่ไหน คุณเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวผมจริง ๆ ครับ” สวีซงซิงจ้องมองเธอด้วยความตื้นตันใจ “คุณช่วยให้ที่อยู่เพื่อนของคุณกับพวกเราหน่อยได้ไหมครับ?”
ลู่ฉิวเยว่โบกไม้โบกมืออย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ “คุณตำรวจสวีเกรงใจกันเกินไปแล้ว ชางโจวกับฉันเป็นเพื่อนกันค่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย” หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็นำกระดาษและปากกาออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะจดที่อยู่ของสถานีตำรวจประจำเมืองหัวอ้ายลงไป
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว พวกคุณสองพี่น้องสมกับเป็นฝาแฝดจริงๆ นะคะ ขนาดไม่ได้โตมาด้วยกัน พวกคุณยังเป็นตำรวจเหมือนกันเลย” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ
“น้องชายของผมเป็นตำรวจเหมือนกันเหรอครับ?” สวีซงซิงมีสีหน้าประหลาดใจสุดขีด “บังเอิญสุด ๆ เลยนะครับ” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็อดมีความสุขไม่ได้ ดูเหมือนน้องชายของเขาที่หายตัวไปจะมีชีวิตที่ไม่ได้ยากลำบากสักเท่าไหร่ ถ้าพ่อแม่ของเขาได้รับทราบเรื่องนี้ก็คงเบาใจขึ้นแล้ว
หลังจากที่สวีซงซิงได้รับทราบข้อมูลสำคัญเช่นนี้ เขาก็แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับบ้านไปบอกพ่อแม่ นายตำรวจหนุ่มไม่มีอารมณ์นั่งรับประทานขนมอีกต่อไป เขารีบกลับบ้านไปโดยทันที
ลู่ฉิวเยว่มองแผ่นหลังของนายตำรวจเดินจากไป ใบหน้าประดับรอยยิ้ม เธอเองก็รู้สึกดีใจไปกับเขาด้วยจริง ๆ
ชีวิตของเธอกำลังมีความสุข ผิดกับชีวิตสมาชิกตระกูลจ้าว เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่จ้าวซูซินถูกตำรวจจับกุมในครั้งนี้ พ่อของเธอพยายามใช้เส้นสายและคนรู้จักจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือลูกสาว แต่ก็ยังไม่สามารถพาตัวลูกสาวออกจากห้องขังได้อยู่ดี…เถ้าแก่จ้าวจึงรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างยิ่ง
บรรดาเพื่อนเก่าของเขานอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้ว ยังไล่ให้เขากลับไปอบรมสั่งสอนลูกสาวตัวเองให้ดีมากกว่านี้อีก
จ้าวซูซินเป็นเด็กเอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไร หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นหัวใครมาก่อน คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่เคยอบรมสั่งสอนให้ถูกต้อง แต่เวลามีปัญหาขึ้นมาก็อยากจะให้พวกเขาไปช่วยเหลือเธอออกมาเนี่ยนะ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร!
“คือแบบนี้นะ เหล่าจ้าว ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยนาย แต่เรื่องนี้ลูกนายทำผิดจริง ๆ ตำรวจไม่ใช่คนโง่นะ ฉันไม่ยอมทำอะไรผิดกฎหมายและละเมิดหลักการเด็ดขาด”
เถ้าแก่จ้าวถูกไล่ออกมาพร้อมกับกล่องใส่ของขวัญ เขากัดฟันด้วยความโกรธ เพื่อนของเขาคนนี้นอกจากจะไม่ยอมช่วยเหลือแล้ว ยังเหน็บแนมอีกด้วยว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและละเมิดหลักการ!
เมื่อสองวันก่อน เถ้าแก่จ้าวไปที่บ้านตระกูลฉิน แต่พ่อแม่ของฉินซือก็ไม่อยากเจอหน้าเขา พยายามยกเหตุผลต่าง ๆ นานามาหลบหน้าหลบตาให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายเมื่อได้เจอหน้ากัน พ่อแม่ของฉินซือก็บอกว่าไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้ พวกเขาบอกว่านี่เป็นเรื่องของเด็ก ๆ ก็ให้เด็ก ๆ จัดการกันเองเถอะ
แต่ลูกสาวของเขาถูกขังอยู่ในสถานีตำรวจอยู่แค่คนเดียว เถ้าแก่จ้าวกัดฟัน ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากไปตามหาร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่